ตอนที่ 512 : ถอนตัว

ระบบเจ้าสำนัก

ตอนที่ 512 : ถอนตัว

 

ฝางมู่เป็นใครกัน ?

 

ด้วยการที่อยู่ด้วยกันมาครึ่งเดือน ทุกคนต่างก็รู้ตัวตนของฝางมู่ว่า เขาคือตัวตนที่ไม่อาจจะมีใครมองข้ามได้ ศิษย์สายตรงเพียงคนเดียวของเป้ยหลง!

 

คนที่ฝางมู่คุยด้วย คือภรรยาของเป้ยหลงรี ?

 

ภรรยาของเป้ยหลงมีฐานะยิ่งใหญ่กว่าศิษย์สายตรงเพียงคนเดียวอย่างฝางมู่อีก !

 

4 ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่า ท่านเป้ยหลง ได้แต่งงานและมีภรรยา…ฟังจากที่ท่านฝางมู่พูดมาแล้ว ดูเหมือนว่านางจะมาจากเผ่ามังกร” ยอดฝีมือระดับสูงสุดหลายคนไม่อาจจะทําใจเชื่อได้ ภาพลักษณ์เป้ยหลงในใจเขาเริ่มสั่นไหว

 

วีรบุรุษของมนุษย์ที่ดูแลมนุษย์มาหลายพันปี แต่กลับแต่งงานกับมังกร มันไม่เข้ากับฐานะผู้พิทักษ์ของมนุษย์เลย

 

แต่เมื่อคิดกลับกันแล้วทุกคนต่างก็รู้สึกภูมิใจขึ้นมา

 

ผู้หญิงคนนี้เป็นคนจากเผ่ามังกร !

 

เผ่ามังกรที่เกิดมาเย่อหยิ่งมองมนุษย์ไม่ต่างอะไรจากมด มังกรถึงกับไม่คิดชายตามองทวีปปาราวกับกลัวว่าร่างกายที่สูงส่งของพวกเขาจะแปดเปื้อนเพราะที่นี่ แต่เป้ยหลงกลับมีภรรยาเป็นคนของเผ่ามังกรได้ มันทําให้ผู้คนตะลึง!

 

เหล่าอัจฉริยะของมนุษย์ต่างก็ลุ่มหลงในเสน่ห์ของคนเผ่ามังกร และอยากที่จะแต่งงานด้วย

 

* ยอดเยี่ยม สมกับเป็นท่านเป้ยหลง !” ยอดฝีมือระดับสูงสุดคนหนึ่งไม่อาจจะปกปิดควา มชื่นชมที่มีในใจได้ และแสดงสายตาอิจฉาออกมา

 

ในอีกด้าน เฉินกได้กลับมายังสมาคมนักวางค่ายกลพร้อมกับคนอื่นๆ

 

“ ไม่คิดเลยว่าอ้าวเยว่จะเป็นภรรยาของเป้ยหลง เฉินกูพูดขึ้นด้วยความตะลึง “ น่าทึ่งจริงๆ

 

ในใจเฉินกูนั้น เป้ยหลงเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าเคารพ จนตอนนี้เป้ยหลงก็ยังมีความสําคัญในใจของเขา ที่เขาคิดไม่ถึงคือเป้ยหลงกับอ้าวเยว่จะชอบพอกัน ข่าวนี้มันน่าตกใจจริงๆ

 

ฐานะของอ้าวเยว่เขารู้ดี ความแข็งแกรงของอ้าวเยว่เขาก็เข้าใจดีแต่เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเป้ยหลงกับอ้าวเยว่จะเกี่ยวข้องกันแบบนี้ ผู้หญิงที่ดูเย่อหยิ่งและสูงส่งแบบนี้กลับเป็นภรรยาของเป้ยหลง

 

เขามองไปที่รั่วซูหยางและพูดขึ้นมา “ พวกเจ้าอยู่กับฝางมู่กันมานานไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลยรึ ? ”

 

ลั่วชู่หยางและคนอื่นๆมองหน้ากันและได้แต่ยิ้มออกมา

 

