กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 485
เสี่ยวลู่ยิ้มอย่างเขินอายด้วยความสง่างามที่ไม่มีใครเทียบได้

“นายท่าน ความทรงจำของท่านหายไปไม่เป็นไร แต่ท่านห้ามลืมข้าเด็ดขาด” จินเฉียงลูบศีรษะและยิ้มอย่างไร้เดียงสา

“เจ้าเป็นใครหรือ?”

“นายท่าน ข้าคือจินเฉียง คนที่ยกขวานขนาดใหญ่ยังไงล่ะ ท่านยังชมว่าข้ามีความแข็งแกร่งมีพละกำลังเยอะและมีศิลปะการต่อสู้เยี่ยม แถมยังบอกว่าข้าเป็นคนละเอียดอ่อนอีกด้วย?”

นางเชื่อว่ามีความแข็งแกร่งมาก

ศิลปะการต่อสู้ยอดเยี่ยมนั้นนางก็เชื่อ เพราะถึงอย่างไรเสียคนที่นี่ก็มีเส้นเลือดที่ปูดเป่งออกมา เมื่อได้เห็นก็รู้ได้ว่าเป็นยอดฝีมือ

ส่วนเป็นคนละเอียดอ่อนนี่ นางมองยังไงก็ไม่เหมือน

คนอื่นต่างเอามือกุมปากและหัวเราะ

“นายท่าน ข้าคือจางเหวินหู่ มีหน้าที่รวบรวมสมบัติหายากสำหรับการประมูล”

“นายท่าน ข้าคือจางอวิ๋นเจียว เป็นน้องสาวของจางเหวินหู่ มีหน้าที่จัดการของที่ทำการประมูล แต่จริงๆ แล้วทำหน้าที่กระจายเผยแพร่ข่าวออกไป”

“นายท่าน ข้าคือเฉียวหลง มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลความปลอดภัยทั้งหมดในงานประมูล”

“……”

ที่นี่มีด้วยกันทั้งหมดเจ็ดแปดคน เวลาอันน้อยนิดนี้ กู้ชูหน่วนไม่สามารถจำได้ว่าพวกเขาเป็นใครกันบ้าง

เพียงแต่ถามขึ้นมาด้วยความสงสัย “ในเมื่อพวกเจ้าบอกว่า ตอนนั้นข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างมาก เช่นนั้นเหตุใดหลังจากที่ข้าฟื้นขึ้นมา กลับไม่รู้สึกว่ามีตรงไหนรู้สึกเจ็บปวดเลย?”

“นี่ก็เป็นเรื่องที่พวกข้าสงสัยมาตลอดเช่นกัน และจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ทราบสาเหตุ หอเทียนหวั่งก็ไม่ทราบสาเหตุ หรือเป็นเพราะร่างกายของนายท่านมีความพิเศษออกไป จึงทำให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วในชั่วพริบตาอย่างนั้นหรือ?”

“หากเป็นเช่นพวกเจ้าพูดมา ตอนนั้นอาการของข้าน่าจะสาหัสอย่างมาก แม้แต่ไข่มุกอะไรนั่นก็ไม่อาจรักษาให้หายได้ เช่นนั้นจะนับประสาอะไรกับความลับที่ซ่อนอยู่”

เรื่องนี้ ยังคงเป็นความสงสัยความลึกลับที่ยังไม่คลี่คลาย

และบนโลกใบนี้คนที่สามารถคลี่คลายได้ก็คือนายท่านของพวกเขา กู้ชูหน่วนนั่นเอง

แต่นายท่านของพวกเขากลับความจำเสื่อมและลืมเรื่องราวทั้งหมดไป

“และยังมีอีก พวกเจ้าบอกว่าข้าถูกอสุรกายระดับขั้นที่เจ็ดทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และยังถูกจอมมารทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส ศิลปะการต่อสู้ของข้าถูกปิดผนึกเอาไว้แล้วไม่ใช่หรือ? ข้าจะมีพละกำลังมากมายเช่นนั้นได้อย่างไร? และเหตุใดที่จอมมารต้องทำร้ายข้าด้วย?”

“จอมมารมีทั้งความชอบธรรมและความชั่วร้าย เขามักจะหาเรื่องท่านตลอดเวลาและหาเรื่องเปรียบเทียบความเหนือกว่ากับท่านอยู่เสมอ ท่านตามล่าหาไข่มุกมังกร เขาก็ออกตามล่าหาไข่มุกมังกรด้วยเช่นกัน เพียงแต่การตามล่าหาไข่มุกมังกรของเขานั้นก็เพื่อไม่ต้องการให้ท่านได้ไปครอบครองก็เท่านั้น”

ปัดโธ่

เจ้าลูกสุนัข

นางรู้ว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไรอย่างแน่นอน

จงใจแย่งของรักของคนอื่นเช่นนี้ไม่เรียกว่าไร้สาระแล้วจะให้เรียกว่าอะไร

หลังจากที่กู้ชูหน่วนรู้ว่าซือม่อเฟยคือจอมมาร นางก็ไม่ได้รู้สึกดีอะไรกับเขาแล้ว และตอนนี้ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาอีกเลย

