ถังรั่วอิงอึ้งงง หลังจากที่เธอย้ายมาอยู่ที่เมืองใหม่สุ่ยเยว่ ฮ่อหยุนเฉิงไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
เธอเม้มปาก หลังจากที่มองสีหน้าของเขาแล้วก็หันหลังเดินออกไป
โรงพยาบาล
หลังจากที่ฮ่อหยุนเฉิงกลับไปแล้ว ซูฉิงก็นั่งอยู่ในห้องผู้ป่วยตลอด มองไปทางเฉินจุนเหยียนที่ยังคงหลับไม่ได้สติอยู่บนเตียง
เขาที่พึ่งผ่าตัดเสร็จ ตรงบาดแผลได้พันไว้เรียบร้อยแล้ว ซูฉิงเม้มปาก ไม่พูดอะไร
เฉินจุนเหยียนรู้สึกยังไงกับเธอนั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี เพียงแต่ว่าเธอควรจะทำยังไงดี
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ซูฉิงดึงสติกลับมาแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก็เห็นเป็นหลิวเสี่ยวหนิงส่งข้อความมาให้เธอ
[พี่ฉิง ไป๋หลานถูกตำรวจจับไปแล้ว รุ่นพี่เฉินเป็นยังไงบ้าง]
[เขาพึ่งได้รับการผ่าตัดเสร็จ ตอนนี้ยังไม่ฟื้น]
หลังจากที่ซูฉิงส่งข้อความตอบกลับไป ก็ปิดโทรศัพท์ ตอนนี้ทีวีในห้องผู้ป่วยก็กำลังรายงานข่าว
[เกิดเรื่องขึ้นที่กอกงถ่ายละครพ่าหวังเปี๋ยจี มีรายงานข่าวว่าดารานำชายแซ่เฉินถูกปืนยิงได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้ผู้ต้องสงสัยไป๋หลานได้ถูกตำรวจนำตัวไปแล้ว เพื่อดำเนินคดีต่อไป]
และภาพด้านล่างก็เป็นผู้หญิงที่ถูกใส่กุญแจมือ ซึ่งก็คือไป๋หลานนั่นเอง
ตระกูลสวี
สวีหว่านเอ๋อร์ที่นั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟา เธอก็เปิดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ อย่างรู้สึกหงุดหงิด ก็เห็นข่าวของกองถ่ายละคร《พ่าหวังเปี๋ยจี 》 และข่าวที่ไป๋หลานถูกตำรวจจับ
เธอยืดตัวขึ้นตรงจ้องมองไปที่หน้าจอ เพื่อตั้งใจดู
ไม่ได้เรื่อง!
เดิมทีเธอนั้นคิดจะยืมมือคนอื่นฆ่าคน ให้ไป๋หลานกำจัดซูฉิง ใครจะรู้ว่าผู้หญิงคนนี้จะฉวยโอกาสไม่ได้ยังขาดทุนอีก!
ไม่ได้เรื่องจริงๆ !
สวีหว่านเอ๋อร์กัดฟันกรอดด้วยความโมโห พร้อมกับฟากมือลงไปที่โซฟาอย่างแรง
เธอไม่น่าเชื่อยัยไป๋หลานน่าโง่เลย นอกจากจะกำจัดซูฉิงไม่ได้แล้ว ยังทำให้เฉินจุนเหยียนได้รับบาดเจ็บอีก ก็ไม่เท่ากับว่าความวันไม่ทันหายความควรเข้ามาแทรก!