“ เรารู้จักกันมาแค่ครึ่งเดือน ไม่ได้สนิทอะไรกันมาก เขาจะบอกความลับนี้กับพวกเราได้ยังไงกัน ? ” ลั่วซูหยางยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มขมขึ้น “ ตอนที่เราไปยังสํานักดังเฉียง เราได้เจอกับอาจารย์อ้าวอู่เหยียน ท่านฝางมู่รู้ตัวตนของอาจารย์อ้าวอู่เหยียน แต่มันดูแปลกๆ เขาบอกให้อาจารย์อ้าวอู่เหยียน พาเขาไปพบกับอาจารย์อ้าวเยว่…ตอนนั้นข้าสงสัยในใจ ข้าไม่รู้ว่าทําไมเขาถึงต้องการพบกับอาจารย์อ้าวเยว่ แต่ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว”

 

ใครจะไปคิดว่าฝางมู่และอ้าวเยว่เกี่ยวข้องกันแบบนี้ ?

 

หากเทียบกับเฉินกูแล้ว พวกเขาตะลึงยิ่งกว่า ยังไงซะเป้ยหลงก็เป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดของมนุษย์ เขาคือวีรบุรุษ เขาคือต้นแบบของยอดฝีมือระดับสูงสุดนับไม่ถ้วน คนแบบนั้นได้แต่งงานกับผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่ามังกร พวกเขาจะไม่ตกตะลึงได้ยังไง ?

 

“เป้ยหลงอ้าวเยว่” เฉินกูท่องชื่อของทั้งสองออกมา “ ทั้งสองเป็นคู่รักกัน สามีนั้น แข็งแกร่ง ภรรยาก็ไม่ได้ด้อยกว่ากัน!”

 

สามีคือยอดฝีมือระดับสูงสุด ภรรยาเองก็เช่นกัน มันไม่เกินไปที่จะบอกได้ว่าพวกเขา เป็นเทพคู่รัก

 

เฉินกูคิดเรื่องนี้อยู่สักพักก่อนจะหัวเราะออกมา “ หากข้าจําไม่ผิด เป้ยหลงน่าจะแก่กว่าอ้าวเยาหลายพันปีสินะ ? อายุขัยของเขาแทบจะหมดแล้ว เขากลับหลอกเด็กสาวอย่างอ้าวเยว่…” ในด้านอายุนั้นอ้าวเยว่อายุพอๆกับเฉินกูอาจจะไม่ได้มากกว่ากันเกินพันปี ตอนที่เขาสู้กับเป้ยหลง เขาอายุไม่ถึงพันปี ดูเหมือนว่าอ้าวเยว่คงอายุไม่เกินสองพันปีในตอนนั้น

 

ชายแก่อายุกว่า 8-9 พันปีแต่กลับไปจีบเด็กน้อยที่อายุสองพันปี มันไม่ดูแปลกไปหน่อยรี

 

“ แค่ก แค่ก” ลั่วซ่หยางไม่คิดว่าเฉินกูจะพูดเรื่องนี้ออกมา เขารีบกระแอมออกมาและพูดขึ้น “ นั่น…ท่านเป้ยหลงก็ตายไปหลายปีแล้ว อย่าพูดเรื่องส่วนตัวของเขาเลย ไม่งั้นมันจะไม่เหมือนกับว่าเราไม่เคารพคนตายไปแล้วหรือไง ?” เขาเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ “ อีกอ ย่างสําหรับผู้บ่มเพาะแล้ว อายุไม่ได้สําคัญมากมายอะไร”

 

เป้ยหลงคือคนที่เขาเคารพ อ้าวเยว่คือคนที่เขาไม่กล้าหาเรื่องด้วย เขาไม่มีเหตุผลมากพอที่จะพูดคุยเรื่องนี้ลับหลัง

 

สิ่งที่เขากลัวมากที่สุดคือชื่อเสียงของเป้ยหลงที่รักษามาหลายพันปีจะพังลงเพราะ เรื่องเล็กน้อยแบบนี้

