ฮ่อหยุนเฉิงยืนอยู่ที่เดิมไม่พูดไม่จา แต่หลังจากได้ยินคำพูดของถังรั่วอิง ก็หันร่างกายกลับเล็กน้อย
ถังรั่วอิงหลุบตาและเดินออกไปช้าๆ ขณะเดินผ่านฮ่อหยุนเฉิง หัวใจของเธอก็เต้นรัวและไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย
ทันใดนั้นเอง ใบหน้าของถังรั่วอิงก็ลันซีดเผือด ขณะที่จะถึงประตู ดวงตาเธอก็ปลิดและร่างกายก็อ่อนตัวจนล้มลงไป
“ถังถัง ถังถัง!”
ฮ่อหยุนเฉิงเอื้อมมือออกไปโอบเธออย่างรวดเร็ว เห็นอีกคนหน้าซีดและร่วงเข้าอ้อมแขนของเขา ไม่มีแม้แต่เสียงตอบรับ เขาจึงอุ้มเธอออกจากห้องหนังสือไป
เมื่อถังรั่วอิงตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกำลังนอนอยู่บนเตียงใหญ่ในห้องนอนและมีผ้าห่มคลุม และฮ่อหยุนเฉิงกำลังเดินมาทางเธอพร้อมกับแก้วน้ำร้อน
เมื่ออีกคนเห็นเธอ ความประหม่าในดวงตาเขาก็ค่อยๆ คลายลง และทำท่าโล่งใจ
“ถังถัง” ฮ่อหยุนเฉิงเดินมาข้างเตียง วางแก้วน้ำในมือลงบนโต๊ะข้างเตียง ก่อนจะประคองถังรั่วอิงให้ลุกขึ้นนั่ง และวางหมอนไว้ข้างหลังเธอ
“เธอตื่นแล้วสินะ รู้สึกยังไงบ้าง ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?” เสียงของฮ่อหยุนเฉิงอ่อนโยนมาก “เมื่อกี้ฉันให้หมอมาตรวจเธอแล้ว เขาบอกว่าเป็นผลข้างเคียงจากก่อนหน้านี้ ร่างกายเธอยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ จะทำงานหนักเกินไปไม่ได้นะ”
ถังรั่วอิงมองไปที่ฮ่อหยุนเฉิงอย่างน่าสงสาร และเอื้อมมือออกไปจับเขาด้วยดวงตาที่เปล่งประกายด้วยน้ำตา
“พี่เฉิง…”
ฮ่อหยุนเฉิงที่เห็นสถานการณ์ก็รีบหยิบทิชชู่บนโต๊ะข้างเตียงออกมาเช็ดน้ำตาให้ “เป็นอะไรไป? เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่เลย ทำไมถึงร้องไห้ล่ะ?”
“ฉัน ฉัน…” เสียงของถังรั่วอิงขาดห้วง “ฉันรู้ว่าอาการป่วยมันหนักมาก ก่อนหน้านี้ฉันถามหมอว่าเมื่อไรจะดีขึ้น เขาบอกว่าแม้ว่าอาการป่วยของฉันจะดีขึ้น แต่ก็ยังมีโอกาสเป็นซ้ำ เพราะมันเป็นระยะสุดท้าย…ฉันรู้ว่าฉันเหลือเวลาไม่มากแล้ว”
ฮ่อหยุนเฉิงแสดงสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะเข้าไปนั่งใกล้ๆ ถังรั่วอิงและเอื้อมมือไปโอบเธอมาไว้ในอ้อมแขน “เด็กบ๊อง เธอพูดอะไรน่ะ ฉันต้องหาคนมารักษาเธอให้ได้แน่นอน”
ถังรั่วอิงแนบอิงแผ่นอกของฮ่อหยุนเฉิงก่อนจะส่ายหัวเบาๆ หลับตาและพูดอย่างเฉยเมย “ไม่ต้องเสียเวลาแล้วล่ะพี่เฉิง…ฉันรู้ร่างกายของฉันดี ฉันมีความปรารถนาเพียงข้อเดียว นั่นคือ พี่ยังจำตอนเด็กๆ ที่อยู่ในบ้านไม้หลังเล็กๆ ได้ไหม ที่พี่บอกว่าจะแต่งงานกับฉันน่ะ?”
