เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1143 ข้า…มีความสุขมาก

แปลโดย iPAT

 

ใต้ดินของแดนน้ำแข็ง

 

ในห้องโถงขนาดใหญ่ เก้าอี้และโต๊ะหินถูกจัดเรียงเป็นวงกลม เถาวัลย์หนาเลื้อยพันอยู่บนผนัง

 

กองไฟสามกองกำลังลุกไหม้อยู่กลางห้อง

 

นี่เป็นพิธีการที่ตกทอดมาจากยุคบรรพกาล เมื่อมนุษย์กลายพันธุ์จัดงานเลี้ยงต้อนรับแขก พวกเขาจะจุดไฟสามกอง

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะ มนุษย์หิน และมนุษย์ขนรวมถึงฟางหยวนนั่งอยู่ในห้องโถงแห่งนี้

 

ผลไม้ทุกชนิดถูกวางไว้ด้านหน้าทุกคนขณะที่คนรับใช้เผ่ามนุษย์หินเริ่มรินสุราให้กับทุกคน

 

“นี่คือสุราเหงือกปลาของพวกเราชาวมนุษย์หิน โปรดลิ้มลอง!” ซื่อจงยืนขึ้นกล่าวพร้อมกับถ้วยสุราที่อยู่ในมือ

 

ซื่อจงเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่ามนุษย์หิน เขาไม่ได้เข้าร่วมในการต่อสู้เพื่อสังหารฟางหยวน

 

ร่างกายของเขาเปล่งประกายด้วยอัญมณีหลากหลายชนิด

 

นี่คือรูปแบบของชนเผ่ามนุษย์หิน

 

ร่างกายของมนุษย์หินถูกสร้างขึ้นมาจากหิน ในช่วงชีวิตที่ยาวนานแร่ทองคำและแร่ทุกชนิดจะเติบโตขึ้นบนร่างกายของพวกเขา มนุษย์หินถือเอาสิ่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่และมีเกียรติ ยิ่งมนุษย์หินมีตำแหน่งสูงเท่าใด ร่างกายของพวกเขาก็ยิ่งงดงามมากเท่านั้น

 

ไม่เพียงซื่อจงแต่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินคนอื่นๆก็อยู่ในรูปลักษณ์ที่ใกล้เคียงกัน

 

เนื่องจากซื่อจงเป็นผู้เปิดปากเชิญ ดังนั้นทุกคนจึงยกถ้วยสุราของตนเองขึ้นมา

 

ซื่อจงและคนอื่นๆดื่มสุราคำโตมีเพียงฟางหยวนที่จิบเบาๆเท่านั้น

 

ซื่อจงวางถ้วยสุราลงโดยไม่เหลือสุราแม้แต่หยดเดียว

 

จากนั้นเสียงโห่ร้องก็ดังขึ้น

 

ผู้อมตะคนอื่นๆทำเช่นเดียวกัน

 

บรรยากาศเต็มไปด้วยชีวิตชีวา

 

มีเพียงฟางหยวนที่วางถ้วยสุราลงโดยมีสุราเหลืออยู่ในถ้วย

 

อย่างไรก็ตามผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินและมนุษย์หิมะคนอื่นๆต่างเมินเฉยต่อสิ่งนี้

 

ตรงข้ามกับผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน ผมที่หกเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ฟางหยวน “ผู้อาวุโสฟางหยวน ท่านกำลังทำสิ่งใด เหตุใดท่านจึงกระทำการไม่สุภาพเช่นนี้? เจ้าภาพดื่มสุราจนหมดถ้วย ในฐานะแขก พวกเราไม่ควรเหลือสุราทิ้งไว้ นี่คือการแสดงความเคารพต่อเจ้าภาพ อา…ข้าเกือบลืมไปแล้วว่าท่านเป็นมนุษย์ไม่ใช่พวกเรา ไม่แปลกใจเลยที่ท่านไม่รู้จักประเพณีที่ตกทอดมาจากยุคโบราณของพวกเรา”

 

