ไกรวิทย์เป็นคนที่ทำให้คนอื่นเกรงขามเหลือเกิน ให้คนมีปฏิกิริยาตอบโต้กลับตามสัญชาตญาณ
“หลังจากนี้ครึ่งชั่วโมง มารวมตัวกันที่ห้องรับแขก คุณกับออกัสก็ลงมาด้วย”
น้ำเสียงอันกระฉับกระเฉงและทรงพลัง ไกรวิทย์มองอากัปกิริยาของเชอร์รีน จากนั้นก็หันหลัง และเดินหนีไป
เธอถอนหายใจโล่งอก พอตอนที่เธอกลับเข้ามาในห้องแล้ว ผู้ชายที่นอนอยู่บนเตียงก็ตื่นแล้ว พร้อมทั้งใช้แขนยันคางเอาไว้ แถมยังแสดงท่าขี้เกียจมาก
ท่าทางเหมือนเขายังไม่ตื่นนอน พร้อมทั้งทำตาสะลึมสะลือ และเหลือบมองเธอ มีเสียงแหบพร่าปะปนมาเป็นลักษณะเฉพาะ “Morning คุณหญิงเชอร์รีน…”
สันใบหน้าหนุ่มหล่อของเขาดูอ่อนโยนและดูเป็นกันเอง กว่าปกติ ยิ่งเมื่ออยู่ใต้แสงไฟสีเหลืองอ่อนแล้วด้วย ยิ่งมีเสน่ห์จับใจขึ้นมาก
หัวใจของเชอร์รีนมันเต้นโครมครามจนบังคับไม่อยู่ จนแก้มร้อนผ่าว พลันหันข้างทันที “คุณตาให้ไปรวมตัวกันที่ห้องอาหารหลังจากนี้ครึ่งชั่วโมง”
จากนั้น เธอหันตัวมุ่งหน้าเดินไปยังห้องน้ำ จัดการล้างหน้าล้างตา ตอนที่กำลังแปรงฟันอยู่นั้น ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออก
ชายหนุ่มตัวเปล่าล่อนจ้อน ไหล่กว้าง สะโพกสอบถูกกางเกงในตัวรัดติ้ว มันยิ่งทำให้เห็นเจ้าลูกกลมๆ และท่อนยาวตรงแน่ว แถมยังแยกเป็นชิ้นส่วนอย่างชัดเจน แท่งเรียวยาวมันตั้งลำตรง ซึ่งมันเพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้หญิงหัวใจเต้นโครมคราม
เชอร์รีนเหลือบมองตอนที่เขาเดินเข้ามาแต่ละก้าว พลันย่นคิ้วหา ในปากยังมีฟองยาสีฟันอยู่ จึงทำให้เวลาพูดออกมามันดูไม่ค่อยชัดสักเท่าไหร่ “นี่คุงเข้ามาทำอะไย?”
“แปรงฟัน…” เขายืนเคียงบ่าเคียงไหล่อยู่ข้างๆ เธอ พลันเหลือบมองเธออย่างสงบนิ่ง “คุณหญิงเชอร์รีนคิดว่าผมเข้ามาทำอะไรเหรอ?”
“คุณออกไปก่อนได้ไหม ฉันจะเสร็จอยู่แล้ว!”
ออกัสเลิกคิ้วขึ้น ใบหน้าอันหล่อเหลาแสดงความหมายปล่อยตัวตามสบาย “ตรงหน้าอ่างล้างหน้ามันยืนสองคนไม่ได้เหรอไง?”
เมื่อเห็นว่าเขาไม่มีท่าทีจะออกไป เชอร์รีนเองก็ไม่อยากเปลืองแรงให้เปล่าประโยชน์ พลันเขยิบตัวไปทางด้านข้าง และรีบแปรงฟันให้เร็วขึ้นกว่าเดิม
ริมฝีปากของเขากระตุกขึ้น นัยน์ตาพลันมองมาที่เธอ และมองเห็นติ่งหูของเธอยาวจนถึงลำคอแดงแจ๋ไปทั่วจนถูกใจ ทำราวกับมีความสุขมากที่สุด
“ลามก!” พลันสบถด่าพึมพำอย่างไม่สบอารมณ์ ใบหน้าเธอแดงเป็นปื้น พร้อมทั้งรีบออกไปจากห้องน้ำทันที ส่วนเขานั้น ริมฝีปากบางฉีกยิ้มกว้าง จนดวงตาก็ยังยิ้มตามไปด้วย
ตอนแรกเธอคิดว่าไกรวิทย์ต้องมีเรื่องที่สำคัญมาก สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือ เขาให้ออกกำลังกายตอนเช้าตรู่
หกนาฬิกาสี่สิบนาที ท้องฟ้ายังไม่ทันสว่าง ยังครึ้มอยู่เล็กน้อย แต่ที่มากกว่านั้นก็คือความหนาวเย็น
