ตอนที่ 229 ทำได้ทันเวลาพอดี

แต่พี่สะใภ้สี่จ้าวก็ไม่ได้คิดอะไรให้ลึกซึ้ง หล่อนคิดว่าไม่สำเร็จก็ดีเหมือนกัน จะได้ลดข้ออ้างไม่ให้แม่หล่อนมาที่นี่ด้วย

เย่ฉูฉู่คุยกับเฮ่อซงจือเสร็จตอนค่ำก็มาเล่าให้จ้าวเหวินเทาฟังอีกรอบ จ้าวเหวินเทารีบพูดว่า “มันจะทำไมกันล่ะ เจ้ารองฉวี่ไม่ชอบ คุณยังคิดจะบังคับให้เจ้ารองฉวี่ชอบให้ได้เหรอ? มีแบบนี้ที่ไหนกัน?”

เย่ฉูฉู่ถลึงตาใส่สามีปราดหนึ่ง “คุยกับคุณนี่มันไม่ได้อะไรเลยจริง ๆ!”

“ภรรยา ผมเข้าใจความหมายของคุณนะ” จ้าวเหวินเทารีบพูด “อันที่จริงคุณไม่ต้องกังวลหรอก เรื่องการแต่งงานมันอยู่ที่ความปรารถนาของคนทั้งคู่ แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นยังไงก็ไม่หวานหรอก!”

เย่ฉูฉู่ถูกหยอกจนหลุดหัวเราะ แม้แต่คำพูดนี้สามีของเธอก็ยังพูดออกมาได้

“เอาล่ะค่ะ ฉันรู้แล้ว พวกเรากินข้าวกันเถอะ” เย่ฉูฉู่ยัดเสี่ยวไป๋หยางไว้ในอ้อมอกของเขา ก่อนจะเดินไปยกกับข้าวมาจัดวางที่โต๊ะ

เจ้าลิงน้อยก็เดินต้วมเตี้ยมหยิบตะเกียบมา ส่วนอาหารไม่สามารถปล่อยให้มันยกมาได้ เพราะเป็นเรื่องง่ายที่จะทำหก แต่ตะเกียบสามารถถือได้ ขอแค่ล้างมือของเจ้าลิงหลาย ๆ ครั้งก็พอ

ในบ้านมีสามคนหนึ่งลิง หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เย่ฉูฉู่เห็นว่าเสี่ยวไป๋หยางง่วงแล้ว จึงกล่อมลูกเข้านอน ก่อนหยิบกางเกงบุฝ้ายที่ยังเย็บให้สามีไม่เสร็จออกมา และเริ่มลงมือเย็บ

“ภรรยา ทำตอนเช้าเถอะ ทำตอนค่ำเดี๋ยวก็ปวดตาหรอก” จ้าวเหวินเทากล่าว

“นี่มันหลอดไฟนะคะ ไม่ใช่ตะเกียงน้ำมันสักหน่อย ไม่ปวดตาหรอก นี่ก็เหลืออีกไม่เยอะแล้ว เหลือแค่ส่วนเอวก็เสร็จแล้วล่ะ คุณออกไปขายของ อากาศหนาวจะตาย ต้องรีบทำกางเกงดี ๆ ให้คุณใส่ ขาจะได้ไม่แข็งไง” เย่ฉูฉู่กล่าว

เธออยู่บ้านตลอด หากรู้สึกหนาวก็ขึ้นไปนั่งบนเตียงได้ แต่จ้าวเหวินเทาทำแบบนั้นไม่ได้ เขาต้องออกไปวิ่งรถข้างนอกตั้งแต่เช้าทุกที่ ไม่มีเตียงเตา ทั้งยังต้องขับรถอีก ลมก็แรงมากด้วย ตอนนี้ต้องเผชิญกับลมตะวันตกเฉียงเหนือ ถ้าปกป้องตัวเองไม่ดีก็อาจจะถูกลมพัดจนเกิดเหน็บชาได้ แม่ของเธอบอกว่าเหน็บชาเป็นโรคที่ทำให้คนแก่ทรมาน เธอไม่อยากให้สามีต้องทรมาน ดังนั้นอย่างแรกคือต้องทำกางเกงบุฝ้ายให้สามีก่อน

