เล่ม 9 เล่มที่ 9 ตอนที่ 258 ซูจิ่นซีต้องการคน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

ภายใต้สถานการณ์พิเศษ ซูจิ่นซีก็เคยเห็นมาแล้วเช่นกัน

ตัวอย่างเช่น ซูเมิ่งเหยาก่อนหน้านี้ หรือก็คือซิ่งหลิวหลี หลังจากที่นางจับตัวซูจิ่นซีจากหอสุราตู้คัง ซูจิ่นซีก็เคยวางยาพิษของยุคปัจจุบันแก่ซิ่งหลิวหลี เพราะต้องการเผยใบหน้าที่แท้จริงของนาง แม้พิษนั้นจะไม่ร้ายแรงเท่าพิษที่ซูจิ่นซีมอบให้กูสือซาน ทว่ายังเป็นหลักการเดียวกันคือ เป็นพิษในยุคปัจจุบัน

ซูจิ่นซีกังวลว่า แม้พิษนี้จะสามารถยับยั้งกูสือซานได้ ทว่ากูสือซานยังไม่ตาย อีกทั้งในแคว้นไหวเจียงยังมียอดฝีมือด้านพิษมากมาย ตราบใดที่มีเวลาเพียงพอในการถอนพิษ พวกเขาย่อมสามารถถอนพิษให้กูสือซานได้อย่างแน่นอน

วรยุทธ์และวิชาพิษของกูสือซานร้ายกาจยิ่งนัก ซูจิ่นซีกังวลใจว่า หากผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ไป กูสือซานจะต้องคิดแค้นแคว้นจงหนิงและเยี่ยโยวเหยาแน่นอน เขาจะกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของเยี่ยโยวเหยา

“เยี่ยโยวเหยา วันนี้กูสือซานอาจไม่ตาย ต่อไปภายภาคหน้า ท่านจะต้องป้องกันไว้ให้มาก”

“อืม พวกเราไปกันเถิด”

ในเวลานี้ บริเวณปากถ้ำถูกหินก้อนเล็กๆ ปิดบังไว้เสียมิด องครักษ์พิษที่อยู่ด้านใน ไม่สามารถออกมาได้สักพัก ส่วนองครักษ์พิษที่อยู่ด้านนอกก็ถูกมือสังหารของเยี่ยโยวเหยาจัดการจนหมดสิ้น

พวกเขาจึงขึ้นไปถึงยอดหน้าผาได้โดยง่าย

หลังจากที่องครักษ์นายหนึ่งนับจำนวนคนแล้ว ก็เข้ามารายงานเยี่ยโยวเหยาว่า “ท่านอ๋อง พี่น้องของเราที่ถูกจับไปเป็นเชลยทั้งหมดมีสามสิบสองคน เวลานี้อยู่กันครบทุกคนพ่ะย่ะค่ะ”

เชลยทุกคนถูกช่วยเหลือออกมาได้ทั้งหมด ไม่มีผู้ใดเสียชีวิตหรือบาดเจ็บ การต่อสู้ครั้งนี้ทำได้อย่างยอดเยี่ยมและสวยงามยิ่งนัก

ในฐานะผู้บังคับบัญชา เยี่ยโยวเหยายังคงแสดงท่าทางจริงจังและนิ่งขรึมต่อหน้าผู้ใต้บังคับบัญชาของตน

เยี่ยโยวเหยายืนเอามือไพล่หลังอยู่บนหน้าผา โดยมีแสงจันทร์สาดส่องลงมาทางด้านหลัง เขาเป็นดั่งเทพเจ้าผู้สูงศักดิ์ รูปร่างที่สูงใหญ่ ทำให้ผู้พบเห็นไม่กล้าล่วงเกิน

เยี่ยโยวเหยาพยักหน้าเพียงเล็กน้อย

“พวกเราทุกคนรอดชีวิตจากปากเสือปากจระเข้ได้ เพราะท่านอ๋องและพระชายาเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิต พวกกระหม่อมซาบซึ้งยิ่งนัก แต่นี้ต่อไปพวกเราขออุทิศชีวิตเพื่อท่านอ๋องและพระชายาพ่ะย่ะค่ะ”

คนเหล่านี้เดิมทีก็ซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อเยี่ยโยวเหยาอยู่แล้ว ซูจิ่นซีรู้ดีว่า เมื่อผ่านเรื่องราวในครั้งนี้ พวกเขาย่อมอุทิศชีวิตภักดีต่อเยี่ยโยวเหยา

ทันใดนั้น ซูจิ่นซีพลันเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา

“เยี่ยโยวเหยา ทั้งสามสิบสองคนนี้ มอบให้หม่อมฉันได้หรือไม่? ”

นี่เป็นโชควาสนา น่าสนใจยิ่งนัก

ทุกครั้ง ของขวัญที่เยี่ยโยวเหยามอบให้นางล้วนเป็นคน ทว่าครั้งนี้ซูจิ่นซีกลับร้องขอของขวัญจากเยี่ยโยวเหยาเป็นครั้งแรก ก็ยังเป็นคนเช่นเดิม

