เมื่อทุกคนเห็นชายผู้หนึ่งที่มีกล้ามเนื้อแข็งแรง จึงกล่าวออกมาด้วยความตกใจ “เป็นหวางไห่รึที่จะลงประลอง ? เข้าใจอะไรผิดไปหรือไม่ เขาไม่ได้ลงประลองมาเป็นเวลานานนมเนแล้ว เมื่อมาลงประลองก็ต้องมาเจอกับเจ้าเด็กที่กระโดดข้ามขั้นขึ้นมานี่น่ะรึ ?”
“เจ้าเด็กนั่นช่างโอหังนัก ได้โอกาสที่จะสั่งสอนเขาพอดี จะได้ไม่ไปทำตัวยโสเกินไปในเขตสาม”
หลินไห่กล่าวขึ้น “เจ้าหนู หากเจ้ากลัวก็จงก้มหัวให้ข้าสามครั้ง แล้วเมื่อถึงตอนนั้นข้าจะยังเหลือลมหายใจไว้ให้เจ้าเฮือกหนึ่ง”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเกียจคร้าน “หากเจ้าคุกเข่าลงและเรียกข้าว่าท่านปู่สามครั้ง ข้าจะยังเหลือลมหายใจไว้ให้เจ้าสามเฮือกเป็นเช่นไรล่ะ ?”
“เจ้าเด็กอวดดี เจ้ารนหาที่ตายเอง เช่นนั้นข้าไม่ต้องเกรงใจแล้ว!”
กำปั้นเหล็กของหลินไห่นั้นน่าเกรงขามอย่างมาก หากหมัดเหล็กของเขากระแทกเข้ากับร่างเล็ก ๆ ของเด็กหนุ่มตรงหน้าเข้าละก็ ผลลัพธ์ที่ได้คือกระดูกเด็กหนุ่มผู้นี้ต้องแตกสลายเป็นแน่
ฝ่ายตรงข้ามนั้นเป็นปรมาจารย์ภูตขั้นสูงสุดระดับเก้า เมื่อเทียบกับมู่เฉียนซีแล้ว เขาสูงกว่าถึงห้าขั้น
เขามีความแข็งแกร่งที่แน่นอนในการบดขยี้ที่จะขยี้มู่เฉียนซีได้ แต่ดวงตาของมู่เฉียนซีกลับไม่มีร่องรอยของความกลัวแม้แต่น้อย กลับกัน นางรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเสียด้วยซ้ำ
“คู่ต่อสู้เช่นนี้สิ ข้าถึงจะได้ฝึกตัวเองให้ผ่านไปได้”
“รับกระบวนท่าเถอะ!” หลินไห่ตะโกนก่อนจะชกมู่เฉียนซีด้วยพลัง กำปั้นของเขานั้นราวกับกระบองเหล็ก
ในระยะทางสามเมตรที่เข้ามาใกล้มู่เฉียนซี เขานั้นประหนึ่งระบำเข้ามาดั่งกังหันลมที่หมุนอย่างบ้าคลั่ง
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีอันทรงพลังเช่นนี้ มู่เฉียนซีไม่ใช้พลังของนางที่เป็นเพียงจอมภูตระดับสี่ไปรับเข้าอย่างจัง นางเลือกที่จะหลบหลีกอย่างชาญฉลาดแทน
นางเลือกใช้ ‘ย่างก้าวพันเงา’
สำหรับนางแล้ว หากจะหลบการโจมตีจากผู้ที่เป็นปรมาจารย์ภูตนั้นไม่ได้ยากเย็นเลย
ในเวลาต่อมา หลังจากที่นางหลบหลีกไปแล้ว มู่เฉียนซีแค่นเสียงเย็นชา “ผนึกมังกรวารี!”
มังกรวารีพุ่งทะยานเข้ากระแทกบนร่างของหลิ่นไห่ สำหรับพลังของกล้ามเนื้อที่บึกบึน มังกรวารีนั้นเป็นเหมือนเพียงสายฝนที่มากระทบกายเท่านั้น เขาหัวเราะยกใหญ่ก่อนจะกล่าว “เจ้าหนู เจ้ามีความสามารถเพียงเท่านี้เองหรือ ? กระจอกนัก!”
กล่าวเช่นนั้นแล้ว เขาซัดหมัดเข้าใส่มู่เฉียนซีอีกครั้ง เป้าหมายของเขาคือขาทั้งสองข้างของมู่เฉียนซี
เจ้าเด็กผู้นี้มีวรยุทธ์ในการเดินเหินที่เก่งกาจมาก เขาจึงจงใจจะทำให้ขาเจ้าหนุ่มพิการใช้การไม่ได้ หากขาพิการ อยากจะรู้นักว่าจะหนีอย่างไรได้ ?
ทว่าหลินไห่ที่ต้องการทำลายขาทั้งสองข้างของมู่เฉียนซี เขาคิดว่ามันง่ายดายเช่นนั้นหรือ ? ตามความรวดเร็วของมู่เฉียนซีให้ได้ทันเสียก่อนเถิดแล้วค่อยมาว่ากัน!