“จำได้สิ”
ถังรั่วอิงแอบดีใจก่อนจะปรับอารมณ์ของตัวเอง และพูดต่อว่า “ฉันแค่อยากจะแต่งงานกับพี่ เป็นภรรยาของพี่และมีความสุขไปกับพี่ตอนที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ ส่วนที่เหลือฉันไม่ขออะไรอีก”
ฮ่อหยุนเฉิงขมวดคิ้ว และในขณะที่ถังรั่วอิงคิดว่าเขาไม่ตกลง เสียงของอีกคนก็ดังขึ้นเหนือหัว
“ได้สิ ฉันสัญญา”
ถังรั่วอิงเผยรอยยิ้มบนใบหน้าและโอบมือรอบเอวอีกคน “พี่เฉิง พี่ดีจังเลย”
ตราบใดที่เธอได้คุณหญิงบ้านตระกูลฮ่อ หลี่เฉิงหยางก็ไม่สามารถทำอะไรเธอได้อีกต่อไป
ถึงตอนนั้นเธอยังต้องให้คนอื่นจูงจมูกอีกหรือไง? ช่างน่าขัน!
ฮ่อหยุนเฉิงแสดงท่าทีเด็ดเดี่ยวจริงๆ และวันรุ่งขึ้นหลังจากที่เขาสัญญากับถังรั่วอิง เขาก็ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ให้คนปล่อยข่าวว่าเขากำลังจะหมั้นกับถังรั่วอิง
และในขณะนั้นสื่อก็รายงานข่าวกันอย่างดุเดือด เพราะยังไงบ้านตระกูลฮ่อก็ใหญ่ที่สุดในโลกธุรกิจและแน่นอนว่าการแต่งงานของฮ่อหยุนเฉิงก็เป็นที่น่าดึงดูดความสนใจ
【รักแท้สวรรค์ประทาน! ประธานตระกูลฮ่อกรุ๊ปแต่งงานกับรักในวัยเด็ก เธอควรทำอย่างไร?】
ข่าวทุกประเภทเมื่อกล่าวถึงฮ่อหยุนเฉิงและถังรั่วอิง ก็จะเอาซูฉิงไปโยงด้วย ถังรั่วอิงที่เห็นข่าวก็ดีอกดีใจ
แต่บางคนไม่ใช่
ตัวอย่างเช่นแม่ฮ่อและฮ่อเฉียน
เมื่อฮ่อเฉียนเห็นข่าว แน่นอนว่าเธอริษยามาก เธอวางโทรศัพท์ลงอย่างรวดเร็ว และพูดกับแม่ฮ่ออย่างไม่พอใจ “คุณน้าคะ ถังรั่วอิงอะไรนี่เข้าหาพี่เพราะเรื่องเงินชัดๆ! คุณน้าดูสิคะ หล่อนไม่เหมาะกับตระกูลเราเลยนะคะ บางทีอาจมีเจตนาไม่ดีก็ได้ จะให้พี่แต่งงานกับหล่อนไม่ได้นะคะ!”
แม่ฮ่อที่เห็นข่าวก็โมโหมาก ไม่คิดว่าซูฉิงไปแล้วยังจะมีถังรั่วอิงเข้ามาอีก ตอนนี้ไม่รู้ว่าเด็กนี่มาได้ยังไง แถมยังจะแต่งเข้าตระกูลพวกเขาอีก
“ก็แค่คนร้องเพลงในบาร์ จะมาแต่งเข้าบ้านตระกูลพวกเราได้ไง…ฝันไปเถอะ!”
ฮ่อเฉียนใช้โอกาสนี้ใส่ไฟและพูดกับแม่ฮ่ออย่างจงใจ “คุณน้าคะ ได้ยินมาว่าตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นอาศัยอยู่ในเมืองใหม่สุ่ยเยว่ที่เป็นบ้านของพี่ ให้หล่อนเข้าไปอยู่จะไม่เป็นการยอมรับว่าเธอเป็นคุณนายหญิงเหรอคะ?”
แม่ฮ่อเม้มปากและมองดเธออย่างไม่พอใจ
“ไปกัน เธอไปดูหน่อยหล่อนกับฉัน”
เมื่อทั้งสองมาถึงเมืองใหม่สุ่ยเยว่ ฮ่อเฉียนก็รีบเดินไปที่ประตูคอนโดอย่างเร่งรีบและกดกริ่งที่หน้าประตู
“มาแล้ว—” เสียงของถังรั่วอิงดังมาจากด้านใน เธอเปิดประตูและเห็นแม่ฮ่อและฮ่อเฉียนยืนอยู่ข้างนอกก็อดลังเลไม่ได้
“พวกคุณคือ?”