เยี่ยโยวเหยาไม่ได้รีบร้อนตกปากรับคำ เขามองเข้าไปในดวงตาทั้งสองของซูจิ่นซี

ภายใต้ค่ำคืนอันมืดมิด ดวงตาทั้งสองของซูจิ่นซีเปล่งประกายเจิดจ้าอย่างเห็นได้ชัด ซูจิ่นซีเห็นเยี่ยโยวเหยาไม่ตอบรับ จึงยื่นมืออกไปจับแขนเสื้อของเยี่ยโยวเหยา พลางส่งเสียงออดอ้อน “เยี่ยโยวเหยา ได้หรือไม่เพคะ! ”

แววตาของเยี่ยโยวเหยาเปล่งประกายประหลาด “ตกลง! ”

เหล่ามือสังหารที่ยืนอยู่ด้านหน้าต่างตกตะลึงเล็กน้อย

ผู้คนต่างพูดกันว่า ท่านอ๋องกับพระชายานั้นแตกต่างกัน พวกเขาจงรักภักดีต่อวิหารวิญญาณมาตลอด และไม่เคยพบกับพระชายามาก่อน ยิ่งไม่เคยเห็นภาพที่ท่านอ๋องกับพระชายาใกล้ชิดกันเช่นนี้ วันนี้ได้เห็นเป็นครั้งแรก

พระชายาเป็นดาวอับโชคของท่านอ๋องไม่ใช่หรือ!

ก่อนหน้านี้ไม่มีผู้ใดหาญกล้าเอ่ยปากขอประทานสิ่งของจากท่านอ๋อง ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าท่านอ๋องจะยอมรับปาก กลับคาดไม่ถึงว่า เพียงพระชายาแสดงท่าทางออดอ้อนเช่นนี้ ท่านอ๋องก็มอบพวกเขาให้พระชายาแล้ว

สิ่งของชนิดหนึ่ง ย่อมมีสิ่งของอีกชนิดหนึ่งพิชิตได้จริงๆ

ผู้อื่นอาจยังไม่รู้ ทว่าพวกเขารู้และเข้าใจเป็นอย่างดี ท่านอ๋องฝึกฝนมือสังหารเหล่านี้ขึ้นมาได้ วิหารวิญญาณย่อมต้องใช้แรงกายและทรัพย์สินจำนวนมาก ทว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งสำคัญ

สิ่งสำคัญคือ พวกเขาทุกคนล้วนได้รับคัดเลือกเข้ามาตั้งแต่ยังแบเบาะ จากนั้นก็ได้รับการเลี้ยงดูฝึกฝนจากอาจารย์ที่เก่งกาจเฉพาะด้าน ทุกคนต่างใช้เวลายาวนานนับสิบปีหรือมากกว่ายี่สิบปีในการฝึกฝน

สิ่งของอย่างอื่นอาจทำขึ้นใหม่ได้ ทว่าเวลาที่สูญเสียไปไม่อาจประเมินค่าได้

“พวกเจ้า แต่นี้ต่อไปให้ติดตามพระชายา” เยี่ยโยวเหยาพูด

“แต่นี้ต่อไป กระหม่อมจะจงรักภักดีต่อพระชายาพ่ะย่ะค่ะ” เหล่ามือสังหารต่างคุกเข่าทำความเคารพซูจิ่นซีอีกครั้ง

ซูจิ่นซีรับไว้ด้วยใบหน้ามาดมั่น

ตอนที่เยี่ยโยวเหยากับซูจิ่นซีเดินทางมาช่วยคนที่หุบผาราชันพิษเป็นเวลากลางคืนยามจื่อ และตอนที่พวกเขาออกมาก็เป็นช่วงเช้ายามเฉินแล้ว

แม้เยี่ยโยวเหยาจะมอบมือสังหารทั้งสามสิบสองคนนี้ให้ซูจิ่นซีแล้ว ทว่าซูจิ่นซียังไม่ได้จัดเตรียมสถานที่พักให้พวกเขา นางจึงให้พวกเขากลับไปที่วิหารวิญญาณก่อน

วิ่งวุ่นมาทั้งคืน ซูจิ่นซีเหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมาก เมื่อกลับมาถึงจวนโยวอ๋อง นางจึงขอตัวกลับไปเรือนอวิ๋นไคเพื่อพักผ่อน

ขณะที่ซูจิ่นซีกำลังผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่นั้น จู่ๆ ลวี่หลีก็เดินเข้ามาในห้องอย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียง

“คุณหนูเจ้าคะ! ”

ซูจิ่นซีตกใจเสียงเรียกอย่างกะทันหันของลวี่หลี

นางรีบปิดหน้าอกและพูดตำหนิไปว่า “ลวี่หลี เจ้าไปเรียนวิชาย่องเบามาจากที่ใด? ข้าไม่ได้ยินเสียงเจ้าแม้แต่น้อย ต้องการทำให้ข้าตกใจตายหรืออย่างไร! ”