 

* หากเขากล้าทํา เขาจะกลัวผู้คนนินทาทําไมกัน” เฉินกูยังคงคิดตอนที่เขาพ่ายแพ้ให้กับเป้ยหลงในอดีต แต่เมื่อคิดได้ว่าเป้ยหลงตายไปแล้ว เขาก็ไม่คิดอะไรมาก จากนั้นเขาก็เปลี่ยนเรื่องทันที “ แต่เอาจริงๆแล้วข้าคิดไม่ถึงเลยว่า อ้าวเยว่จะเป็นภรรยาของเป้ยหลง นางเข้าร่วมสํานักดังเฉียงได้สักพักแล้ว แต่มันกลับมีความลับแบบนี้ปิดบังเอาไว้อยู่ !”

 

ตอนนี้เฉินกูยังตะลึงอยู่เลย เขายังตะลึงกับข่าวนี้เหมือนเดิม

 

“ ใช่สิ เจ้าได้ยินหรือไม่ว่า ฝางมู่พูดถึงศิษย์น้อง แต่อ้าวเยว่บอกว่าศิษย์น้องนั้นได้ฆ่าตัวตายไป แล้ว ” เฉินกูมองไปที่เหล่าเซียน “ เจ้าบอกได้หรือไม่ว่าศิษย์น้องนั้นเป็นใครกัน ? ”

 

“ ท่านเป้ยหลงรับศิษย์เพียงคนเดียวซึ่งก็คือฝางมู่ ดังนั้นศิษย์น้องนั่นก็ไม่น่าจะเป็นศิษย์ของท่านเป้ยหลง” ลั่วซูหยางพูดขึ้น

 

“ ไม่ใช่ศิษย์ของเป้ยหลงงั้นก็เหลือความเป็นไปได้แค่สองอย่าง” เฉินกูคิด “ ศิษย์ของอ้าวเยว่หรืออาจจะเป็นลูกของเป้ยหลงกับอ้าวเยว่!”

 

ลั่วชู่หยางชะงักและพูดขึ้นมาทันที “ นั่น..ไม่น่าจะใช่ลูกของท่านเป้ยหลงกับอาจารย์อ้าวเยว่หรอก ?”

 

เฉินกูหัวเราะออกมา “ ทําไมจะไม่ได้ ? ”

 

“ นี่” ลั่วซูหยางเงียบไป เขาเห็นได้ชัดว่าอ้าวเยว่ไม่อาจจะควบคุมตัวเองได้ การที่ผู้หญิงเย็นชาไม่อาจจะควบคุมตัวเองได้นั้นก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ศิษย์น้องผู้นี้มีความสําคัญในใจนาง แม้ว่าเขาจะรับความจริงเรื่องนี้ไม่ได้ แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าศิษย์น้องที่ว่านั่น อาจจะเป็นลูกของเป้ยหลงและอ้าวเยว่จริงๆ

 

หยางเพ้ยอันและชุยเจียนต่างก็เงียบ พวกเขารู้สึกเหมือนมีภูเขามากดทับอกพวกเขาไว้

 

เฉินกูมองออกไปและพิมพ์ออกมา “ ข้าสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อหลายพันปีก่อน ทําไมลูกของทั้งสองถึงได้ฆ่าตัวตาย ? ทําไมฝางมู่ถึงได้โดนขับไล่ออกมาจากเผ่ามังกร ? ”

 

เขาสงสัยอย่างมาก แต่ไม่ได้ถามอะไรออกมา ว่าทําไมอ้าวเยว่ถึงได้ออกเดินทางไปในปาหวงหยวน ตั้งแต่ที่มายังสํานักดังเฉียง อ้าวเยว่รู้ว่านั่นเป็นอาณาเขตของเขา แต่นางกลับยังฝืนเข้าไปที่ปาหวงหยวน ราวกับตามหาบางอย่าง แล้วอ้าวเยว่ตามหาอะไรกัน ?