ผมที่หกเป็นสายลับที่อยู่ในนิกายหลางหยา เขาใช้ประโยชน์จากทุกสถานการณ์เพื่อสร้างปัญหาให้กับฟางหยวน

 

ฟางหยวนยิ้มและกล่าวอย่างสะดวกสบาย “ข้าจะไม่รู้ประเพณีนี้ได้อย่างไร? มันเป็นเพียงแค่สุรานี้คือน้ำลายที่ถูกทิ้งไว้โดยปลากระพงใต้ดิน ข้าไม่อยากดื่มมัน”

 

“ท่าน!” การแสดงออกของผมที่หกกลายเป็นมืดครึ้มแต่เขาลอบมีความสุขอยู่ภายใน คำกล่าวของฟางหยวนชัดเจนว่าเป็นการสร้างความขุนเคืองให้กับฝ่ายตรงข้ามซึ่งเป็นสิ่งที่ผมที่หกตั้งใจให้เกิดขึ้น

 

ในจดหมายที่ฟางหยวนส่งกลับไปยังนิกายหลางหยาไม่ได้กล่าวถึงรายละเอียดทั้งหมด เขาอธิบายเพียงภาพรวมเท่านั้น ผมที่หกและคนอื่นๆไม่รู้ว่าฟางหยวนนำอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดออกมาและทำให้กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินและมนุษย์หิมะต้องประนีประนอม

 

ในความเป็นจริงจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาได้มอบภารกิจค้นหาพันธมิตรเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ให้กับฟางหยวนมานานแล้ว

 

ตั้งแต่ฟางหยวนค้นพบมนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้ เขาก็สามารถทำภารกิจให้กับนิกายได้สำเร็จและจะได้รับรางวัลจากนิกายหลางหยา

 

ในฐานะสมาชิกนิกาย ผมที่หกไม่ต้องการเห็นฟางหยวนได้รับผลประโยชน์และพัฒนา ตอนนี้เขากล่าวสิ่งเหล่านี้เพื่อกำหราบฟางหยวน

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า เนื่องจากผู้อาวุโสฟางหยวนไม่ชอบสุราชนิดนี้ เช่นนั้นเราจะเปลี่ยนเป็นสุราชนิดอื่น ข้าจะนำสุราหมาป่าน้ำแข็งออกมาจากโรงกลั่นของข้า!” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะหัวเราะ

 

มนุษย์หิมะมีร่างกายสีขาวราวหิมะและมีดวงตาสีน้ำเงินพร้อมเส้นผมสีฟ้า

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะผู้นี้ไม่สวมเสื้อและเผยให้เห็นรอยสักสีน้ำเงินเข้มบนหน้าอก ผมสีฟ้าของเขาถูกมัดขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าที่มั่นคงและไร้กังวล

 

บุคคลผู้นี้มีนามว่าปิงเจา เขาก็คือผู้อมตะหอกน้ำแข็งที่ทำให้ฟางหยวนรู้สึกขมขื่น

 

ไม่นานคนรับใช้เผ่ามนุษย์หิมะก็นำสุราชนิดใหม่ออกมา

 

ถ้วยสุราทำจากน้ำแข็ง สุราที่อยู่ภายในสร้างไอเย็นลอยขึ้นสู่อากาศ

 

“กล่าวตามตรงข้าเองก็ไม่ชอบดื่มสุราเหงือกปากเช่นกัน ดังนั้นโปรดลิ้มลองสุราชนิดนี้” ปิงเจากล่าว

 

ฟางหยวนกวาดตามองสุราและกล่าวโดยไม่ให้ความเคารพใดๆ “ให้ข้าลองดูก่อน”

 

“เชิญ” ปิงเจาหัวเราะ

 

เพียงเมื่อปิงเจากล่าวจบ ฟางหยวนยกถ้วยสุราขึ้นดื่มจมหมดในครั้งเดียว

 

ผู้อมตะทั้บงหมดมึนงงอยู่ชั่วขณะก่อนจะปรบมือและโห่ร้องเสียงดัง

 