ด้านในใช้ผ้าเก่า ๆ ของปีที่แล้ว ส่วนผ้าฝ้ายที่ติดกับผิวหนังใช้ผ้าฝ้ายใหม่ ด้านนอกใช้ผ้าเก่า เขาว่ากันว่าผ้าฝ้ายเก่าสามารถกันลมได้ ตรงหัวเข่า ข้อเท้าและเอวเย็บด้วยหนังแกะ ทำแบบนี้ก็เพื่อกันลม

“ภรรยา คุณช่างแสนดีจริง ๆ เลย” จ้าวเหวินเทาเดินเข้ามากอดและหอมภรรยาของเขา

เย่ฉูฉู่ตำหนิเขาด้วยสายตา “พูดกี่รอบแล้ว ไม่เห็นมีอะไรแปลกใหม่เลยสักนิด”

จ้าวเหวินเทารีบพูด “ภรรยา ได้แต่งงานกับคุณแล้วทำให้ผมมีความสุขแปดชั่วอายุคนเลยนะ!”

“แค่แปดชั่วอายุคนเองเหรอ?” เย่ฉูฉู่ไม่พอใจ

“สิบแปดชั่วอายุคน!”

เย่ฉูฉู่หัวเราะ “คำพูดของคุณทำให้ฉันนึกถึงคำพูดด่าสาปส่งของภรรยาเหล่าหวังสามเลย หล่อนแช่งคนนั้นสิบแปดชั่วโคตรเลยนะคะ”

“ภรรยา คุณเอาผมไปเทียบกับภรรยาของหมอนั่นได้ไง? ที่ผมพูดเป็นเรื่องจริงนะ ผมออกไปวิ่งข้างนอกนานขนาดนี้แล้ว ติดต่อกับผู้คน มีทั้งที่มีภรรยาแล้วและยังไม่มีภรรยา พวกเขาต่างก็ไม่มีใครได้สวมใส่เสื้อผ้าดีๆ แบบผมเลย และไม่มีใครได้กินของดี ๆ แบบผมด้วย” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยอารมณ์ความรู้สึก

เย่ฉูฉู่กำลังร้อยด้ายเข้าไปในเข็มเพื่อเย็บผ้า ทว่านั่นก็ไม่อาจหยุดไม่ให้เธอพูดได้ “เพราะพวกเขาฐานะไม่ดีไงคะ ตอนนี้มีคนจนเยอะมากเลยนะ”

“ภรรยา ผมจะบอกอะไรให้นะ จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่เรื่องความยากจนหรอก ยกตัวอย่างเช่นเสื้อผ้า พอขาดก็เอามาปะได้ ผมไม่เชื่อหรอกว่าในบ้านจะไม่มีแม้แต่ผ้าขาด ๆ? ถึงสกปรกก็เอามาซักได้นี่ น้ำในชนบทก็ไม่ได้ขาดแคลนสักหน่อย ไม่ได้กินของดี ๆ ก็เอาผักดองเค็มใส่น้ำมันสักหน่อยก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ? แต่ดันกินก้อนผักดองเค็มแบบนั้น ไหนจะกินโวโวโถวแป้งข้าวโพดแข็งโป๊กอีก นี่ไม่ใช่เรื่องของความยากจนหรอก” จ้าวเหวินเทาส่ายหน้า

เย่ฉูฉู่ยิ้ม “บางทีเขาอาจจะไม่มีน้ำมันก็ได้นะคะ?”

“ใช้ชีวิตโดยที่ไม่มีแม้แต่น้ำมัน สามารถจังเลยนะ!” จ้าวเหวินเทาทำท่าทางพูดไม่ออก

เย่ฉูฉู่มองใบหน้าของสามีพลางพูดเสียงเบา “แต่ละคนไม่เหมือนกัน คุณคิดว่าขอแค่มีน้ำมันและเนื้อก็ใช้ชีวิตผ่านไปอย่างง่ายดายก็จริง แต่สำหรับคนอื่นอาจจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก ตอนนี้มีคนจนเยอะ อยู่ข้างนอกคุณก็อย่าได้ไปดูถูกพวกเขาเหล่านี้เลย ทำแบบนี้มันไม่ดีนะคะ”

จ้าวเหวินเทาชะงัก เขาหอมภรรยาด้วยรอยยิ้ม “ผมไม่ได้โง่ขนาดนั้นสักหน่อย! ชีวิตของคนอื่นจะใช้ยังไงผมไม่ยุ่งอยู่แล้ว ขอแค่ใช้ชีวิตของตัวเองผ่านไปได้ด้วยดีก็พอ”

เย่ฉูฉู่พยักหน้า “ค่ะ คุณอยู่ข้างนอกก็ระวังหน่อย โดยเฉพาะคำพูด อย่าได้ทำให้คนอื่นขุ่นเคืองเลยนะคะ มันไม่คุ้ม”

จ้าวเหวินเทาพยักหน้า “ตกลง ภรรยา ผมจะจำคำพูดของคุณไว้ในใจเสมอ!”

