บทที่ 273 คุณหนูใหญ่ของหอหย่งชาง
สถานที่รกร้างอันกว้างใหญ่ ลมพัดอย่างรุนแรง จากเมืองเทียนหวูมาถึงสถานที่รกร้างทางเหนือ หลัวซิวใช้เวลาเกือบหกวัน
ทว่าจะไปถึงตำแหน่งภูตอัคคี ที่ทำเครื่องหมายไว้บนแผนที่ อย่างน้อยต้องใช้ระยะทางสิบกว่าวัน
สถานที่รกร้างแห่งนี้ เป็นสวรรค์ของอสูรกาย ถ้าเดินทางในอากาศ อาจโดนอสูรกายบนฟ้าเพ่งเล็ง ดังนั้นหลัวซิวจึงทำได้เพียงซ่อนลมปราณ เดินไปตามทางที่เต็มไปด้วยกรวดหินดินทราย
ทันใดนั้น สายตาของหลัวซิวนิ่ง กระบี่ยุทธ์ดินด้านหลังออกจากฝัก เศษเงาใช้ความเร็วสุดขีด พุ่งเข้ามาทางเขา
พรวด!
จากนั้นเสียงร้องโอดครวญดังขึ้นมา เลือดสดสาดกระจายไปทั่ว อสูรกายสีดำทั้งตัว เหมือนกิ้งก่า ถูกฟันจนแยกเป็นสองส่วน ศพที่แตกออกร่วงลงมาบนพื้น
นี่เป็นอสูรกายระดับ3 ชื่อว่ากิ้งก่าเงาดำ พบบ่อยในสถานที่รกร้างทางเหนือ เชี่ยวชาญการลอบโจมตีอย่างรวดเร็ว
อสูรกายระดับนี้ มูลค่าของวัตถุดิบนตัว ไม่อยู่ในสายตาของหลัวซิว เขาสะบัดมือเอากระบี่ยุทธ์เก็บเข้าไปในฝัก และเดินไปต่อข้างหน้า
ในสถานที่รกร้าง บางครั้งจะเห็นต้นไม้ขนาดเล็ก และแผ่นหินของสวนหิน ที่ผ่านกาลเวลามานานจนหลุด และถูกลมแรงพัดลอยมา ระยะเวลาเพียงสองวัน หลัวซิวเจอการโจมตีของอสูรกายเป็นสิบครั้ง
สำหรับการเพ็ญตนของตัวเอง หลัวซิวไม่ได้ละทิ้ง การไปแดนปริศนา ทำให้เขาได้ยาวิเศษมาเยอะมาก กลั่นเป็นยาระดับ4 จำนวนมาก ที่ใช้เป็นตัวช่วยในการฝึกยกระดับผลการฝึกตน
เขารู้ดีว่าการหาภูตอัคคีฟ้าดินไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นก่อนที่จะมาสถานที่รกร้างทางเหนือ เขาก็เตรียมตัวมาอย่างดี
หลังผ่านไปครึ่งเดือน ผลการฝึกตนของหลัวซิวก้าวหน้าขึ้นไม่น้อย เกือบจะถึงแดนฝึกจิตขั้น8 แล้ว แค่ฝึกตนต่อไปอีกสักระยะ การฝ่าฟันไปถึงฝึกจิตขั้น8 ต้องสำเร็จอย่างแน่นอน
พื้นดินรกร้างอันกว้างใหญ่ หลัวซิวเอาแผนที่ออกจากแหวนเก็บของ เทียบเคียงกับจุดเครื่องหมายบนแผนที่ พบว่าระยะห่างจากตำแหน่งภูตอัคคี ยังมีระยะทางอีกไกล
ทันใดนั้น พลังฟ้าดินจิตเคลื่อนไหวมาจากข้างหน้าไกลสิบกว่าลี้ แอบได้ยินเสียงคำรามของอสูรกาย
จากนั้นหลัวซิวเห็นเงารางๆ ของคน ค่อยๆ ใกล้เข้ามา เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยเลือด เห็นเงาคนอยู่ไกลๆ เหวี่ยงแขนทั้งสองข้าง และล้มลงบนพื้น