ฟางหยวนมองผมที่หกอย่างระมัดระวังและลอบหัวเราะอยู่ภายใน

 

เขารู้ความตั้งใจของสหายผู้นี้

 

อย่างไรก็ตามผมที่หกจะไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องร้ายใดๆขึ้นกับฟางหยวนเพราะนิกายเงาต้องการเก็บร่างของฟางหยวนเอาไว้เพื่อหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะอีกครั้ง

 

สิ่งที่ผมที่หกทำได้มีเพียงการยับยั้งความก้าวหน้าของฟางหยวนเท่านั้น

 

ก่อนหน้านี้ผมที่หกพยายามทำเรื่องนี้โดยทำลายความสัมพันธ์ระหว่างฟางหยวนกับนิกายหลางหยา

 

แต่ผมที่หกไม่เคยคาดคิดว่าฟางหยวนจะมีอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด ยิ่งไปกว่านั้นเขายังใช้มันสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะและมนุษย์หิน

 

ด้วยความแข็งแกร่งที่แตกต่าง ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้จึงไม่มีทางเลือกนอกจากให้ความเคารพ!

 

นี่คือจุดแข็ง

 

ในใจของพวกเขาไม่ว่าผมที่หกจะยั่วยุหรือกล่าวสิ่งใด มันก็ไร้ประโยชน์ หลังจากทั้งหมดฟางหยวนสำคัญกว่าผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนทั้งหมดรวมกัน

 

มนุษย์กลายพันธุ์ให้ความเคารพต่อความแข็งแกร่งมาก นี่เป็นประเพณีของพวกเขามาตั้งแต่ยุคบรรพกาล

 

เนื่องจากยุคบรรพกาลเป็นยุคแห่งการดื่มเลือดกินเนื้อ ช่วงเวลาแห่งสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ทำให้พวกเขาถูกสังหารโดยมนุษย์ มีเพียงความแข็งแกร่งที่จะทำให้พวกเขาอยู่รอด

 

ฟางหยวนตั้งใจทำเรื่องต่างๆให้ดูยากขึ้นเพราะต้องการให้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้รู้สึกกังวลอยู่ตลอดเวลา

 

หากฟางหยวนไม่ทำมัน พวกเขาจะรู้สึกสบายใจเกินไป

 

ฟางหยวนเข้าใจธรรมชาติของพวกเขา นอกจากนี้ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง นั่นคือเพื่อตรวจสอบความตั้งใจของฝ่ายตรงข้าม

 

ตอนนี้ฟางหยวนมั่นใจอย่างสมบูรณ์แล้วว่าเขาปลอดภัย

 

‘เกิดสิ่งใดขึ้น?’ เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ ผมที่หกตกใจมาก

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะและมนุษย์หินเข้ารุมล้อมฟางหยวนขณะที่ปล่อยผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนทิ้งไว้โดยไม่สนใจ

 

“ผู้อาวุโสฟางหยวน ข้าขอดื่มให้ท่าน”

 

“ผู้อาวุโสฟางหยวนช่างเป็นนักดื่มที่ยอดเยี่ยมนัก!”

 

ฟางหยวนไม่ปฏิเสธพวกเขาและดื่มทุกครั้ง

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนมองหน้ากันด้วยความสับสน

 

ผมที่หกรู้สึกสับสนมาก ‘ฟางหยวนใช้เสน่ห์เล่ห์กลใดถึงทำให้พวกเขาหลงใหลและให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นเช่นนี้?’

 

หากฟางหยวนเป็นมนุษย์ขน นั่นอาจสมเหตุสมผล แต่เขาอยู่ในร่างที่แท้จริงซึ่งเป็นมนุษย์

 

“ผู้อาวุโสฟางหยวน ข้าเสวี่ยเอ๋อจะรินสุราให้ท่าน” ระหว่างงานเลี้ยง ผู้อมตะหญิงเผ่ามนุษย์หิมะเดินเข้ามาหาฟางหยวนและช่วยรินสุราแทนคนรับใช้

 

ผู้อมตะชายเผ่ามนุษย์ขนมองด้วยดวงตาเบิกกว้าง

 

ผมที่หกแทบตะโกนออกมา ‘พวกเจ้าบ้าไปแล้ว! พวกเจ้าเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ ฟางหยวนเป็นมนุษย์! เขาเป็นมนุษย์! มนุษย์ที่เข่นฆ่าพวกเราเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์!”

