บทที่ 284 วารีศักดิ์สิทธิ์

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]

บทที่ 284 วารีศักดิ์สิทธิ์

บทที่ 284 วารีศักดิ์สิทธิ์

ในระหว่างการทดสอบสามครั้งในขุมสมบัติเฉียนหยวน สิบสองอันดับแรกที่ผ่านการทดสอบแรกได้จะได้รับวิชากระบวนยุทธ์ระดับเต๋า เฉินซีเป็นคนที่สี่ในการทดสอบครั้งนี้ และได้เลือกวิชากระบวนยุทธ์ระดับเต๋าครึ่งขั้นอย่างเพลงหมัดมหาทำลายล้างมา และวิชากระบวนยุทธ์ระดับเต๋าหนึ่งในแปดวิชาที่เหลืออยู่คือเคล็ดวิชาราชสีห์หิมะคำราม

นอกจากนี้ เท่าที่เฉินซีรู้ วิชากระบวนยุทธ์ระดับเต๋าทั้งแปดนี้เป็นของหลินโม่เซวียน หม่านหง อันเชี่ยนอวี้ เผยจง เซียวหลิงเอ๋อร์ หวังเต้าซวี่ เซวี่ยเฉิน และเยว่ฉีตามลำดับ

ตอนนี้เมื่อเคล็ดวิชาราชสีห์หิมะคำรามปรากฏขึ้นในการประมูลของหอขุมทรัพย์สวรรค์เมืองเฟิงเย่ จึงทำให้เฉินซีนึกถึงคนทั้งแปดคนนี้ขึ้นมาทันที

ต้องเป็นหลินโม่เซวียนที่เอามาตั้งประมูลเป็นแน่ สถานที่แห่งนี้อยู่ในอาณาเขตของนิกายสวรรค์ปฐพี เขาเองก็เป็นศิษย์สายหลักขอบเขตแกนทองคำหยินหยางของนิกาย หากไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใครไปได้อีก? เฉินซีคาดเดาถึงตัวเจ้าของเดิมของเคล็ดวิชาราชสีห์หิมะคำรามได้อย่างรวดเร็ว แต่เขาก็อยากรู้เช่นกันว่าเหตุใดหลินโม่เซวียนถึงจะนำวิชากระบวนยุทธ์ระดับเต๋ามาขายเช่นนี้

“กระบี่สวรรค์ปฐพีของหลินโม่เซวียนที่ถูกเจ้ายึดไปเป็นความอัปยศอดสูอย่างยิ่งต่อนิกายสวรรค์ปฐพี จากนั้นจ้าวจื๋อเหม่ยผู้เป็นบรรพาจารย์นิกายก็คว้าน้ำเหลวกลับมาจากนิกายกระบี่เมฆาพเนจรพร้อมกับความโกรธเต็มท้องแต่กลับไร้ที่ระบาย ดังนั้นคงจะไปลงที่หลินโม่เซวียน เพราะเจ้าหนุ่มนั่นทำให้สถานะของเขาในนิกายสั่นคลอนกระมัง”

ย่าชิงราวกับจะเข้าใจความคิดเฉินซีจึงเอ่ยขึ้นพร้อมกับแย้มยิ้ม “ปัจจุบันแรงสนับสนุนจากนิกายสวรรค์ปฐพีก็น้อยลงมาก เขาคงไม่อาจได้รับสมบัติวิเศษระดับเดียวกับกระบี่สวรรค์ปฐพีได้อีกแล้ว ดังนั้นจึงได้แต่ตัดใจยอมขายเคล็ดวิชาราชสีห์หิมะคำราม จะได้สามารถซื้อสมบัติวิเศษระดับปฐพีขั้นสุดยอดที่เหมาะสมกับเขาได้เพื่อเตรียมตัวเข้าร่วมการชุมนุมดาวรุ่ง”