“หวานเอ๋อร์ เป็นอะไรหรอ”
สวีหว่านเอ๋อร์ได้ยินเสียงของสวีมู่หย่างก็จัดการกับอารมณ์ของตัวเอง แล้วหันไปยิ้มให้ แล้วพูดกับสวีมู่หยาง
“ไม่มีอะไรค่ะ เมื่อกี้ดูละครในโทรทัศน์ เลยอินไปหน่อย”
สวีมู่หย่างพยักหน้า แล้วเดินเข้าไปนั่งข้าง ๆ สวีหว่านเอ๋อร์ พร้อมกับยื่นที่อยู่ให้”พี่หาคุณหมอที่มีชื่อเสียงได้แล้ว เขาอยู่ที่เกาหลี วันมะรืนพี่จะไปส่งเธอขึ้นเครื่องเวลาสิบโมงเช้า พอเธอไปแล้ว น่าจะรักษารอยแผลเป็นที่ข้อมือหายได้ ผู้หญิงมีรอยแผลเป็นบนตัวไม่ค่อยสวยเท่าไหร่”
สวีหว่านเอ๋อร์มองที่อยู่บนกระดาษ นิ่งเงียบไม่พูดอะไรแล้วพยักหน้าเบาๆ
“โอเคค่ะ”
สองวันต่อมา ตอนบ่ายสองโมงที่สนามบินโซล
สวีหว่านเอ๋อร์เดินออกมาจากสนามบิน แล้วก็มีรถมาจอดรอรับ เป็นผู้ชายที่สวมชุดสูทสีดำพอเห็นสวีหว่านเอ๋อร์ก็พยักหน้าแล้วถาม:”ไม่ทราบว่าใช่คุณสวีมั้ยครับ”
สวีหว่านเอ๋อร์ลากกระเป๋าเดินมาที่รถ แล้วมองพวกเขาอย่างสงสัย จากนั้นก็พยักหน้า
“พวกเราได้รับคำสั่งจากท่านประธานสวีให้มารับคุณสวี ท่านประธานสวีสั่งว่าให้ไปส่งคุณที่โรงพยาบาลศัลยกรรม เชิญขึ้นรถเถอะครับ”
พอถึงหน้าโรงพยาบาลศัลยกรรม สวีหว่านเอ๋อร์ก็รู้สึกตื่นเต้น เธอก็ได้เจอกับคุณหมอศัลยกรรมที่สวีมู่หยางติดต่อให้ ทั้งสองได้พูดคุยเกี่ยวกับรอยแผลเป็นที่เป็นข้อมูลของสวีหว่านเอ๋อร์ แล้วก็จัดให้เธอเข้าพักที่โรงพยาบาล
ใครจะรู้ว่าหน้าห้องพักผู้ป่วย สวีหว่านเอ๋อร์มองเห็นหน้าผู้หญิงที่สวยงามมาก
ผู้หญิงคนนั้นดูท่าน่าจะพึ่งหายได้ไม่นาน บนตัวยังสวมชุดของโรงพยาบาลอยู่ ตอนที่เธอหันมาเจอกับสวีหว่านเอ๋อร์นั้นแววตาเต็มไปด้วยความตกใจ
“เธอเองหรอ”
สวีหว่านเอ๋อร์รู้สึกงงงวย เธอไม่เคยเจอผู้หญิงคนนี้มาก่อน แล้วทำไม–
“คุณเป็นใครคะ เราเคยเจอกันมาก่อนหรอ”
ผู้หญิงคนนั้นอึ้งเล็กน้อย แล้วก็ยื่นมือมาลูบหน้าตัวเอง แล้วก็ยิ้มออกมา พร้อมกับส่ายหน้าไปมาพูดเสียงเบาว่า
“ต้องขอโทษด้วยค่ะ ฉันมีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง เหมือนคุณมาก เมื่อกี้ฉันคงจำผิดคนแล้ว”
หลังจากที่ผู้หญิงที่พึ่งพูดกับสวีหว่านเอ่อร์เข้าไปในห้องพักผู้ป่วยแล้ว ก็หันกลับไปมอง หรี่ตาลงเล็กน้อยด้วยแววตายิ้มเยาะ
เธอก็คืออู๋ชิงหร่านนั่นเอง
ตอนแรกหลังจากที่อู๋ชิงหร่านตกหน้าผาไป พอฟื้นขึ้นมาก็พบว่ามีผ้าพันแผลพันตามตัวและใบหน้าของตัวเอง คุณหมอบอกว่าเธอได้รับบาดเจ็บสาหัส ถึงแม้จะรักษาชีวิตได้ แต่ใบหน้าก็เสียโฉมแล้ว
