คนที่มาใหม่ก็คือ…เหอเฟิงและเติงฮ่าว

 

“สวัสดี ฉันคือร้อยเอกเหอเฟิงจากค่ายซางจิง” เหอเฟิงเปิดปากแนะนำตัวเองก่อนและยื่นกล่องใบหนึ่งส่งมาให้ด้วยท่าทางสุภาพ

 

ตวนเจียงเหว่ยมองไปที่ร้อยเอกหนุ่มตรงหน้าด้วยความงงงวย

 

พ้ะ!

ทันใดนั้นเหอเฟิงก็รีบแสดงทำความเคารพแบบทหารต่อตวนเจียงเหว่ยทันทีในขณะที่ผู้คนในห้องโถงยังคงยืนอึ้งและไม่ได้สติจากอาการช็อคของเหตุการณ์ก่อนหน้านี้เลยกลับต้องช็อคอีกครั้งกับระเบิดลูกใหม่ที่ร้อยเอกเหอเฟิงโยนลงมา “ขอแสดงความยินดีด้วยครับพลเรือเอกตวนเจียงเหว่ย!”

 

ตึง!
มีเสียงของตกกระทบพื้นดังขึ้นทันทีที่ได้ยินคำพูดของเหอเฟิง ผู้คนที่ยังไม่ได้สติดีจากเหตุการณ์ฆ่าก่อนหน้านี้ต่างสะดุ้งตื่นขึ้นมา ตามมาด้วยเสียงพูดคุยที่เริ่มดังเซ็งแซ่ไปทั่วห้องโถง

 

“พลเอก?”

 

“เลื่อนยศ—-“

 

“พลเอกอายุแค่ 22 ปี นี้มัน?”

 

“มีพลเอกกี่คนในจีนกัน?”

 

“รวมพลเอกตวนเจียงเหว่ยคนใหม่ด้วยก็เป็นทั้งหมด 15 คน”

 

“พระเจ้า นี่ฉันยืนอยู่กับพลเอก!”

 

พลเอกมีเพียงแค่ 15 คน ซึ่งรวมถึงนายพลหลายคนที่เคยเป็นพลเอก ทว่าหลังจากโลกาวินาศมันเหลือเพียง 4 คนเท่านั้นที่มีตำแหน่งพลเอก คนแรกคือจวงฮงที่ทำผลงานครั้งยิ่งใหญ่ให้แก่ค่ายซางจิง คนที่สองประจำอยู่ที่ค่ายผู้รอดชีวิตในหนานตู้และเป็นพ่อของฉางกวนยวีซิน ส่วนตวนเจียงเหว่ยและชูฮันคือสองคนสุดท้าย

 

สองคนแรกนั่นมีอายุเข้าวัยกลางคนแล้ว ทั้งคู่เป็นทหารตั้งแต่ยุคศิวิไลซ์จนถึงยุคโลกาวินาศ พวกเขาต่างสร้างผลงานยิ่งใหญ่ให้จีน ขณะที่ชูฮันและตวนเจียงเหว่ยเป็นพลเอกมือใหม่ คนหนึ่งอายุ 22 ความสามารถเป็นที่น่าอัศจรรย์ ส่วนอีกคนอายุเพียงแค่ 20 ปี ยังไม่แม้แต่จะเรียนจบมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ

 

ชายหนุ่มที่อายุเพียง 20 ปียังคงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองมีตำแหน่งเป็นถึงพลเอก

 

ส่วนตวนเจียงเหว่ยนั้นก็ไม่ได้คิดเลยว่าทางซางจิงจะเลื่อนตำแหน่งให้เขาเร็วขนาดนี้ ทว่ามันก็พอจะเข้าใจได้ จำนวนผู้รอดชีวิตในค่ายตวนนั้นมีมากถึง 20,000 คน แถมยังมีวิวัฒนาการะยะ 5 ที่พึ่งจะก้าวข้ามผ่านระยะมาเมื่อวานนี้ และยังมีกลุ่มนักรบวิวัฒนาการที่มากถึง 300 คนในค่ายอีก

 

และในขณะที่ทั้งห้องโถงกำลังเต็มไปด้วยเสียงดังลั่นของผู้คนที่ดีใจกับการเลื่อนตำแหน่งของตวนเจียงเหว่ยอยู่นั้น เหอเฟิงกลับยืนนิ่งเงียบขณะใช้ความคิด ส่วนเติงฮ่าวที่พึ่งได้รับตำแหน่งใหม่หมาดๆ จู่ๆก็หันไปชี้ภาพวาดที่ยังอยู่ในมือของตวนเจียงเหว่ยพร้อมกับตะโกน “ชูฮัน?”