ลมกระโชกพัดผ่านไป หลินไห่หายใจหอบ เขาทุ่มพลังไปมากทว่าไม่สามารถทำร้ายมู่เฉียนซีได้แม้แต่น้อย
“มังกรวารีสะท้านสวรรค์!” มู่เฉียนซีตะโกน ฉับพลันทันใดมังกรวารีดิ่งลงมาจากบนฟากฟ้า พุ่งทะยานตรงไปยังหัวใจของหลินไห่
หลินไห่รวบรวมพลังวิญญาณอย่างบ้าคลั่ง ในที่สุดเขาก็ป้องกันเอาไว้ได้
เขากล่าวเหยียดหยามว่า “ระดับสี่คือระดับสี่ ไม่ว่าเจ้าจะดิ้นรนอย่างไร วันนี้เจ้าจะต้องตายบนลานประลองนี้อย่างแน่นอน”
“หนวกหู! มังกรวารีพิฆาต!”
หลินไห่ผู้นี้ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาเลยจริง ๆ
ทั่วทั้งลานประลองในเวลานี้เต็มไปด้วยความเยือกเย็นอันแปลกประหลาด มังกรวารีพุ่งทะยานเข้าไปอย่างไร้ปราณี แล้วก็ได้ชนเข้าจนอวัยวะภายในที่สำคัญของเขาแตกสลายไป
“พรวด!” หลินไห่กระอักเลือดออกมา
— ปัง! —
มู่เฉียนซีลงมือเบา ๆ และโยนเขาลงมาจากลานประลอง
มู่เฉียนซีชนะอีกคราแล้ว ข้ามระดับไปมากขั้นเช่นนั้นกลับชนะ…
ทุกผู้คนแทบไม่อยากเชื่อสายตา อวิ๋นอี๋เองก็แทบจะหนีจากไป เป็นไปได้เช่นไร มันเป็นอย่างนี้ไปได้เช่นไรกัน ?
“คุณหนูใหญ่ มู่ซีเป็นผู้บำเพ็ญภูตธาตุวารี วรยุทธ์ฝีเท้าของนางนั้นไม่เหมือนใคร บุคคลระดับปรมาจารย์ภูตไม่มีใครสามารถตามเขาได้ทัน กอรปกับกระบวนท่าพลังวิญญาณของเขาก็ไม่ธรรมดา ท่าสุดท้ายนั้นถือเป็นไม้ตายที่พิฆาตฆ่าสังหารผู้ที่อยู่ระดับปรมาจารย์ภูตได้เลย”
“คู่ต่อสู้ในลานประลองยุทธ์ใต้ดินเกรงว่าจะมีปัญหาบางอย่าง นอกเสียจากว่าเขาจะข้ามขั้นไปที่เขตของราชาแห่งภูต”
อวิ๋นอี๋ “เช่นนั้นก็ให้เขาไปที่เขตราชาแห่งภูตเถอะ ทว่าปรมาจารย์ภูตระดับสาม คนเหล่านี้อยากที่จะประลองฝีมือกับมู่ซีเพื่อที่จะดูขีดจำกัดของเขา ไม่ว่าเขาจะเก่งกาจเพียงใด วันนี้ก็อย่าได้คิดจะมีชีวิตรอดออกไปจากลานประลองยุทธ์ใต้ดินนี้เลย!”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามู่เฉียนซีได้เผชิญหน้ากับการต่อสู้ชนิดที่แทบเรียกได้ว่าวนเวียนกันไป คู่สุดท้ายเป็นสตรีนางหนึ่ง สตรีเพียงผู้เดียวในเขตนี้ที่นอกเหนือจากสตรีชุดสีเขียว
นางตีสีหน้าเย็นชาก่อนจะกล่าวเสียงต่ำว่า “เจ้าหนู พรสวรรค์ด้านการต่อสู้ของเจ้าไม่เลว น่าเสียดายที่เจ้ามาล่วงเกินคุณหนูใหญ่ของข้า ขอเพียงเจ้ายอมรับความผิดกับคุณหนูใหญ่ของข้า บางทีคุณหนูใหญ่อาจจะสามารถทําให้เจ้าได้ดีในสํานักนอกอวิ๋นเยียนได้”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ข้าคิดว่าข้าไม่ได้ผิด เหตุใดข้าต้องขอโทษด้วย ? หากเจ้าอยากแก้แค้นให้คุณหนูใหญ่ของเจ้าก็ลงมือเลยซี่! อย่าเอาแต่กล่าววาจามากความอยู่เลย”
เงากระบี่สีเขียวมีพลังสังหารอย่างไร้ที่เปรียบ ทว่าก็มิอาจที่จะไล่ตามเงาร่างสีม่วงนั้นได้
ท่วงท่าในการใส่กระบวนท่าของเด็กหนุ่มผู้นี้ไม่มีข้อบกพร่องใด ๆ ช่างสมบูรณ์แบบเสียจนทําให้ทุกผู้คนนิ่งอึ้งตะลึงลาน
“มังกรวารีพิฆาต!”