อย่างน้อยเทคนิคของโรงพยาบาลศัลยกรรมในประเทศไม่สามารถที่จะรักษาให้กลับมาสวยเหมือนเดิมได้
ช่วยไม่ได้อู๋จื่อจวิ้นเลยส่งเธอมาศัลยกรรมที่เกาหลี และทุกวันนี้เธอต้องได้แต่อดทน ทำการพักฟื้นอย่างทุกข์ทรมาน
ดีที่ทั้งหมดคุ้มค่า ตอนนี้ใบหน้าของเธอก็กลับมาสวยเหมือนเดิมแล้ว และก็ไม่มีใครจำเธอได้ด้วย
แม้แต่สวีหว่านเอ๋อร์ก็จำเธอไม่ได้
เป็นการยืนยันแล้วว่าเธอทำสำเร็จแล้ว แม้แต่ซูฉิง…
ละครของเธอยังไม่จบนะ
หลังจากที่สวีหว่านเอ๋อร์เก็บของเสร็จแล้ว ก็มานั่งที่เตียง นึกถึงผู้หญิงที่เจอเมื่อกี้ ด้วยความรู้สึกสงสัย
เธอไม่เคยเจอหน้าหล่อนมาก่อนนี้…..แต่ทำไมรู้สึกคุ้นจัง เหมือนเคยเห็นที่ไหนมั้ย”
และทันใดนั้นพยาบาลที่กำลังจะเดินออกไปก็ถูกสวีหว่านเอ๋อร์เรียกไว้ “สวัสดีค่ะ เดี๋ยวก่อนค่ะ ”
“มีอะไรหรอคะ”
สวีหว่านเอ๋อร์อึกอักอยู่สักครู่ แล้วก็หันมองออกไปข้างนอก”ฉันอยากจะถามหน่อยค่ะว่า พูดหญิงที่คุยกับฉันเมื่อกี้ เธอเป็นใครหรอคะ”
“หล่อนหรอคะ”พยาบาลยิ้มตามมารยาท “เธอเป็นคนไข้ที่ถูกส่งมาที่โรงพยาบาลของเราเมื่อหลายเดือนก่อน การผ่าตัดของเธอค่อนข้างซับซ้อน ช่วงนี้ก็อยู่ในช่วงพักฟื้น ดังนั้นเลยออกมาเดินออกกำลังบ้าง แต่ว่าออกจากโรงพยาบาลยังไม่ได้”
“อ้อ ใช่แล้ว เธอเป็นเพื่อนร่วมห้องของคุณนะ พวกคุณจะต้องอยู่ด้วยกันสักระยะหนึ่ง แต่ว่าช่วงนี้ถ้าหากว่าเธอไม่มีปัญหาอะไรก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว”
“อ้อ……ขอบคุณค่ะ”
สวีหว่านเอ๋อร์คิดตามแล้วพยักหน้า แล้วก็เอ่ยขอบคุณพยาบาล จากนั้นก็นอนพักผ่อน
คิดไม่ถึงว่าเพียงไม่นานก็หลับไป ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา เสียงโทรศัพท์ของสวีหว่านเอ๋อร์ก็ดังขึ้น ไม่หยุด
เธอก็ลุกขึ้นมาจากเตียง กดรับสายอย่างอารมณ์เสีย ก็ได้ยินเสียงพ่อไป๋ดังมาตามสาย”คุณสวี…….”
เป็นเสียงผู้ชายที่เหมือนจะอายุแก่ไปมากกว่าหลายสิบปี พร้อมกับความรู้สึกเหนื่อยล้า
“คุณไป๋ คุณมีธุระอะไรคะ”
น้ำเสียงกระแทกของสวีหว่านเอ๋อร์ที่พูดอย่างหมดความอดทน พ่อไป๋โทรหาเธอตอนนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าโทรมาเพื่อไป๋หลาน
แต่ว่าเธอจะยอมโดนร่างแหไปด้วยได้ยังไง
เสียงพ่อไป๋ยังสะอึกสะอื้นอยู่ พูดขอร้องสวีหว่านเอ๋อร์ :”คุณซู พวกเราตระกูลไป๋ก็มีความสัมพันธ์กับคุณมาตลอด และที่ครั้งนี้เธอถูกตำรวจจับไป…….ผมขอร้องคุณ ช่วยเธอหน่อยได้มั้ย ช่วยให้หลานหลานออกมาจากสถานีตำรวจหน่อยได้มั้ย ”