 

“เสวี่ยเอ๋อ เจ้าคือมนุษย์หิมะที่ค้นพบร่างจริงของข้าใช่หรือไม่?” ฟางหยวนมองผู้อมตะหญิงเผ่ามนุษย์หิมะผู้นี้

 

ผู้อมตะหญิงเผ่ามนุษย์หิมะก้มศีรษะลงและเผยรอยยิ้มเขินอาย “ข้าเชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ผู้อาวุโสฟางหยวนคือวีรบุรุษที่แท้จริง”

 

ผมที่สิบสองแทบพ่นสุราออกมาจากปากเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้

 

ผมที่หกลอบสาปแช่งผู้อมตะหญิงเผ่ามนุษย์หิมะ ‘เจ้าตั้งใจทำสิ่งใด!? เฮ้ เฮ้ เหตุใดเจ้าต้องหน้าแดงและก้มศีรษะลงด้วยท่าทางเขินอาย? เจ้าคิดว่าข้ามองไม่ออกงั้นหรือว่าเจ้าสนใจเจ้าหมอนั่น! เจ้าเป็นมนุษย์หิมะ คิดถึงสถานะของตนเองบ้าง!’

 

“ข้าไม่สมควรได้รับการยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษ” ฟางหยวนหัวเราะ

 

ปิงเจาถือถ้วยสุรามาหาเขา “หากผู้อาวุโสฟางหยวนไม่ใช่วีรบุรุษแล้วผู้ใดยังจะสามารถอ้างตัวเป็นวีรบุรุษได้อีก?”

 

เสวี่ยเอ๋อแนะนำตัวในเวลาที่เหมาะสม “นี่คือท่านพี่ปิงเจา เขาเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าของเรา ปกติแล้วเขาเป็นคนเย็นชาและภาคภูมิใจในตนเอง มีเพียงผู้อาวุโสฟางหยวนเท่านั้นที่ทำให้เขาชื่นชมได้เช่นนี้”

 

ฟางหยวนยืนขึ้นและประเมินผู้อมตะผู้นี้ “หากข้าเดาไม่ผิด เจ้าคือคนที่ใช้หอกน้ำแข็งคู่ต่อสู้กับข้าหลายสิบกระบวนท่าถูกต้องหรือไม่?”

 

ปิงเจาหัวเราะและยกนิ้วให้ “ผู้อาวุโสฟางหยวน สายตาของท่านช่างแหลมคมนัก!”

 

ฟางหยวนไม่ได้กล่าวต่อแต่ยกถ้วยสุราขึ้นดื่มให้กับปิงเจา

 

ปิงเจามีความสุขมากและดื่มสุราจนหมดถ้วย

 

เสียงโห่ร้องดังขึ้นอีกครั้งขณะที่เสวี่ยเอ๋อปรบมืออยู่ด้านข้าง “วีรบุรุษย่อมดึงดูดวีรบุรุษ”

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนตกตะลึง ไม่มีผู้ใดสนใจพวกเขา ตรงข้าม ทุกคนต่างมองไปที่ฟางหยวน

 

ผมที่หกแทบยกมือขึ้นตุบโต๊ะ

 

ทัศนคติของปิงเจาทำให้เขารู้สึกแย่

 

เขากรีดร้องอยู่ในใจ ‘พวกเจ้ากำลังทำสิ่งใด!? หญิงที่ชื่อเสวียเอ๋อ เพียงเห็นผู้ชายหน้าตาดีถึงกับตื่นเต้นจนไม่สามารถเก็บอาการ ดูสีหน้าของเจ้า ดูวิธีหัวเราะของเจ้า มันบอกได้ชัดเจนว่าเจ้าต้องการสิ่งใดจากฟางหยวน! ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะที่แข็งแกร่งที่สุด เจ้ายังเป็นวีรบุรุษของเผ่าอยู่หรือไม่? เจ้าต้อนรับและใกล้ชิดมนุษย์ราวกับเป็นพี่น้องร่วมสายเลือด เจ้าต้องการทรยศต่อเผ่าของตนเองงั้นหรือ!?’