เฉินซีจึงพลันเข้าใจ หากขาดสมบัติวิเศษที่เหมาะกับตนจะส่งผลต่อพละกำลังมาก หากหลินโม่เซวียนอยากติดอันดับในการชุมนุมดาวรุ่ง ก็มีแต่ต้องขายเคล็ดวิชาราชสีห์หิมะคำรามเพื่อซื้อสมบัติวิเศษชิ้นใหม่เท่านั้น

หลังจากนั้น เฉินซีจึงเหลือบมองไปที่ย่าชิงและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกตะลึงในใจ หอขุมทรัพย์สวรรค์นั้นย่อมน่าเกรงขามอยู่แล้ว ราวกับว่าไม่มีข่าวใดหลุดรอดไปจากหูพวกเขาไปได้

“ราคาเสนอเริ่มต้นของวิชากระบวนยุทธ์ระดับเต๋าวิชานี้คือโอสถกลั่นแรกเริ่มหนึ่งแสนเม็ด เพิ่มราคาทีละครั้งต้องมากกว่าหนึ่งพันเม็ด!” เมื่อตู้เฟยอวี่เห็นว่าบรรยากาศดูคึกคัก เขาก็ไม่ปล่อยให้โอกาสแจ้งราคาเริ่มต้นหลุดลอยไป

ทันใดนั้น บรรยากาศพลันเงีบบลงมาก หลายคนมองไปที่กระดาษหยกทองดำน้ำลายแทบไหล แต่ก็ระงับความตั้งใจอยากเสนอราคาไว้ในใจ

โอสถกลั่นแรกเริ่มหนึ่งแสนเม็ดนี่มันอะไรกัน?

เฉินซีมีหม้อกลั่นเก้าอสรพิษจ้าวนภา ซึ่งเป็นสมบัติวิเศษระดับปฐพีขั้นสุดยอดที่สืบทอดมาจากตำหนักจ้าวปัญญา หากขายในราคานี้มันจะน่าตกใจเพียงใด เว้นเสียแต่จะเป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางที่ร่ำรวยเป็นพิเศษ ไม่เช่นนั้นคนธรรมดาจะมีโอสถกลั่นแรกเริ่มมากกว่าหนึ่งแสนเม็ดอยู่ไม่เท่าไรเท่านั้น

‘หากราคาเหมาะสม ข้าอาจลองเสนอราคาสู้เคล็ดวิชาราชสีห์หิมะคำรามได้’ เฉินซีดูตกยู่ในภวังค์ เขารู้สึกหวั่นไหวกับวิชานี้ตอนที่อยู่ในขุมสมบัติเฉียนหยวนอยู่เล็กน้อย แต่ตอนนั้นเขาเลือกได้เพียงหนึ่งอย่าง ดังนั้นเขาจึงเลือกได้เพียงเพลงหมัดมหาทำลายล้างมาเท่านั้น เหนือสิ่งอื่นใด เมื่อเทียบกันแล้ว เขาชื่นชอบเพลงหมัดมหาทำลายล้างมากกว่า

“สหายเต๋าเฉินซี ท่านสนใจมันหรือไม่? แต่กระดาษหยกแผ่นนี้จำต้องมีโอสถกลั่นแรกเริ่มอย่างน้อยห้าแสนเม็ด” ย่าชิงกล่าว

‘แพงเกินไป’ เฉินซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหัว ความสนใจที่มีต่อมันพลันมลายไป

แน่นอนว่าสถานการณ์ย่อมเป็นไปอย่างที่ย่าชิงว่า

“หนึ่งแสนหนึ่งพัน!” ในที่สุดก็มีคนไม่อาจหักห้ามใจไหว ตะโกนเสียงดังเผยความทะนง เสียงนั้นดังมาจากห้องรับรองพิเศษ แม้จะไม่เห็นว่าเป็นใคร เฉินซีก็แยกออกทันทีว่าเป็นนายน้อยรองตระกูลซือคงจากเมื่อสามวันก่อน ซือคงฮวา