 

เขาไม่ได้สงสัยเรื่องนี้เป็นครั้งแรก เขาถึงกับเคยถามอ้าวอู่เหยียน แต่โชคร้ายที่นอกจากเรื่องกินแล้ว อ้าวอู่เหยียนไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย อ้าวอู่เหยียนไม่อาจจะให้คําตอบเขาได้

 

ดังนั้นเขาจึงสงสัยมากกว่าเดิมว่า อ้าวเยว่กําลังตามหาอะไร โดยแม้แต่อ้าวอู่เหยียนก็ยังสงสัยเช่นกัน

 

โชคร้ายที่คําถามของเฉินกูนั้น นอกจากอ้าวเยว่แล้วไม่มีใครตอบเขาได้ และชัดแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ที่อ้าวเยว่จะบอกเรื่องนี้กับเขา

 

“ อาจารย์เฉิน ขอโทษด้วยแต่ตอนนี้เราควรห่วงเรื่องพันธมิตรกลายพันธุ์ หากไม่อาจกําจัดพันธมิตรกลายพันธุ์ได้ มนุษย์และสัตว์อสูรก็ต้องเผชิญหน้ากับวิกฤต ตอนนี้อย่าสนใจเรื่องครอบครัวคนอื่นเลย ” แม้ว่าจะสงสัยเรื่องในอดีต แต่ลั่วซูหยางก็รู้ดีว่าอะไรสําคัญ

 

เฉินกูยิ้มออกมา “ เจ้าจะกลัวอะไร ? ข้ากับอ้าวเยว่ร่วมมือกัน จะมีใครบ้างที่เราจัดการไม่ได้

 

ข้าหวังว่าจะเป็นแบบนั้น ลั่วชู่หยางเงียบสักพักก่อนจะพึมพําออกมา

 

ทุกคนต่างก็กังวลเรื่องพันธมิตรกลายพันธุ์ พวกเขาไม่คิดว่าการพึ่งอ้าวเยว่และเฉินกูจะสามารถกําจัดพันธมิตรกลายพันธุ์ได้ง่ายๆ เพราะคนของพันธมิตรกลายพันธุ์นั้นเจ้าเล่ห์และซ่อนตัวได้ดี มันไม่ง่ายที่จะแก้ปัญหานี้

 

เฉินกูยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ คลื่นมิติรอบตัวพวกเขาก็สั่นไหว

 

ตอนนั้นทุกคนต่างก็หยุดพูดและหันกลับไปมองด้านหลัง

 

ร่างของอ้าวเยว่และฝางมู่ปรากฏตัวขึ้นมาแทบจะพร้อมกัน ใบหน้าของอ้าวเยว่กลับไปเย็นชาดังเดิม แสดงถึงความโดดเดี่ยวและเหินห่าง

 

ไปกันเถอะ” อ้าวเยว่ไม่ได้สนใจเหล่าเซียนและบอกกับเฉินกู

 

“ พวกเจ้าคุยกันเสร็จแล้ว ? ” เฉินกูเหมือนไม่ได้กังวลเลยแม้แต่น้อย เขายิ้มและถามออกมา “ หากเจ้าคุยกันยังไม่จบ ก็คุยกันต่อได้เลย ตามสบาย ข้าไม่รีบ”

 

อ้าวเยว่มองไปที่เฉินกูและพูดขึ้นด้วยสีหน้าเฉยเมย “ เจ้าไม่ไปรี ?”

 

เฉินกูหัวเราะออกมา“ ข้าพูดความจริง หากเจ้ายังคุยกันไม่เสร็จ พวกเจ้าคุยกันต่อเลย ไม่ต้องกังวล”

 

อ้าวเยว่มองไปที่เฉินกูด้วยสายตาเย็นชา “ หากเป็นเช่นนั้นข้าจะกลับไปที่สํานักดังเฉียงก่อน

 

ครั้งนี้เงินกูไม่อาจจะนิ่งเฉยได้อีก เขารีบตะโกนออกมา “ ช้าก่อนไปก็ได้ ข้าจะไปแล้ว !”