เนื่องจากตั้งครรภ์อยู่ ดังนั้นไกรวิทย์เลยให้สิทธิพิเศษแก่เธอ เธอจะเดินช้าๆ หรือจะเดินเล่นก็ได้ แต่ต้องเดินให้ครบสี่รอบ
เธอใส่เสื้อขนเป็ด พร้อมทั้งแต่งกายมิดชิดมาก แต่กลับรู้สึกลมหนาวมันพัดเข้ามาด้านใน
แต่ ออกัสกลับใส่ชุดกีฬาสีเทา นอกจากความหล่อแล้ว ยังมีความผ่อนคลายเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย
แค่ใช้พละกำลังพริบตาเดียว เขาก็ทิ้งห่างไกรวิทย์ไปมากแล้ว
ร่างกายที่สั่นสะท้านด้วยความเย็นเฉียบ จนเชอร์รีนพ่นควันสีขาวออกจากปาก ทว่าสายตาของไกรวิทย์ก็กวาดตามองมาพอดี เธอเป็นคนมีไหวพริบดี ไม่กล้าขี้เกียจอีกแล้ว และจัดการขยับตัวอย่างรวดเร็ว
ดังนั้น ภาพของทั้งสามคนก็กลายเป็นภาพที่มีลักษณะพิเศษมาก
เพราะออกัสวิ่งนำหน้า ไกรวิทย์อยู่ตรงกลาง ส่วนเชอร์รีนนั้นรั้งท้ายเหมือนกับหอยทาก
เธอไม่ค่อยได้วิ่ง แต่เดินจนครบทั้งสี่รอบ จนรู้สึกว่าร่างกายเริ่มร้อนไปทั่วตัว แถมยังสบายตัวมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอากาศที่แสนสดชื่น มันทำให้เป็นตัวของตัวเองมาก
สายตาสบตากับผู้ชายที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เธอมองไปทางนั้น
ขายาวๆ ของเขาวิ่งก้าวไปทางด้านหน้าด้วยเรี่ยวแรงที่มี และแขนที่เคลื่อนไหวไปทางด้านหน้าและหลังจนเป็นมุมที่แสนงดงาม ราวกับเจ้าสิงโตอันทรงพลังที่กำลังวิ่งอยู่ มันช่างงดงามและแข็งแรงกระฉับกระเฉง
บริเวณต้นคอ เสื้อกล้ามสีขาวที่อยู่ด้านในเสื้อกันหนาวเปียกเหงื่อจนชุ่ม จนมันรัดแนบติดกับร่างกาย จนทำให้คนรู้ว่ามันเซ็กซี่เหลือเกิน
เธอไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย ที่แท้ เวลาผู้ชายวิ่งก็เซ็กซี่ถึงเพียงนี้
เหมือนจะจับสัมผัสได้ถึงสายตาที่เธอมองอยู่ เขาหันตัวกลับมา พร้อมทั้งหรี่ตามองสื่อความหมายเป็นนัยมาทางเธอ และฉีกยิ้มยาวไปถึงรูหู
ทั้งสองคนประสานสายตา เชอร์รีนได้สติ จึงรีบเบนสายตาทันที เมื่อคิดถึงภาพในห้องน้ำเมื่อเช้าแล้ว เธอถึงกลับส่ายหน้า ใบหน้าก็เริ่มแดงแจ๋ และพยายามกัดฟันเอาไว้
ผู้ชายคนนี้เวลาทำตัวสง่างาม เหมือนว่าสามารถทำให้จิตใจคนเราเตลิดไปไกล แต่พอทำเรื่องลามกจกเปรตขึ้นมา ย่อมไม่มีใครที่สามารถเทียบเคียงกับเขาได้เช่นเดียวกัน!
สุดท้ายจึงสรุปผลได้ว่า ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ต้องมาออกกำลังกายตอนเช้าทุกวัน
คำพูดนี้เป็นคำพูดของไกรวิทย์ที่พูดกับเชอร์รีนด้วยตนเอง ตอนที่ออกัสไปทำงานแล้ว
เมื่อได้ยินตามนั้น เธอแค่รู้สึกว่าปวดหัว ทว่าก็ไม่กล้าขัดคำสั่ง
ในตระกูลสิริไพบูรณ์ บุคคลที่เธอกลัวที่สุดก็คือนายท่านไกรวิทย์ เพราะว่าเขา เป็นผู้นำที่น่าเกรงขามมากคนหนึ่ง
ช่วงเวลาเที่ยง เธอโทรศัพท์หานลิน “นลิน นธีเป็นยังไงบ้าง?”