ไม่คิดเลยว่าสหายผู้เย่อหยิ่งจองหองผู้นั้นจะมีเงินทองมากมายเช่นนี้ เขาตะโกนว่าโอสถกลั่นแรกเริ่มหนึ่งแสนหนึ่งพันเม็ดออกมาง่าย ๆ เห็นได้ชัดว่าเขามีทรัพย์สมบัติมหาศาลที่คอยหนุนหลังอยู่

“หนึ่งแสนห้าพัน!” เสียงเย็นดั่งเหล็กดังออกมาจากห้องรับรองพิเศษข้าง ๆ ซึ่งเผยให้เห็นแววอวดดีอยู่เล็กน้อย

“นี่คือศิษย์อีกคนหนึ่งของนิกายสวรรค์ปฐพี ซูเจี้ยนคง เขาเป็นยอดฝีมืออัจฉริยะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางเช่นเดียวกัน นิกายสวรรค์ปฐพีเริ่มสนับสนุนเขาในช่วงที่หลินโม่เซวียนเสียอำนาจและอิทธิพลไป คาดว่าเขาคงอยากกำหนดแพ้ชนะระหว่างเขากับหลินโม่เซวียนในการชุมนุมดาวรุ่ง จึงเห็นได้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ค่อยปรองดองกันสักเท่าไร” ขณะพูด ย่าชิงก็ยื่นมือออกมาสร้างผนึกหลายชิ้น จากนั้นเงาร่างหนึ่งก็สะท้อนออกมาจากพื้นที่ด้านหน้านาง ร่างนั้นสวมเสื้อผ้าขาวราวหิมะ สีหน้าของเขาเย็นชา แต่ก็เผยให้เห็นถึงความหล่อเหลา ร่างกายให้ความรู้สึกไม่อาจหยั่งรู้ได้จาง ๆ

“ไม่ธรรมดาจริง ๆ” เฉินซีเหลือบมอง ก่อนจะเบนสายตาออกไป แต่ก็อดร้องชื่นชมวิชาของย่าชิงในหัวใจไม่ได้ เขาจำไม่ผิด น่าจะเป็นวิชามายาประเภทหนึ่ง วิชาวารีมายา ซึ่งสามารถใช้ปราณแท้กลั่นหลายสิ่งอย่างได้

“หนึ่งแสนหนึ่งหมื่น!”

“หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นห้าพัน!”

“ห้าแสน!”

ทันทีที่ซูเจี้ยนคงเสนอราคา ก็มีเสียงเสนอราคาดังก้องออกมาอีกหลายเสียง ราคาพุ่งขึ้นต่อเนื่อง ทำให้บรรยากาศพลันเร่าร้อนขึ้นอย่างมาก

“ห้าแสนห้าหมื่น!” ไม่ทันไร ซูเจี้ยนคงก็เสนอราคาที่ทุกคนในที่นี้จำต้องตกตะลึงออกมาอย่างไม่ลังเล! ราคาเช่นนี้เพียงพอจะซื้อสมบัติวิเศษระดับสวรรค์ได้ทีเดียว!

ทุกคนพลันตกอยู่ในความเงียบ

และเคล็ดวิชาราชสีห์หิมะคำรามก็เป็นซูเจี้ยนคงที่ได้ไป

เพล้ง!

ในห้องรับรองพิเศษ หลินโม่เซวียนที่สวมชุดสีดำเขวี้ยงแก้วสุราในมือแตก ใบหน้าหล่อเหลาของเขาบิดเบี้ยวจนขึ้นสี “ไอ้บัดซบ! ซูเจี้ยนคง! เจ้าคิดจะยั่วยุข้าเพราะสถานการณ์ปัจจุบันของข้างั้นหรือ?”

ถึงเคล็ดวิชาราชสีห์หิมะคำรามจะถูกขายให้ตัวตนยิ่งใหญ่อีกคนหนึ่งไป แต่หลินโม่เซวียนยอมให้มันถูกขายไปในราคาต่ำกว่านี้ยังดีกว่าให้คู่แข่งอย่างซูเจี้ยนคงได้ไป

วิชานี้เกี่ยวพันถึงสถานะของเขาในนิกายสวรรค์ปฐพี เขายากจนถึงขนาดต้องนำวิชากระบวนยุทธ์ระดับเต๋ามาจำนำ ทว่าซูเจี้ยนคงกลับใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย กระทั่งจงใจซื้อของที่เคยเป็นของเขา นี่มันตบหน้ากันตรง ๆ เลยไม่ใช่หรือ?