“เลิกพูดมากได้แล้วค่ะ รีบไปนอน วันพรุ่งนี้คุณยังต้องตื่นเช้าไม่ใช่เหรอ?” เย่ฉูฉู่กลอกตาใส่เขา

“ภรรยา คุณไปนอนเป็นเพื่อนผมหน่อยนะ ไม่งั้นผมนอนไม่หลับ” จ้าวเหวินเทาพูดออดอ้อน

เย่ฉูฉู่หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “พอสักทีเถอะค่ะ เลิกพูดมากอยู่ตรงนี้ได้แล้ว รีบไปนอนเร็วเข้า ฉันเย็บอีกสองสามรอบก็เสร็จแล้ว พรุ่งนี้คุณจะได้เอาไปใส่ด้วย”

จ้าเหวินเทาโอบกอดและหอมภรรยาอยู่ครู่หนึ่ง จึงยอมเข้านอน

เย่ฉูฉู่ตั้งใจอยู่กับการเย็บกางเกงบุฝ้าย เพียงไม่นานก็เย็บเสร็จ แล้วเอากางเกงตัวนอกของสามีมาเทียบดู…พอดีเป๊ะ

เมื่อมองดูเวลา ตอนนี้เพิ่งจะสามทุ่มกว่า เย่ฉูฉู่จึงหยิบเสื้อกั๊กออกมาจากตู้หนึ่งตัว นี่เป็นชุดที่เธอเพิ่งทำเมื่อสองวันก่อน ตอนนี้เหลือแค่เย็บกระดุมแล้ว ภายหลังจึงพบว่าทำเป็นซิปดีกว่ากระดุม จึงไม่ได้เย็บกระดุมติดไว้ วันนี้สามีก็ซื้อซิปกลับมาให้แล้ว ตอนนี้ยังเหลือเวลาเย็บอยู่ พรุ่งนี้ก็นำไปใส่ได้แล้ว

เสื้อกั๊กตัวนี้ด้านหลังใช้เป็นหนังแกะ การรักษาความอบอุ่นให้แผ่นหลังเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

กว่าเย่ฉูฉู่จะเย็บเสร็จก็สี่ทุ่มแล้ว เธอพับผ้าวางไว้ที่ปลายเตียง หลังจากล้างมือถึงกลับขึ้นไปนอนบนเตียง จากที่คำนวณไว้ว่าจะรีบทำเสื้อกันหนาวบุนวมอย่างหนาให้สามีในอีกสองวันข้างหน้าก็ไม่เป็นปัญหาแล้ว

ส่วนของเสี่ยวไป๋หยางมีเสื้อกันหนาวและกางเกงกันหนาวบุนวมหนาที่คุณแม่เย่ทำไว้ให้ก่อนไปเมืองหลวงหนึ่งชุด ผ่านไปอีกสองวันก็ใส่ได้พอดี ส่วนตัวเธอใส่ชุดของปีที่แล้วก็ได้ เพราะยังใหม่มากอยู่

วันรุ่งขึ้นจ้าวเหวินเทาก็ลุกขึ้นจากเตียงตั้งแต่เช้า ตอนที่เขาสวมเสื้อเสร็จและได้เห็น ก็พบว่าไม่เพียงมีแค่กางเกงบุฝ้ายแบบหนาที่ภรรยาเย็บเสร็จแล้ว แต่ยังมีเสื้อกั๊กหนา ๆ อีกหนึ่งตัวด้วย เขารู้สึกอบอุ่นภายในใจ เมื่อหันกลับไปมองภรรยาก็พบว่ากำลังนอนหลับสบาย เขาจึงสวมใส่อย่างระมัดระวัง ลงจากเตียงและออกจากประตูห้อง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าตอนที่ผลักประตูออกมาจะเจอกับโลกที่เต็มไปด้วยสีขาวโพลน ที่แท้เมื่อคืนก็หิมะตกนี่เอง