 

ทันทีที่คำสองคำนั้นออกมา ห้องทั้งห้องที่ก่อนหน้านี้เต็มไปด้วยเสียงดังก็ตกอยู่ในความเงียบทันที

 

ความเงียบที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันทำให้เติงฮ่าวอดไม่ได้ที่จะรีบเอามือขึ้นมาปิดปากเมื่อตระหนักได้ว่า…เขาสร้างเรื่องแล้ว!

 

เติงฮ่าวพึ่งได้รับตำแหน่งร้อยเอกใหม่ จู่ๆเขาก็ได้รับตำแหน่งจากพลเรือนมาเป็นร้อยเอกในกองทัพอย่างกระทันหัน เขายังไม่เข้าใจอะไรอีกหลายอย่างและเขาไม่สามารถเข้าใจวิธีการรับมืออะไรหลายๆอย่างของเหอเฟิง ครั้งนี้เขาติดตามเหอเฟิงออกมาจากค่ายเพื่อที่เขาจะได้ศึกษาจากเหอเฟิงโดยตรง

 

เมื่อได้เห็นทุกคนตรงหน้าเขายืนอึ้ง เขาก็แทบอยากจะหนีออกไปซะเดี๋ยวนี้เลย นั่นมันภาพวาดของชูฮันไม่ใช่เหรอ ทำไมทุกคนถึงทำหน้าแบบนั้น?

 

น่าอายชะมัด!

เหอเฟิงเป็นคนที่มีปฏิกิริยารวดเร็วที่สุด เขายังไม่เคยเจอชูฮันตัวเป็นๆ ดังนั้นพอผู้ช่วยของเขาที่มักจะทำเรื่องผิดพลาดจู่ๆก็แหกปากขึ้นมา จิตใต้สำนึกของเหอเฟิงก็รีบบอกให้เขาจดจำภาพวาดเสมือนตรงหน้าทันทีพร้อมกับหันหน้าไปหาเติงฮ่าวเพื่อยืนยัน “นายแน่ใจว่านี่คือชูฮัน? ดูให้แน่ใจอีกทีสิ!”

 

เติงฮ่าวรีบมองภาพอีกครั้ง ท่ามกลางความตะลึงของทุกคน เติงฮ่าวก็พูดบางอย่างที่ทำให้ทุกคนแทบจะเป็นลมขึ้นมา “ใช่! ผมเคยเจอชูฮันมาแล้ว นี่คือชูฮัน!”

 

อัก!

ไก๋หนานแทบจะกระอักเลือดออก…คนบ้านั่นคือชูฮัน?

 

แม่ง!

 

พี่หวังไค คือ พลเอกชูฮัน?

 

ความสำเร็จ S+ ที่เหนือชั้น อันดับหนึ่งของพลังการต่อสู้โดยรวมของระยะ 2 คนมักก้าวข้ามผ่านคำว่ามหัศจรรย์เสมอ ฆ่าซอมบี้ 5,000 เป็นกองศฑ และยังได้ครอบครองตำแหน่งพลเอกที่อายุน้อยที่สุดของจีนอีก!

 

แต่เขากลับตั้งนามแฝงให้ตัวเองว่า หวังไค

 

และฉันก็เชื่อ!

 

ไม่แปลกใจที่ไก๋หนานจะช็อคเพราะชื่อเสียงของชูฮันนั้นกว้างใหญ่มาก

 

เด็กหนุ่ม ทรงพลัง จัดการกองศพซอมบี้ได้ด้วยตัวคนเดียว อาวุธที่ใช้ก็มีเพียงแค่ขวานดำยักษ์ ฆ่าคนได้โดยไม่กระพริบตา หยิ่งยโสไม่สนใจใคร ทุกอย่างคือลักษณะของชูฮัน

 

อย่างไรก็ตาม พี่หวังไค ที่ไก๋หนานรู้จักไม่ได้เพียงแค่แข็งแกร่งในด้านพละกำลังเท่านั้น แต่ยังมีด้านอื่นอีกด้วย!