“บัดซบ! เฉินซี ซูเจี้ยนคง พวกเจ้าสมควรตายนัก! หากไม่ใช่เพราะพวกเจ้า มีหรือข้าจะตกต่ำเช่นนี้ได้? คอยดูเถอะ! ข้าจะฆ่าพวกเจ้าทั้งคู่ทิ้งในการชุมนุมดาวรุ่ง!!” นัยน์ตาของหลินโม่เซวียนเย็นยะเยือก ขณะที่คำรามเสียงดังดั่งสัตว์ร้ายออกมา

เฉินซีไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย ในใจกำลังรู้สึกขบขันด้วยซ้ำ ทั้งสองคนเป็นศิษย์ของนิกายสวรรค์ปฐพี ทว่าคนหนึ่งสูญเสียอำนาจและอิทธิพล ในขณะที่อีกคนหนึ่งได้รับความโปรดปราน ทั้งสองกลับมาแข่งกันประมูลของเสียได้ ยิ่งทำให้เห็นว่าทั้งสองเป็นปฏิปักษ์ต่อกันมากเพียงไร

สินค้าหลักในการเปิดงานประมูลอย่างวิชากระบวนยุทธ์ระดับเต๋าเคล็ดวิชาราชสีห์หิมะคำรามได้ถูกขายออกไปแล้ว สมบัติชิ้นต่อมาคือน้ำเต้าสีม่วงแซมทองขนาดใหญ่สามชิ้นที่บรรจุวารีศักดิ์สิทธิ์ชำระไอมารไว้ภายใน

น้ำนี้สามารถชำระเส้นลมปราณและกลั่นกายาได้ ทำให้พละกำลังในร่างเกิดการเปลี่ยนแปลง มันจึงมีผลต่อผู้บ่มเพาะกายาอย่างเหลือเชื่อ

แม้จะมีประโยชน์สูงมาก แต่ผู้ขัดเกลากายาในหมู่ผู้บ่มเพาะ ณ ที่นี้ก็มีอยู่น้อยมาก น้อยกว่าสามในสิบส่วนของคนทั้งหมดเสียอีก ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาส่วนใหญ่ก็มีพลังบ่มเพาะต่ำกว่าขอบเขตแกนทองคำหยินหยาง และมีเพียงไม่กี่คนที่บรรลุขอบเขตแกนทองคำหยินหยางในการขัดเกลาร่าง

ดังนั้นหลังจากทุกคนได้เห็นการเสนอราคาที่ยังไม่นับว่าดุเดือดมากแล้วไปคราหนึ่ง น้ำเต้าวารีศักดิ์สิทธิ์ชำระไอมารทั้งสามชิ้นจึงเป็นเฉินซีซื้อไปในราคาโอสถกลั่นแรกเริ่มเก้าหมื่นเม็ด

‘สมบัติดียิ่ง ไม่แน่ว่ามันอาจเป็นประโยชน์ต่อการบ่มเพาะร่างของข้าเพื่อให้ก้าวหน้าไปสู่ขอบเขตแกนทองคำหยินหยางก็เป็นได้’ หลังจ่ายโอสถกลั่นแรกเริ่มเก้าหมื่นเม็ดไป เฉินซีก็รีบตรวจสอบมันทันทีที่ได้รับมา และพบว่ามันมีพลังอยู่มหาศาลมาก ในใจจึงยินดีเป็นอย่างยิ่ง