เขาควบคุมเผ่าปีศาจไม่ดี ทำให้เผ่าปีศาจมีบรรยากาศที่เลวร้ายป่าเถื่อน ทำให้เยี่ยเฟิงและผู้คอยปรนนิบัติคนอื่นๆ ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมาก

เมื่อนึกถึงเยี่ยเฟิง นางก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจเล็กน้อย

“สำหรับเรื่องผนึก นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ยังเป็นปริศนาและยังไม่ได้คลี่คลาย”

“……”

“พวกเจ้าขึ้นชื่อว่าเป็นหน่วยที่มีชื่อเสียงเรื่องการรายงานข่าวไม่ใช่หรือ? เหตุใดเรื่องนี้ก็ไม่รู้ เรื่องนั้นก็ไม่รู้ล่ะ”

“นายท่าน หน่วยที่มีชื่อเสียงเรื่องการรายงานข่าวก็เป็นเพียงแค่เรื่องที่ตรวจสอบมาได้มีความถูกต้องและข้อมูลมากกว่าที่อื่นก็เท่านั้น แต่ไม่ใช่ว่าเรื่องอะไรก็สามารถตรวจสอบได้ทั้งหมด อีกอย่าง ร่างกายของนายท่านก็มีข้อกำหนดมากมายและยังเก็บความลับได้ดีเช่นนี้ คนปกติที่ไหนจะตรวจสอบเจอล่ะขอรับ”

“แต่ครั้งนี้เราตรวจเจอเรื่องที่สำคัญอย่างมากเรื่องหนึ่ง ดังนั้นจึงรีบมาปรึกษานายท่าน”

“โอ้……เรื่องอะไรหรือ?”

หรือว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับไข่มุกมังกร?

กู้ชูหน่วนเก็บรอยยิ้มแห่งความดีใจเอาไว้และตั้งใจมองไปที่พวกเขา

เห็นเพียงเสี่ยวลู่หยิบเข็มทิศขึ้นมาอันหนึ่งและวางลงตรงหน้าของกู้ชูหน่วนอย่างระมัดระวัง

กู้ชูหน่วนสังเกตอยู่นาน

และไม่รู้ว่าวัสดุชิ้นนี้ทำมาจากอะไร ดูเหมือนกับเหล็ก แต่ก็ไม่เหมือน เหมือนทองแต่ก็ไม่ใช่

มันมีรูปทรงวงกลม

แต่ตรงกลางของมันมีรูปดาวสามอันและรูรูปทรงหัวใจหนึ่งอัน

กู้ชูหน่วนหันไปมองพวกเขาและถามขึ้นว่า “สิ่งนี้คือ……” “นายท่าน พวกเราตรวจสอบอยู่นานมาก ในที่สุดก็เจอข่าวที่สำคัญอย่างมาก เพียงแค่ทำลายเข็มทิศนี้ให้เปิดออก เช่นนั้นก็สามารถรู้ได้ว่าไข่มุกมังกรเม็ดที่หกอยู่ที่ไหน”

“คนของเราพยายามทำให้มันแตกอยู่นาน แต่ก็ไม่สามารถเปิดมันออกได้ หลังจากนั้นจึงไปขอคำปรึกษาจากคุณชายเหวิน คุณชายเหวินศึกษาอยู่นาน จากนั้นจึงพูดขึ้นมาว่า มีรูรูปดาวสามรูและรูรูปหัวใจอยู่อีกหนึ่งรู คาดว่าน่าจะเป็นกุญแจสี่อัน มีเพียงการรวบรวมกุญแจได้ครบสี่อันจึงจะสามารถเปิดเข็มทิศออกได้และตามล่าหาไข่มุกมังกรได้”

“แต่เพราะเวลาผ่านไปแล้วกว่าสองพันปี เรื่องเกี่ยวกับกุญแจรูปดาวนั้น พวกข้ายังหาไม่เจอ ส่วนรูรูปหัวใจบนเข็มทิศนี้ หรือที่เรียกกันว่าดวงตาของเข็มทิศ พวกข้ากลับหาข้อมูลเจอ มันถูกซ่อนอยู่ในกล่องสมบัติในวังหลวง”

เสี่ยวลู่และคนอื่นๆ ดูตื่นเต้นอย่างมาก

สามารถหาเบาะแสของไข่มุกมังกรได้นั้นถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขา

เหตุผลที่ได้เป็นหน่วยที่มีชื่อเสียงอันดับหนึ่งก็เป็นเพราะการตามหาเบาะแสการรวบรวมไข่มุกมังกรนั่นเอง

กู้ชูหน่วนลูบรูกุญแจรูปดาวสามดวงบนเข็มทิศ

ทันใดนั้นเอง ในหัวของนางก็เกิดความคิดที่กล้าหาญแวบขึ้นมา

มีสถานที่สามแห่งที่บันทึกไว้ในม้วนตำราหนังแกะโบราณ หนึ่งคือหุบเขาพิศวิญญาณ ยอดเขาบรรจบเมฆและยังมีหุบเขาตันหุย หรือว่า กุญแจรูปดาวสามอันนั้นจะถูกทิ้งไว้ในสถานที่สามแห่งนั้น?