 

ปิงเจาถอนหายใจ “เปรียบเทียบกับผู้อาวุโสฟางหยวน ข้าจะถือเป็นวีรบุรุษได้อย่างไร? ผู้อาวุโสฟางหยวนครอบครองอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด หากไม่ใช่เพราะผู้อาวุโสฟางหยวนอยู่ฝ่ายเดียวกับพวกเรา เผ่าของพวกเราอาจพบภัยพิบัติร้ายแรงจริงๆ”

 

“อา…กระไรนะ!? อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด!” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนมองหน้ากันด้วยความตกใจ

 

“ผู้อาวุโสฟางหยวน ข้าได้ยินสิ่งใดผิดไปหรือไม่? ท่านมีอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดงั้นหรือ!?” ในที่สุดผมที่หกก็ไม่สามารถอดทนและผุดลุกขึ้นยืน

 

ฟางหยวนลูบจมูกของตนและกล่าวด้วยท่าทีลำบากใจเล็กน้อย “ไม่นานมานี้ข้าร่วมมือกับชูตู๋เพื่อไปยังถ้ำสวรรค์ไห่ฟานและสามารถรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของไห่ฟานได้สำเร็จ อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเป็นหนึ่งในผลประโยชน์ของการเดินทางครั้งนี้”

 

“อันใด!?” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนอุทานด้วยความตกใจมาก

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะและมนุษย์หินมองหน้ากัน

 

ผมที่หกก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว เขาจ้องมองฟางหยวนด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ

 

ในช่วงเวลานี้ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะและมนุษย์หิมเหล่านี้จึงให้ความสำคัญกับฟางหยวนมากนัก

 

สัตว์อสูรแรกกำเนิดที่มีพลังการต่อสู้ระดับแปด!

 

ผมที่หกไม่สามารถรับแรงกระแทกนี้ ขาของเขากลายเป็นไร้เรี่ยวแรงและล้มลงนั่งบนเก้าอี้หินอีกครั้ง

 

“ข้าไม่มีเวลาแจ้งให้พวกเจ้ารู้ มา สมาชิกนิกายหลางหยาของเรามาดื่มเพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง” ฟางหยวนยิ้มและยกถ้วยสุราขึ้น

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนตอบสนองโดยเผยให้เห็นถึงความสุข

 

“นิกายหลางหยาของเรามีความแข็งแกร่งระดับแปดแล้วในเวลานี้!”

 

“ผู้อาวุโสฟางหยวนของเราช่างไร้เทียมทาน น่าทึ่งมาก!”

 

“ผู้อาวุโสฟางหยวน ก่อนหน้านี้เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของข้า ข้ามีตาแต่หามีแววไม่!”

 

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนแสดงออกด้วยการยอมรับ

 

นี่คือพลังอำนาจของความแข็งแกร่งระดับแปด!

 

ผมที่หกยกถ้วยสุราขึ้นด้วยรอยยิ้มแต่ภายในแทบกระอักเลือดด้วยความโกรธ

 

ฟางหยวนมองผมที่หกและเผยรอยยิ้มบาง “ผู้อาวุโสหก เหตุใดมือของท่านถึงสั่นเช่นนั้น?”

 

ผมที่หกยิ้มและกล่าวด้วยเสียงที่แหบแห้ง “นี่เป็นเพราะข้าตื่นเต้นกับผู้อาวุโสฟางหยวนและนิกายหลางหยาของเรา ข้า…มีความสุขมาก…”