เดิมทีเขามาเพื่อโอสถกำจายล้ำ เพื่อให้การขัดเกลาร่างกายก้าวหน้าสู่ขอบเขตแกนทองคำหยินหยางได้อย่างราบรื่น แต่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตนเองจะสามารถซื้อวารีศักดิ์สิทธิ์ชำระไอมารที่มีผลประโยชน์ต่อการขัดเกลากายาอย่างสูงส่งมาได้เช่นนี้

ไม่แน่ว่านี่อาจนับเป็นเรื่องบังเอิญที่น่ายินดีอย่างคาดไม่ถึงกระมัง

“นายท่าน รีบดูเร็วเข้าขอรับ! กระบองหนามที่กำลังประมูลกันอยู่ด้านล่างคือสมบัติวิเศษระดับปฐพีขั้นสุดยอด!” มู่ขุยพลันร้องขึ้น กลายเป็นว่าเริ่มประมูลสมบัติชิ้นที่สามกันแล้ว

มันเป็นสมบัติวิเศษสีดำที่มีความยาวเจ็ดฉื่อ บนผิวมีหนามแหลมคมนับไม่ถ้วน รูปร่างของมันเรียบง่ายและหยาบไปสักหน่อย แต่ก็เต็มไปด้วยลมปราณดุดันโหดเหี้ยม เพียงแค่มองจากระยะไกลก็ทำเอารู้สึกหนังศีรษะชา พวกเขาไม่กล้าจินตนาการเลยว่าพลังทำลายล้างอันสะพรึงกลัวจะเป็นเช่นไรหากใช้ออกมาเต็มกำลัง

เฉินซีชะงักไปเมื่อเห็นร่องรอยความโหยหาพาดผ่านแววตาของมู่ขุย เขาจึงยิ้มตบไหล่อีกฝ่ายแล้วถามว่า “อยากได้สมบัติวิเศษกระบองหนามเป็นอาวุธหรือ?”

มู่ขุยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังพยักหน้าแรง ๆ ให้

“เอาล่ะ ข้าจะซื้อใหเจ้าเอง” เฉินซีเอ่ยขึ้น มู่ขุยติดตามเขาด้วยความจงรักภักดีมาตลอด ความเคารพอย่างจริงใจที่มู่ขุยมีให้ทำให้เขาซาบซึ้งใจมาก ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงสมบัติวิเศษระดับปฐพีขั้นสุดยอด หากมู่ขุยอยากได้ที่ดีกว่านี้ เขาย่อมเต็มใจซื้อหามาให้

“สมบัติวิเศษกระบองหนามนี้มีคุณภาพอยู่ที่ระดับปฐพีขั้นสุดยอด มันเป็นสมบัติจากนิกายที่ถูกทำลายไปเมื่อสามพันปีก่อนอย่างนิกายป้ายเหล็ก สมบัตินี้สร้างขึ้นจากเหล็กโกลาหลเก้าสวรรค์ที่หนักกว่าร้อยจิน มันสามารถแยกขุนเขาปฐพีได้ มีพลังทำลายล้างสูง มันเป็นศัสตราดุร้ายที่ขึ้นชื่อเมื่อหลายปีก่อน ราคาประมูลเริ่มต้นคือโอสถกลั่นแรกเริ่มห้าหมื่นเม็ด และประมูลเพิ่มขึ้นขั้นต่ำคือหนึ่งพันเม็ด” หลังจากแนะนำสมบัติวิเศษเสร็จ เขาก็บอกราคาประมูลทันที

ทุกคนลอบพยักหน้าเมื่อได้ยินราคานี้ ด้วยรู้ว่าตู้เฟยอวี่ไม่ได้พูดไปอย่างนั้น แม้ว่าสมบัติชิ้นนี้จะเป็นอาวุธชนิดหนึ่งที่ไม่ได้มีใครอยากได้มากมาย ทว่าด้วยความดุดัน และหากได้อยู่ในมือผู้บ่มเพาะที่ใช้วิชาบ่มเพาะดุดัน ย่อมสามารถทำให้ผู้ถือกลายเป็นพยัคฆ์ติดปีกได้แน่

มู่ขุยอยากได้มัน เฉินซีจึงไม่รั้งรอ และเสนอราคาไปทันที “หกหมื่น!”