“กลับมาบ้านแล้ว” ฟังไม่ออกความรู้สึกจากน้ำเสียง นลิน
เชอร์รีนเองก็ไม่ได้สนใจอะไร ทว่าถือว่าวางใจไปได้เปลาะหนึ่ง จากนั้นก็พูดกับนลินสองสามประโยค และกดวางสายไป
อีกด้านหนึ่ง
นลินกำโทรศัพท์เอาไว้แน่น สีหน้าบิดเบี้ยวแข็งกระด้างขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็พิมพ์หมายเลขโทรศัพท์ และกดโทรศัพท์ออก
สายนี้โทรติด แต่ไม่รู้ว่าเธอโทรศัพท์หาใคร…
ในบ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ เชอร์รีนนั่งๆ นอนๆ ต่อไปไม่ไหวแล้ว ดังนั้น เลยตัดสินใจกลับบ้านสักครั้ง
เธอนั่งอยู่บนรถแท็กซี่ พร้อมทั้งบอกที่หมาย รถแท็กซี่ยังไม่ทันออกตัว พลันมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
หัวหน้าฝ่ายแนะแนวเป็นคนโทรศัพท์เข้ามาหา เพราะผลคะแนนออกมาแล้ว และให้เข้าไปจัดการเรื่องหนังสือประกาศ กำหนดการพรุ่งนี้ก่อนเที่ยง ต้องแจกจ่ายให้นักเรียนทุกคนให้หมด
เธอแจ้งสถานที่กับคนขับรถแท็กซี่ รถแท็กซี่รีบกลับรถ และขับต่อไปยังเส้นทางตรงข้ามกัน
เมื่อมาถึงห้องทำงาน คุณครูทุกคนต่างจัดการงานการอย่างวุ่นวาย เมื่อเห็นนลินแล้วเชอร์รีน ก็ค่อยๆ ก้าวเท้าย่องเข้ามาหาเบา จากนั้นก็ตบไหล่เธออย่างตามเคย
จากนั้นก็มีเสียงดัง “ฟิ้ว–” เอกสารที่อยู่ในมือนลินทั้งหมดหล่นไปกองอยู่ที่พื้น เห็นได้ชัดว่า เธอตกใจอยู่ไม่น้อย
“นี่ตกใจจริงๆ เหรอ? แกกลายเป็นคนขี้ตกใจไปตั้งแต่เมื่อไหร่?” เชอร์รีนยิ้มออกมา และจัดการวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะ และนั่งลง
นลินเหลือบมองค้อนเธอ มุมปากดูฝืนพูด พลันงอตัว เพื่อเก็บเอกสารขึ้นมา “รีบทำงานเข้าเถอะ งานวันนี้ไม่ใช่น้อยๆ เลย”
“โอเค เริ่มงาน งานก็ยังทำไม่สำเร็จ เพื่อนร่วมงานยังขยันขันแข็ง รีบทำงานให้เสร็จ จะได้มีความสุขกับวันปีใหม่!”
เมื่อได้ยินดังนั้น นลินก็ยังไม่ตอบกลับมา แค่ยิ้มออกมาทางใบหน้าแต่แววตาไม่ได้ยิ้มด้วย สายตามัวแต่จับจ้องบนโทรศัพท์ และรู้ว่ากำลังดูอะไรอยู่
ห้องทำงานกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง มีแค่เสียงพลิกกระดาษกับเสียงหายใจเท่านั้นเอง
เนื่องจากยุ่งหัวหมุน ดังนั้นเลยสั่งข้าวกลางวันมา หนึ่งในบรรดาคุณครูก็บิดขี้เกียจ และจัดการเปิดโทรทัศน์ “ผ่อนคลายกันหน่อย เดี๋ยวค่อยทำต่อ”
บรรดาคุณครูพวกนั้นหันตัวกลับมา และต่างถือกล่องข้าวอยู่ในมือ และดูโทรทัศน์ไปด้วย
จังหวะนั้นเอง มีคนส่งเสียงพูดขึ้นมา “นั่นไม่ใช่คุณครูเชอร์รีนเหรอ คุณครูเชอร์รีนไปออกโทรทัศน์เหรอเนี่ย!”
นลินถึงกลับสะดุดทันที และหันศีรษะกลับมา เพื่อหันไปดู
เชอร์รีนกำลังก้มหน้าก้มตากินข้าวกล่องอยู่นั้น จึงได้ยินเสียงที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่ ทำได้แค่รู้สึกขบขัน เพราะว่าเธอไม่ใช่คนมีชื่อเสียงอะไร ทำไมถึงได้ไปออกโทรทัศน์ได้ยังไง?
แต่ วินาทีต่อมา เมื่อมีเสียงผู้ประกาศข่าวดังเข้าหูของเธอ
“จรรยาบรรณของครูทำให้บรรดาผู้ปกครองเป็นห่วงและให้ความสนใจเป็นอย่างมาก วันนี้ ตามที่มีข่าวในสำนักพิมพ์หลุดออกมา ครูสาวโรงเรียนมัธยมปลายอันดับหนึ่งของ เมืองsท่านหนึ่ง ใช้ชีวิตส่วนตัวอย่างมั่วสุม ชอบเข้าออกผับบาร์อยู่บ่อยครั้ง แถมยังสนิทสนมในทางลับๆ กับหัวหน้า และมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับผู้ปกครองนักเรียน ตามรายงานข่าว เธอจับตัวเองใส่พานถวายให้ถึงมือ เพื่อต้องการแต่งงานกับอภิมหาเศรษฐี ซึ่งมีรายละเอียดพร้อมรูปภาพประกอบจากสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งด้วย….”