ฮ่อเฉียนพ่นเสียงดูถูกและเดินตรงเข้าไปข้างหลังแม่ฮ่อ
แม่ฮ่อกวาดสายตามองถังรั่วอิงชั่วครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ฉันก็คิดว่าลูกชายของฉันกำลังจะแต่งงานกับสาวสวยที่ไหน ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนประเภทนี้”
ฮ่อเฉียนยืนข้างแม่ฮ่อและพูดอย่างเย่อหยิ่ง “ไม่แน่พี่อาจจะอยากได้เธอแค่ฉาบฉวย น้าดูเธอสิ มองยังไงก็ไม่คู่ควรกับพี่เลย”
ถังรั่วอิงเข้าใจทันทีว่านี่คือแม่ของฮ่อหยุนเฉิงและลูกพี่ลูกน้องของเขา
แม้ว่าเธอจะไม่พอใจ แต่เวลานี้ก็ต้องก้มหัวลงและพูดพร้อมรอยยิ้ม “ที่แท้ก็เป็นคุณน้ากับน้องสาวที่มานี่เอง ดูฉันสิ…ฉันนี่ไม่รู้อะไรเลย พวกคุณนั่งสิคะ เดี๋ยวฉันไปล้างผลไม้ก่อนนะคะ”
ฮ่อเฉียนส่งเสียงไม่พอใจ “อย่ามาเรียกแบบนั้น ใครน้องสาวเธอ อย่าคิดว่าอ่อยพี่ฉันได้แล้วจะได้เป็นคุณนายบ้านตระกูลฮ่อ ท่าทางอวดดีอย่างเธอน่ะฝันไปเถอะ”
“ฉันมาที่นี่วันนี้ไม่ได้มาเพราะจะดื่มชาของลูกสะใภ้” แม่ฮ่อมองถังรั่วอิงอย่างดูถูก “การเป็นลูกสะใภ้ของบ้านตระกูลฮ่อของเราต้องเป็นผู้หญิงที่ได้รับการอมรมมาอย่างดี เธอนี่อะไร? อย่านึกว่าฉันไม่รู้ว่าเธอเคยร้องเพลงในบาร์นะ ผู้หญิงที่มาจากที่แบบนั้นจะใสสะอาดได้สักกี่คน? ลองพูดมาสิ จุดประสงค์เธอในการเข้าหาหยุนเฉิงคืออะไร?”
ถังรั่วอิงใจกระตุก แต่ไม่นานก็สงบลง
ถ้าพวกเขาคิดว่าจะสามารถไล่ต้อนเธอให้จนมุมด้วยการพูดแค่นี้ มันไม่ไร้เดียงสาไปหน่อยเหรอ?
“ฉันไม่ได้…” ถังรั่วอิงแสดงความรู้สึดน้อยเนื้อต่ำใจในน้ำเสียง “คุณน้าคะ ฉันกับพี่เฉิงอยากอยู่ด้วยกันอย่างใจจริง เขาสัญญาว่าจะแต่งงานกับฉัน พวกคุณ…ทำไมพวกคุณถึงพูดแบบนี้กับฉันล่ะคะ?”
ฮ่อเฉียนขมวดคิ้วมากขึ้นเรื่อยๆ เธอชอบลูกพี่ลูกน้องของเธอมาตั้งนาน แต่อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะมองมา เด็กน่าสงสารนี่ที่มาจากที่ไหนก็ไม่รู้ ถือดียังไงถึงพูดแบบนี้!
เธอโกรธจัดจนเดินเข้าไปผลักถังรั่วอิงอย่างรวดเร็ว “อย่ามาทำเสแสร้งแกล้งทำเป็นน่าสงสาร คิดจะคนอย่างเธอจะปีนตระกูลเราขึ้นไปได้หรือไง?!”
“ว๊าย!”
ถังรั่วอิงที่ถูกผลักลงไปกองกับมือจนมือถลอกและมองฮ่อเฉียนด้วยดวงตาแดง
ในขณะนั้นเอง ฮ่อหยุนเฉิงก็กลับมา
เมื่อเขาเห็นถังรั่วอิงล้มอยู่กับพื้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที เขารีบเข้าไปประคองและเหลือบมองผู้หญิงสองคนที่อยู่ตรงข้าม
“ใครให้พวกคุณเข้ามา”
เมื่อฮ่อเฉียนเห็นฮ่อหยุนเฉิงเดินเข้ามาก็ตกใจเช่นกัน และอธิบายคร่าวๆ ให้เขาฟังเพื่อพยายามจะบิดเบือน
“พี่ ฉันกับน้าเห็นข่าวในหนังสือพิมพ์เลยอยากมาหาพี่หน่อยน่ะค่ะ”
“ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉัน!” เห็นได้ชัดว่าฮ่อหยุนเฉิงไม่พอใจอย่างมาก และหลังจากที่ทิ้งประโยคนั้นเอาไว้ก็พูดกับถังรั่วอิงอย่างนุ่มนวล
สีหน้าแม่ฮ่อก็เปลี่ยนไป เธอกับฮ่อเฉียนมาที่นี่ราวกับเป็นคนนอก
“เฉียนเฉียน ดูเหมือนว่าพี่ของเธอจะยังมีความสุขดี เราไปกันเถอะ!”