ทันทีที่เสนอราคาออกไปก็เกิดเสียงโห่ร้องขึ้นทันที การเสนอเพิ่มโอสถกลั่นแรกเริ่มไปถึงหนึ่งหมื่นเม็ดย่อมเป็นเรื่องน่าตกตะลึง อย่างไรโอสถกลั่นแรกเริ่มก็ไม่ใช่ลูกอม ถึงอยากได้ก็ไม่ใช่ว่าใครจะหากันได้ ผู้บ่มเพาะบางคนชั่วชีวิตอาจยังมีมันไม่ถึงหนึ่งหมื่นเม็ดด้วยซ้ำ

การกระทำของเฉินซีอาจกล่าวได้ว่าเป็นการแสดงความร่ำรวยให้คนอื่นกลัว

“หกหมื่นหนึ่งพัน!” หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ก็มีเสียงเสนอราคาดังขึ้นจากอีกด้านหนึ่งของห้องรับรองพิเศษ

“หกหมื่นห้าพัน!”

“หกหมื่นแปดพัน!”

พริบตาเดียว จำนวนคนเสนอราคาก็เพิ่มสูงขึ้น สุดท้ายแล้วสมบัติระดับปฐพีขั้นสุดยอดก็ยังหาซื้อในตลาดได้ยากอยู่ดี มันเป็นสมบัติประเภทที่มีราคาแต่ไม่มีของ ซึ่งพบเห็นได้ในงานประมูลพิเศษเป็นบางครั้งเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่มีใครอยากปล่อยโอกาสนี้หลุดมือไป

“หนึ่งแสน!” เฉินซีเสนอราคาไปอีกครั้งโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย

เช่นนี้แล้ว ทุกคนจึงรู้ว่าอย่างไรเฉินซีก็จะซื้อมันให้ได้ ดังนั้นแข่งกับเขาไปก็คงไร้ประโยชน์ ผู้คนจึงพากันเลิกเสนอราคาแข่งไปโดยไม่เต็มใจ

“มีคนที่ต้องการประมูลอีกหรือไม่? หากไม่มีอีกแล้ว ของชิ้นนี้จะถูกขายให้กับสหายนักพรตเต๋าในห้องรับรองพิเศษ” ตู้เฟยอวี่ถามเสียงเบา

“หนึ่งแสนหนึ่งหมื่น!” ทว่าเมื่อทุกคนคิดว่ามันคงจะขายออกแล้ว น้ำเสียงขรึมดูแตกพร่าก็ดังขึ้นอย่างไม่รีบร้อน เหมือนลมเย็นพัดผ่าน ทำเอาสะท้านไปถึงทรวงใน

“เช่นนี้ต้องยุ่งยากแน่ คนผู้นี้คือนายน้อยใหญ่แห่งตระกูลซือคง ซือคงเหิน รับมือยากนัก หากต้องตาเขาแล้ว ก็ไม่อาจรอดพ้นมือเขาไปได้” ย่าชิงที่อยู่ใกล้ ๆ ขมวดคิ้ว

ซือคงเหินหรือ?

เฉินซีชะงัก จำได้ทันทีว่าตอนอยู่ในเทือกเขาหมื่นพิษ คนผู้นี้ชิงเอาปทุมโลหิตหยกนิลไปต่อหน้าต่อตาเขา กระทั่งใช้วิชาบ่มเพาะพิษทำให้ฉินอวี้เหว่ยได้รับบาดเจ็บ

‘ฮึ่ม! คิดจะต่อต้านข้าทุกเรื่องเลยอย่างนั้นหรือ? ถึงจะไม่ตั้งใจ แต่ก็อภัยให้ไม่ได้!’ ในใจเฉินซีรู้สึกโกรธนัก แต่สีหน้ากลับเรียบเฉยถึงขีดสุด ขณะที่เสนอราคาออกไปอีกครั้ง “หนึ่งแสนสองหมื่น!”