กู้ชูหน่วนยิ่งคิดก็ยิ่งมีความเป็นไปได้ ไม่เช่นนั้นพันกว่าปีก่อน เหตุใดถึงมีคนยอมพยายามอย่างยากลำบากเพื่อสร้างอาคมกลหมากเก้าช่องขึ้นมา และรวมไปถึงอาคมอีกมากมายเต็มไปหมด

“น่าเสียดาย เราบุกเข้าไปยังวังหลวงมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถหาหัวใจของเข็มทิศได้เลย”
จินเฉียงพูดเสริม “ปัดโธ่ เราค้นแทบจะทั้งวังหลวงแล้วก็ยังหาไม่เจอ จากนั้นเราจึงคาดเดาว่าหัวใจของเข็มทิศอันนั้นน่าจะอยู่ในส่วนที่ลึกลับที่สุดของวังหลวง ห้องคลังสมบัติของราชวงศ์เป็นสถานที่ที่บุกเข้าไปได้ยากมากที่สุด เพราะที่นั่นมีการคุ้มกันที่แน่นหนา และยังเป็นสถานที่ที่เทพแห่งสงครามส่งคนที่เชื่อใจได้ที่สุดเข้าไปเฝ้า ภายในไม่เพียงแค่มีการคุ้มกันที่หนาแน่นเท่านั้น แถมยังมีกับดักอีกมากมาย เราลองแล้วสองครั้งก็ยังไม่สามารถเข้าไปได้ และไม่กล้าลองอีกแล้ว เกรงว่าเทพแห่งสงครามจะรู้ตัวเอาได้”

“ใช่ ห้องเก็บสมบัตินั่น แม้แต่ฝ่าบาทอยากจะเข้าไปก็ต้องผ่านการเห็นชอบจากเทพแห่งสงครามเสียก่อน หากต้องการฝืนบุกรุกเข้าไปก็ได้ แต่เกรงว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น ฉะนั้นเราจึงต้องการฟังความเห็นของท่านหัวหน้าว่าควรบุกเข้าไปดีหรือไม่”

“วังหลวงมีการป้องกันเป็นลำดับขั้น หากบุกรุกเข้าไป ต่อให้เข้าไปได้ แต่หากจะออกไปก็นับว่ายากอย่างมาก เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเถอะ ข้าจะเข้าไปหาเอง”

กู้ชูหน่วนลูบเข็มทิศแทบอดไม่ได้ที่อยากจะหากุญแจทั้งสี่ให้เจอโดยเร็วและจากนั้นจึงรีบตามล่าหาไข่มุกมังกร

อี้เฉินเฟยและเผ่าหยกเหลือเวลาให้นางไม่มากเท่าไรแล้ว

“ไข่มุกมังกรเม็ดที่เจ็ดล่ะ มีเบาะแสหรือไม่?”

“ไม่มี กำลังตรวจสอบอยู่ ช่วงนี้เผ่าหยกก็สั่งให้ผู้อาวุโสจำนวนหนึ่งออกมาค้นหาด้วย”

“ลองไปทางธารน้ำแข็งที่อยู่เหนือสุด”

เสี่ยวลู่และคนอื่นต่างตกใจ “นายท่าน ท่านมีเบาะแสของไข่มุกมังกรเม็ดที่เจ็ดหรือ?”

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เฝ้าระวังหน่อยก็ไม่น่ามีปัญหา”

เพื่อนของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์บอกว่าไข่มุกมังกรเม็ดนั้นที่อยู่บนธารน้ำแข็ง เป็นเม็ดที่หกหรือเป็นเม็ดที่เจ็ดนางก็ไม่รู้แน่ชัด

“ตกลง ข้าจะรีบส่งคนไปยังธารน้ำแข็งทางเหนือสุดเพื่อค้นหา”

“นายท่าน ท่านต้องการกลับไปยังหออันดับหนึ่งในใต้หล้าหรือไม่?”

“ภายนอกล้วนเป็นคนของเยี่ยจิ่งหาน ไม่ล่ะ ครั้งหน้าค่อยไป อ้อใช่ พวกเจ้าเป็นคนล่อเยี่ยจิ่งหานออกมาใช่หรือไม่?”

“ใช่ แต่ก็ไม่ใช่ เทพแห่งสงครามวางแผนการทำสงครามและสังหารคนของเผ่าเพลิงฟ้าไปแล้วนับไม่ถ้วน และยังบุกทลายกองกำลังจำนวนมาก จึงทำให้ครั้งนี้เผ่าเพลิงฟ้าต้องประสบกับความสูญเสียอย่างมาก”

“แต่เขายังใส่ร้ายนิกายเทพอสูรของเราอีกด้วย”

“อ้อ……ใส่ร้ายอย่างไรหรือ?”

“เขาเปิดเผยตำแหน่งที่ตั้งหลักของนิกายเทพอสูรให้กับเผ่าเพลิงฟ้า”