เห็นได้ชัดว่า เมื่อกี้คนนี้เห็นหลัวซิว โบกมือเพราะต้องการความช่วยเหลือ
หลัวซิวขมวดคิ้วเบาๆ เขาหายตัวแวบไปมา แล้วปรากฏตัวข้างอีกฝ่าย นี่เป็นชายวัยกลางคน บนตัวมีป้ายบัญชาการ บนนั้นเขียนว่า ‘โลกยุทธ์หย่งชาง’
“คนของหอหย่งชางอย่างนั้นเหรอ” หลัวซิวมองชายคนที่บาดเจ็บ ยืนนิ้วไปกลางอากาศ เอาพลังแห่งชีวิตส่งเข้าไปในตัวของคนๆ นี้ ฟื้นฟูลายเส้นชีวิตที่ได้รับความเสียหาย
ภายใต้การรักษาของหลัวซิว ชายวัยกลางคนที่บาดเจ็บสะลึมสะลือ ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา ลืมตามองเห็นหลัวซิว
“ขอบคุณน้องชายท่านนี้มาก……” ชายวัยกลางคนรู้สึกว่าอาการบาดเจ็บบนตัว ดีขึ้นเยอะ นอกจากอ่อนเพลีย ก็ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใดๆ แล้ว ไม่รู้ว่าชายหนุ่มคนนี้ทำได้อย่างไร
“ไม่ต้องขอบใจ ได้เจอฉันถือว่านายโชคดี”
หลัวซิวหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ “ในเมื่อนายไม่เป็นอะไรแล้ว งั้นฉันขอลาก่อน”
หลังพูดจบ หลัวซิวหันหลังออกไป
ในสามอำนาจใหญ่ของเขตการปกครองโตว้ไห่ สำนักเหลยหวู่กับตระกูลกงซุน เคยเข้าร่วมเรื่องการล้อมโจมตี เหยียนเยว่เอ๋อร์ จักรพรรดิยุทธ์เทียนเฟิ่ง แต่กลับมีเพียงหอหย่งชาง ที่ไม่ได้เข้าร่วม ดังนั้นหลัวซิวไม่ได้คิดร้ายกับคนของหอหย่งชาง และถือโอกาสให้ความช่วยเหลือ
ความโหดเหี้ยมอาฆาตที่มี พุ่งเป้าเพียงแค่พวกที่เป็นศัตรูตัวเองเท่านั้น หรือไม่ก็คนที่ตัวเองคิดว่าเป็นศัตรู
การถือโอกาสช่วยเหลือ ไม่ได้นับประสาอะไรสำหรับหลัวซิว แต่เขาก็ไม่ใช่คนมีเมตตาอะไร สำหรับสาเหตุที่ชายวัยกลางคน ได้รับบาดเจ็บ เขาจึงไม่ได้ถาม
ไม่ใช่ว่าเขากลัวความวุ่นวาย แต่เพราะเป้าหมายสำคัญของการมาสถานที่รกร้างแห่งนี้ คือการตามหาภูตอัคคี จะให้เรื่องอื่นมาทำให้เสียเวลาไม่ได้
“ช้าก่อนสหาย……”
เห็นหลัวซิวหันหลังเดินไป ชายวัยกลางคนอึ้งไป จากนั้นจึงรีบตะโกนออกมา
หลัวซิวไม่หันกลับมา อีกทั้งยังไม่มีท่าทีที่จะชะงักฝีเท้า
“สหาย กลุ่มหอหย่งชางของเรา เจอการล้อมโจมตีของเหล่าอสูรกาย ขอแค่สหายยึดหลักคุณธรรมช่วยเหลือกัน หอหย่งชาง มีค่าขอบคุณให้อย่างมากมายแน่นอน!”