 

อย่างแรกคือ อาวุธที่เห็นได้ชัดเจน…ขวาน? ตั้งแต่แรกเริ่มจนจบเขาไม่เคยเห็นขวานดำของชูฮันเลย อาวุธเดียวที่เขาเคยเห็นก็คือ กริช

 

อย่างที่สองคือ การฆ่าคนโดยไม่กระพริบตา ยิ่งยโสจนไม่สนใจใครในสายตา

 

หลูชูซเวเองก็แทบยืนไม่อยู่เธอก็คิดอยู่แล้วว่าหวังไคคนนั้นดูแปลกไปทุกอย่าง!

 

ที่ไหนได้ปรากฏว่าเขาคือชูฮัน คือชูฮันคนนั้น!

 

หลูชูซเวอดไม่ได้ที่จะนึกเสียดาย ในฐานะคนเชื่อใจของตวนเจียงเหว่ย เธอทำได้การศึกษาเหล่าวิวัฒนาการที่มีชื่อเสียงและอันดับสูงๆไว้อย่างละเอียด และคนที่ต้องระมัดระวังมากที่สุดก็คือชูฮัน แม้แต่ระดับอันตรายของป่ายหวีเนอก็ยังไม่เทียบเท่าเท่ากับชูฮัน ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเธอเองจะปล่อยชูฮันผ่านหน้าไปแบบนี้ได้?

 

พระเจ้า!

 

ทันใดนั้นหลูชูซเวก็รู้สึกจุก เธอรู้ว่าเธอควรจะสังเกตการณ์และคอยเฝ้าระวัง 24 ชั่วโมง เพราะไม่เช่นนั้นเธออาจพลาดโอกาสบางอย่างไปได้

 

สายตาของตวนเจียงเหว่ยเย็นยะเยือกขึ้นมา ตวนฮงเหว่ยที่ปางตายถูกจงใจส่งมาถึงเขาโดยฝีมือของชูฮัน?

 

ผู้ชายคนนี้ยิ่งใหญ่เกินไป!

 

นอกเหนือจากที่ชูฮันจะวิเคราะห์ตวนเจียงเหว่ย ตัวตวนเจียงเหว่ยเองก็วิเคราะห์ชูฮันหลายครั้งเช่นกัน เพราะยังไงชูฮันก็คือคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังเกินกว่าจะมองข้ามไปได้ ตั้งแต่แรกเริ่มตวนเจียงเหว่ยคิดว่าผู้ชายคนนี้ก็แค่คนขี้ขลาดคนหนึ่ง ทว่าหลังจากได้รับข้อมูลบางอย่างประกอบกับข้อมูลที่ไก๋หนานให้มา

 

ตวนเจียงเหว่ยก็สรุปได้ว่าชูฮันรู้เรื่องทุกอย่างอยู่แล้ว!

 

การฆ่าเป็นเรื่องกล้วยๆสำหรับชูฮัน แค่ตวนฮงเหว่ยทำให้ชูฮันอับอายก็มากพอแล้วสำหรับโทษตาย ทว่าสุดท้ายชูฮันกลับไม่ฆ่า? นี่มันไม่ใช่วิธีการของชูฮันเลย ตวนเจียงเหว่ยทำการศึกษาข้อมูลของชูฮันมาอย่างละเอียด

 

ผู้ชายคนนี้เป็นคนบ้าแท้ๆนี่เอง!

 

อย่างไรก็ตาม ชูฮันไม่ฆ่าตวนฮงเหว่ยแต่กลับส่งมาให้เขาเป็นคนฆ่าด้วยมือตัวเอง

 

ความหมายของการกระทำนี้คืออะไรกัน? ต้องการทำข้อตกลง?

 

นักรบผู้บ้าคลั่งรู้วิธีการสื่อสารจริงๆงั้นเหรอ?

 

สายตาของตวนเจียงเหว่ยจับจ้องไปที่ภาพวาดอีกครั้ง—-