เสื้อของภรรยาที่ทำออกมาได้เวลาพอดีเลยจริง ๆ ขณะหิมะตกยังไม่หนาว แต่หลังจากที่หิมะตกเสร็จจะเป็นช่วงที่หนาวที่สุด จ้าวเหวินเทาที่สวมกางเกงผ้าฝ้ายหนาและเสื้อกั๊กหนาจึงไม่รู้สึกหนาวแม้แต่น้อย ทั้งยังรู้สึกอบอุ่นด้วย

เมื่อเย่ฉูฉู่ตื่นขึ้นมาจ้าวเหวินเทาก็ขับรถออกไปแล้ว เธอจึงเห็นหิมะที่อยู่ข้างนอก แม้จะตกไม่หนัก แต่ตอนนี้ที่เป็นช่วงหิมะตกก็ยังหนาวมากอยู่ดี ตอนนี้เธอรู้สึกหนาวกว่าทุก ๆ วันที่ผ่านมา

ต้องอุ่นเครื่องทำความร้อน!

เย่ฉูฉู่ตัดสินใจแล้ว

ถ่านและฟืนถูกกองไว้หลังบ้าน จ้าวเหวินเทาเตรียมไว้อย่างดีก่อนหน้านี้แล้ว ฟืนมีทั้งหมดสองประเภท อย่างแรกคือเปลือกข้าวโพดและซังข้าวโพด ส่วนอีกอย่างคือท่อนไม้เล็ก ๆ และกิ่งไม้ แรกเริ่มนำเปลือกข้าวโพดใส่เข้าไปในเตาก่อน เพื่อใช้จุดไฟ จากนั้นนำซังข้าวโพดใส่เข้าไป ตามด้วยกิ่งไม้และท่อนไม้เล็ก รอจนไฟปะทุขึ้นมา เมื่อไฟลุกดีแล้วจึงใส่ถ่านเข้าไป ถ่านห้ามใส่ชิ้นใหญ่เกินไป เพราะจะทำให้ไฟกระจายตัว หลังจากถ่านถูกเผาอย่างดีแล้ว จะใส่ถ่านชิ้นใหญ่ก็ไม่ใช่ปัญหา

ในยุคสมัยนี้ ในชนบทมีไม่กี่คนที่เผาถ่าน ตระกูลเย่ก็ไม่มีเช่นกัน แต่จากประสบการณ์คนที่มีเตาไฟ เย่ฉูฉู่ออกแรงเพียงไม่มากก็สามารถจุดไฟในเตาได้แล้ว

เมื่อไฟแรงขึ้น เครื่องทำความร้อนก็เริ่มปล่อยอุณหภูมิที่อบอุ่นออกมา ภายในห้องจึงอุ่นขึ้น

ของชิ้นนี้ดีจริง ๆ เย่ฉูฉู่คิด ไม่แปลกใจเลยที่คนในเมืองจะใช้เครื่องทำความร้อน

ไม่ต้องไปดูเตาบ่อย ๆ แค่เติมถ่านเป็นระยะก็พอแล้ว

เย่ฉูฉู่มองดูลูกชายที่กำลังนอนหลับปุ๋ย เธอจึงใช้เวลานี้เพื่อทำอาหาร ตอนเช้าทำนิดหน่อยเพื่อประหยัดเวลา เปิดหม้อเติมน้ำ นำเส้นหมี่แห้งหนึ่งกำมือใส่ลงไป ทอดไข่ดาวหนึ่งฟอง ผักใช้เป็นผักกาดเขียวหั่นฝอย นอกจากนี้ยังมีผักกาดขาวดองเค็มด้วย เท่านี้ก็เรียบร้อย!

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ทำเสร็จเมื่อคืนได้ใช้งานตอนเช้าพอดีเลย ดีนะเนี่ยที่ฉูฉู่รอบคอบ

อันนี้จริงค่ะที่หลังหิมะตกแล้วอากาศจะหนาวมาก ยิ่งตอนที่หิมะกลายเป็นฝนก็คือทั้งเปียกและหนาวแบบคูณสอง

ไหหม่า(海馬)