 

หากปล่อยให้อ้าวเยว่กลับไปที่สํานักดังเฉียงจริงๆ งั้นเขาก็คงต้องไปขอร้องอีกฝ่าย !

 

อ้าวเยว่ไม่ได้สนใจพันธมิตรกลายพันธุ์ ด้วยความแข็งแกร่งของเผ่ามังกรแล้ว แม้ว่าจะพบกับพันธมิตรกลายพันธุ์แต่ก็สามารถรับมือได้สักพักแต่มนุษย์กับสัตว์อสูรนั้นไม่อาจจะมองข้ามพันธมิตรกลายพันธุ์ได้ หากอ้าวเยว่กลับไปจริงๆ เฉินกูก็ตกที่นั่งลําบาก

 

เฉินกูไม่เปิดโอกาสให้อ้าวเยว่ได้ตอบกลับ เขาพูดต่อทันที “ ไป !”

 

จากนั้นเฉินกูก็ได้ใช้เคลื่อนย้ายพริบตาออกจากที่นั่นทันที

 

อ้าวเยว่อึดอัดออกมาอย่างเย็นชาและตามเฉินกูไปทันที การใช้เคลื่อนย้ายของนางดูง่ายกว่าเฉินกูอย่างมาก นางแข็งแกร่งกว่าเฉินกูเล็กน้อยและด้วยการที่เฉินกูบาดเจ็บนั้นการตามเฉินกูให้ทันจึงเป็นเรื่องง่ายดาย

 

เมื่อเฉินกูและอ้าวเยว่ออกไปแล้ว ฝางมู่ก็หันไปหาลั่วซูหยางและพูดขึ้นมา “ ข้าต้องข อตัวก่อน !”

 

ท่านฝางมู่ท่านจะไปไหนกัน ?” ลัวซูหยางไม่เข้าใจท่าทีของฝางมู่ ด้วยการเผชิญหน้ากับศัตรูตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดคนไหนต่างก็มีความสําคัญ ! แต่ในตอนวิกฤตฝางมู่กลับจะถอนตัวออกไป

 

“ มันไม่ใช่ว่าข้าจะหนีหรือกลัวพันธมิตรกลายพันธุ์ แต่…ข้ามีเหตุผลต้องไป” สายตาของฝางมู่แสดงความรู้สึกผิดออกมา แต่เขาก็ยังพูดด้วยท่าที่หนักแน่น 4 ข้าเพิ่งคุยกับอาจารย์ไปและข้าได้รู้ความจริงในปีนั้น อาจารย์ช้าเหมือนจะตายไปแล้ว อาจารย์หญิงก็เหมือนตกที่นั่งลําบาก ข้าในฐานะตัวแทนอาจารย์จะนิ่งเฉยปล่อยให้สายเลือดของอาจารย์หายไปจากโลกนี้ได้ยังไง ? ”

 

“ ท่านหมายความว่ายังมีลูกหลานของท่านเป้ยหลงเหลืออยู่รึ ? ” ลั่วซูหยางถามขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น

 

“ หลานอาจารย์อาจจะรอดอยู่ แต่มันมีองค์ประกอบอื่นๆอีก ขอโทษด้วยที่ข้าไม่อาจ จะบอกข้อมูลเรื่องนี้ได้ ” ฝางมู่ส่ายหน้าและพูดขึ้น “ แน่นอน นอกจากในฐานะศิษย์ของอาจารย์แล้ว ข้าก็ยังเป็นมนุษย์ หากวันหนึ่งมนุษย์ต้องการข้า เจ้าก็ส่งคนมาแจ้งข้าได้ทันที และข้าจะทําตามที่อาจารย์ได้ตั้งใจไว้ ซึ่งก็คือปกป้องมนุษย์ แม้ว่าต้องพลีชีพข้าก็ไม่เสียดาย”

 

เหล่าเซียนมองหน้ากัน พร้อมใจที่เต็มไปด้วยความเคารพฝางมู่

 

“ ท่านฝางมู่! ” ลั่วซูหยางป้องมือและพูดขึ้น“ ผู้น้อยขอคาราวะในน้ําใจของท่าน !”