สตรีชุดเขียวตกใจกับกระบวนท่านี้อีกครั้ง นางถอยหลังไปหลายก้าว หมายจะทำลายกระบวนท่านี้ให้พินาศ
— ตูม! —
ระดับเก้าขั้นสูงสุดของปรมาจารย์ภูต โอ้ไม่…
นางพุ่งตรงไปยังราชาแห่งภูต จงใจระงับพลังเพื่อมายังขอบเขตนี้
“สตรีผู้นี้ทะลวงผ่านแล้ว เช่นนั้นการแข่งขันก็ต้องหยุดแล้วมิใช่รึ ? ไม่เช่นนั้นมันจะไม่ยุติธรรม”
มู่เฉียนซีกล่าวเสียงต่ำ “ไม่เป็นไร ทะลวงผ่านราชาแห่งภูตก็สามารถต่อสู้ได้ มาเลย!” เมื่อกระบี่มังกรเพลิงหลุดออกจากปลอก มู่เฉียนซีก็ก้าวเท้าอย่างแรง พุ่งเข้าใส่สตรีชุดเขียวผู้นั้นอย่างมั่นใจ
— ตูม! —
เมื่อพลังทั้งหมดของสตรีชุดเขียวระเบิดออกมา ทุกคนก็พบว่านางมิได้เพิ่งจะทะลวงผ่านราชาแห่งภูต ทว่านางเป็นราชาแห่งภูตระดับสามแล้ว
นี่คือการโกง โกงอย่างสมบูรณ์แบบ!
คนของลานประลองยุทธ์ใต้ดินแสร้งทําเป็นตายไร้ลมหายใจ และมู่เฉียนซีก็ไม่ได้ร้องทุกข์ ดังนั้นการประลองนี้จึงดําเนินต่อไป
เงากระบี่สีเขียวพุ่งเข้าหาดวงตามู่เฉียนซี แม้ว่ากระบวนท่าของเขาจะไม่มีข้อบกพร่องใด ๆ แต่สําหรับคนผู้หนึ่งแล้ว ดวงตาจะต้องเป็นจุดอ่อนที่สําคัญอย่างแน่นอน
เด็กหนุ่มผู้นี้ทั้งมีพรสวรรค์ทั้งดื้อรั้น ไม่สามารถเก็บเขาไว้ได้ ไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องกําจัดเขาเสีย เพื่อไม่ให้เขาเติบโตพัฒนาขึ้นมาข่มขู่ศิษย์สํานักนอก
— ปัง! —
กระบี่ยาวสีเขียวเล่มหนึ่งปะทะกับกระบี่สนิมเล่มหนึ่ง ก็ถึงวาระที่จะมาถึงจุดจบของสตรีชุดเขียวแล้ว
กระบี่วิญญาณที่มีพลังระดับราชาในเวลานี้สามารถถูกกระบี่สนิมเล่มหนึ่งฟันขาดได้ทุกเมื่อ
— แกร๊ง! —
สตรีชุดเขียวยังไม่ทันได้ตื่นจากความตกใจที่กระบี่ตนขาด ทันใดนั้นปลายกระบี่สีแดงเข้มก็ทะลุผ่านหัวใจนางไป
— ฉึก —
ลมหายใจของชีวิตถูกตัดขาด จิตวิญญาณถูกทําลาย
ทันใดนั้น อวิ๋นอี๋ตบโต๊ะเสียงดัง ‘ปัง’ นางเปิดหน้าต่างห้องส่วนตัวออกก่อนจะกล่าวอย่างเกรี้ยวโกรธ “มู่ซี เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงกล้าสังหารสาวใช้ส่วนตัวของข้า เจ้าต้องโทษถึงตาย!”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเฉยเมย “เมื่อเข้าสู่ลานประลองยุทธ์ใต้ดิน ชีวิตและความตายของแต่ละคนจะต้องสูญไปก็ไม่ใช่ความผิดของใคร หากคุณหนูใหญ่อวิ๋นต้องการแก้แค้นให้สาวใช้ส่วนตัว ก็มาท้าดวลกับข้าได้”
“โอ้! ข้าลืมไปว่าคุณหนูใหญ่อวิ๋นเป็นผู้ที่พ่ายแพ้ให้แก่ข้า พ่ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ต่อให้กระโดดลงมาท้าประลองกับข้าก็คงจะตายเปล่า”
มู่เฉียนซีไม่เกรงกลัวสํานักนอกของสำนักอวิ๋นเยียนแม้แต่น้อย นางกล่าวยั่วยุอวิ๋นอี๋ ทําให้อวิ๋นอี๋โกรธจนแทบบ้า ทว่าไม่ว่านางจะโกรธเพียงใด นางก็ไม่กล้าเข้าใกล้เด็กหนุ่มที่อันตรายผู้นี้
“เจ้า… เจ้า… เจ้าจะต้องตายอย่างน่าสังเวช!”