ชายวัยกลางคนรีบพูดอย่างรวดเร็ว เขาคิดว่า ถึงหนุ่มชุดคลุมยาวจะอายุน้อย แต่กล้ามาสถานที่รกร้างทางเหนือเพียงคนเดียว เห็นได้ชัดว่าพละกำลังไม่ธรรมดา
อย่างน้อยจากผลการฝึกตน จอมยุทธ์ใหญ่พรสวรรค์ขั้น9 ของเขา ไม่สามารถมองผลการฝึกตนของอีกฝ่ายว่าล้ำลึกแค่ไหน
หลัวซิวยังคงไม่ตอบ ตัวห่างออกไปเรื่อยๆ ไม่สนใจค่าขอบคุณอะไรที่ว่า
“น้องชาย ขอร้องล่ะ กลุ่มที่โดนล้อมโจมตี มีคุณหนูใหญ่หอหย่งชางของเรา……” ชายวัยกลางคนวิ่งตามมา ตะโกนอย่างสุดเสียง เพื่อโอกาสสุดท้าย
ระยะห่างของสถานที่รกร้างทางเหนือ ค่อนข้างไกลจากเขตการปกครองโตว้ไห่ กล่องส่งเสียงไม่สามารถส่งข่าวได้ และไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากภายนอก
วันนี้ความหวังทั้งหมด คงขึ้นอยู่กับปาฏิหาริย์และโชคชะตา
“คุณหนูใหญ่ของหอหย่งชางงั้นเหรอ”
หลัวซิวที่เดินไปไกลแล้ว ภายใต้การเฝ้ามองของชายวัยกลางคน หลัวซิวชะงักฝีเท้าลงอย่างอัศจรรย์
จากที่หลัวซิวรู้ หัวหน้าหอหย่งชาง มีลูกชายสองคน และลูกสาวหนึ่งคน ลูกสาวคนนี้คือหลินเจียเอ๋อร์ เป็นคุณหนูใหญ่ของหอหย่งชาง และเป็นศิษย์ที่เสิ่นหยวนหนาน หัวหน้าสาขาย่อยของเขตการปกครองโตว้ไห่ อบรมสั่งสอนด้วยตัวเอง
หัวหน้าเสิ่นหยวนหนานปฏิบัติกับหลัวซิวไม่เลวเลย ตอนนั้นสำนักเหลยหวู่ พาคนมาล้อมองค์กรนักล่ายุทธ์ หัวหน้าคนนี้ก็เป็นคนออกโรงเอง โจมตียอดฝีมือของสำนักเหลยหวู่ด้วยฝ่ามือเดียว ทำให้เหล่าผู้มีฝีมือต่างตกใจ
ต่อมาเขาสามารถตระหนักรู้ห้วงยุทธ์กระบี่สังหาร ก็เพราะความช่วยเหลือของหัวหน้าเสิ่นหยวนหนาน ทำให้เจอโอกาสฝ่าฟัน ท่ามกลางความสิ้นหวัง
ฐานะของคุณหนูใหญ่หอหย่งชาง หลัวซิวไม่ได้คิดว่าสำคัญอะไร แต่เธอเป็นศิษย์ของหัวหน้าเสิ่นหยวนหนาน เขาจะไม่ช่วยไม่ได้
หลัวซิวหันกลับมา หายตัวแวบมาตรงหน้าชายวัยกลางคน
“คุณหนูใหญ่ที่นายพูดถึง คือหลินเจียเอ๋อร์เหรอ” หลัวซิวถาม ถ้าใช่ เขาจะได้ช่วย ถ้าไม่ใช่เขาก็จะนิ่งดูดาย ไปตามหาภูตอัคคีต่อ
“ท่านชายรู้จักคุณหนูใหญ่ของเราเหรอ” ชายวัยกลางคนถามลองเชิง เพราะเขาไม่รู้ว่าคนๆ นี้ มีเจตนาร้ายกับคุณหนูใหญ่ของตัวเองหรือเปล่า
อีกทั้งสรรพนามที่เขาเรียกหลัวซิว เริ่มจากน้องชาย จนถึงสหาย และท่านชาย เพราะอีกฝ่ายช่วยตัวเอง และต้องการให้อีกฝ่ายไปช่วยคน แน่นอนว่าต้องพูดนอบน้อมอยู่แล้ว
หลัวซิวพยักหน้า รีบยกมือชี้ไปทางที่พลังจิตเคลื่อนไหวมาเมื่อครู่ แล้วพูดว่า “ทางนี้ใช่ไหม”
“ใช่ครับ” เมื่อเห็นอีกฝ่ายยอมช่วย ชายวัยกลางคนมีสีหน้าดีใจ
“เล่าสถานการณ์ให้ฉันฟังหน่อย” หลัวซิวถาม
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ชายวัยกลางคนมีสีหน้าหนักใจ “สิ่งที่ล้อมโจมตีเราคือฝูงหมาป่าทมิฬ ประมาณ 30 กว่าตัว ในนั้นมีระดับฝึกจิตขั้น 5 อยู่ 3 ตัว”
ขณะพูด ชายวัยกลางคนสังเกตเห็นสีหน้าของหลัวซิว แม้เขารู้สึกว่าชายหนุ่มคนนี้คาดเดาได้ยาก แต่อายุยังน้อยมาก สามารถถึงระดับแดนฝึกจิตได้ นับว่าสุดยอดแล้ว ถ้าจะบอกว่าจัดการกับฝึกจิตขั้น5 ได้ เขายังไม่สามารถเชื่อได้จริงๆ
แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกแล้ว ถึงหนีออกจากสถานที่รกร้าง ไปหาคนมาช่วยได้ ก็คงมาช่วยไม่ทัน ถึงรู้ว่าหมดหนทาง แต่ก็ยังมีความหวังเล็กน้อย