“คุณหนู บ่าวไม่ได้ตั้งใจเจ้าค่ะ บ่าวกลัวคนของแม่นมฮวากับท่านอ๋องจะพบเห็นเข้าเจ้าค่ะ”

“เกิดเรื่องอันใดขึ้น”

เรื่องที่ทำให้ลวี่หลีต้องหลบหน้าแม่นมฮวา ต้องไม่ใช่เรื่องเล็กเป็นแน่

ลวี่หลีส่งกล่องไม้ไผ่ในมือให้ซูจิ่นซี

ซูจิ่นซีเปิดกล่องไม้ไผ่ออกดู ด้านในมีกระดาษอยู่หนึ่งแผ่น

“บ่าวได้ของสิ่งนี้มาเมื่อเช้าเจ้าค่ะ มีคนผู้หนึ่งเดินผ่านมาและยื่นใส่มือของบ่าว หลังจากที่บ่าวรับมาแล้วก็ไม่กล้าพูดอันใด”

ลวี่หลีคิดได้ทันทีว่าจะต้องเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน นางจึงระมัดระวังรอบคอบ หลังจากเดินทางไปคุกหลวงและพระราชวังมาแล้ว ลวี่หลีรู้ดีว่า คุณหนูมีบางเรื่องที่ไม่ต้องการให้แม่นมฮวากับท่านอ๋องล่วงรู้ ดังนั้นนางจึงปกปิดด้วยความระมัดระวัง

ซูจิ่นซีพอใจกับท่าทีของลวี่หลีมาก “เจ้าทำได้ไม่เลว”

สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กจริงๆ และไม่สามารถให้ผู้อื่นรู้ได้

เพราะจดหมายฉบับนี้มาจากตำหนักจ้งหวา และเป็นจดหมายที่ฮองเฮาเขียนกับมือ พระนางยอมรับเงื่อนไขของซูจิ่นซี สองวันหลังจากนี้ พระนางจะทานยาของซูจิ่นซี และร่วมมือกับซูจิ่นซีเพื่อออกไปจากพระราชวังแห่งนี้

ขอเพียงฮองเฮายินดีร่วมมือด้วย เรื่องส่วนที่เหลือก็ไม่ยากแล้ว

ถึงเวลานั้น ซูจิ่นซีจะเตรียมการให้ฮองเฮากับหลวงจีนทุศีลได้ออกไป และนางก็จะได้รู้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเมืองเจียงหลิงจากปากของหลวงจีนทุศีล บางทีนางอาจได้รู้สถานะที่แท้จริงและความจริงในการเสียชีวิตของมารดา ทั้งยังมีสถานะของบิดานางอีกคน

“ก่อนหน้านี้ที่ใช้ให้เจ้าไปสืบข่าวมา ได้ความว่าอย่างไรบ้าง? ” ซูจิ่นซีถาม

“คุณหนู เมื่อวานหลังกลับมาที่จวนช่วงหัวค่ำ เมื่อท่านกับท่านอ๋องไปแล้ว บ่าวก็รีบออกไปสืบข่าว ทราบว่าบุตรชายของรองเจ้ากรมอาญาหลี่เจ็บป่วยมานานแล้วจริงๆ เจ้าค่ะ หลายปีมานี้ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลย อาการป่วยกลับหนักขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนต่างพูดกันว่า เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่วัน”

“ช่วงบ่ายพวกเราไปที่ร้านจวีเซียงฟาง”

“เจ้าค่ะ! ”

ลวี่หลีเข้าใจความหมายในทันที การไปร้านจวีเซียงฟางเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น จวนหลี่จึงจะเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของคุณหนู

หลังจากที่ลวี่หลีปรนนิบัติซูจิ่นซีให้เข้าพักผ่อนแล้วก็เดินออกมา เมื่อพบกับแม่นมฮวาและองครักษ์ประจำเรือน ก็ไม่แสดงสีหน้าอันเป็นพิรุธใดๆ

จนถึงเวลาบ่าย เมื่อซูจิ่นซีตื่นขึ้น แม่นมฮวาก็จัดเตรียมสำรับอาหารเที่ยงเรียบร้อยแล้ว

ขณะที่กำลังรับประทานอาหาร จู่ๆ ซูจิ่นซีก็หวนนึกถึงคำพูดของอวิ๋นจิ่นตอนที่พบกับเขาในพระราชวัง ก่อนหน้านี้พวกเขาไปที่หุบผาราชันพิษเพื่อช่วยคน ซูจิ่นซีจึงไม่มีเวลาดูมือของเยี่ยโยวเหยา ในเวลานี้นางเพิ่งจะนึกขึ้นได้

“ท่านอ๋อง อาการบาดเจ็บที่หม่อมฉันตรวจให้ท่านเมื่อหลายวันก่อน ดีขึ้นบ้างหรือไม่? ” ซูจิ่นซีถาม

เยี่ยโยวเหยาปกปิดอาการผิดปกติได้อย่างชำนาญ เขาไม่ได้พูดอันใด เพียงยื่นมือขวาออกไปด้านหน้าซูจิ่นซี