ตอนที่ 1714 อวิ๋นเซียวจอมวางแผน (4)
ผู้ฝึกฌานขั้นกึ่งเทพ…
เมื่อเจ้าเมืองได้ยินอย่างนั้นก็อ้าปากค้าง “ข้าจำได้ว่าแผ่นดินของเราไม่มียอดฝีมือขั้นกึ่งเทพไม่ใช่หรือ เมื่อหนึ่งร้อยปีก่อนเคยมี ข้าอยากจะไปถึงขั้นนั้นมาตลอดแต่ก็ทำไม่ได้”
“เผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์มีผู้อาวุโสสามคนที่เป็นผู้ฝึกฌานขั้นจักรพรรดิปราชญ์ระดับสูงตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อน หัวหน้าเผ่าในตำนานต้องแข็งแกร่งกว่านั้นแน่!”
ใช่แล้ว ผู้อาวุโสทั้งสามของเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้ฝึกฌานขั้นจักรพรรดิปราชญ์ระดับสูง แน่นอนว่าผู้นำของพวกเขาก็ไม่ทางอ่อนแอไปกว่าตัวพวกเขาแน่นอน!
“ถ้านางยังมีชีวิตอยู่ ข้าคิดว่านางต้องเป็นผู้ฝึกฌานขั้นกึ่งเทพแน่นอน แต่นางหายตัวไปมากกว่าสิบปีแล้ว…” เจ้าเมืองส่ายหน้าและพูดขึ้น
“ท่านพ่อ ถึงแม้ว่านางจะหายตัวไปแต่ผู้อาวุโสทั้งสามยังอยู่นะขอรับ พวกเขาเก็บตัวฝึกพลังฌานมานานกว่าสิบปีและไม่แน่ตอนนี้พวกเขาอาจจะผ่านด่านเลื่อนขั้นแล้วก็ได้”
ความจริงแล้วเมืองทุกเมืองต่างหวาดกลัวเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์กันทั้งนั้นแต่ไม่ใช่เพราะผู้อาวุโสทั้งสาม แต่เป็นเพราะหัวหน้าเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ในตำนานต่างหาก หลายคนเดาว่านางน่าจะเป็นผู้ฝึกฌานขั้นกึ่งเทพแล้วแต่ก็ไม่มีใครพิสูจน์ได้…
ถึงแม้ว่าตอนนี้นางจะหายตัวไปแต่ก็ไม่ใครกล้าปฏิบัติกับเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ด้วยความไม่เคารพ
“ท่านพ่อ…” ประกายสังหารพาดผ่านใบหน้าของหลิงซวง “อวิ๋นลั่วเฟิงสังหารท่านพี่และทำให้ข้าพิการ ความเกลียดชังนี้ไม่มีทางขจัดออกไปได้ถึงแม้ว่าข้าจะสังหารนาง! มีแต่ต้องทำให้ลงมือกับคนรอบตัวนางเพื่อให้นางเจ็บปวด”
เจ้าเมืองคลายคิ้วที่ขมวดคิ้วอยู่ “เจ้าอยากจะทำอะไรล่ะ”
หลิงซวงยิ้มเยาะ “อย่างที่ท่านทราบว่า ข้ามีปัญหากับนางเพราะหวงอิงอิง ข้าไม่รู้ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงมีความแค้นกับเมืองอุดรและหวงอิงอิงก็เป็นบ่าวรับใช้ของนาง ดังนั้นข้าจึงขัดแย้งกับนาง! ในเมื่อนางให้ความสำคัญกับหวงอิงอิงมากนัก ข้าก็ต้องเอาตัวนางมาให้ได้!”
“ซวงเอ๋อร์!” ใบหน้าของเจ้าเมืองเปลี่ยนไปอย่างมาก “ถึงแม้ว่าเจ้าจะถูกอวิ๋นลั่วเฟิงทำให้พิการแต่เจ้าก็ยังเป็นบุตรชายและผู้สืบทอดคนเดียวของข้า ข้าจะหาแพทย์มีชื่อเสียงมารักษาเจ้าให้ได้! เจ้าห้ามแต่งงานกับหวงอิงอิง นางไม่เหมาะสมกับเจ้า!”
“ท่านพ่อ อย่าเข้าใจข้าผิด! ข้าไม่ได้อยากแต่งงานกับนาง ข้าแค่ต้องการจะเอาตัวนางมาเป็นนางบำเรอ! ไม่สิ! นางไม่มีค่าพอจะเป็นนางบำเรอ! ข้าแค่ไปเล่นกับนางบ้างบางครั้งก็พอ!”
เจ้าเมืองได้ยินอย่างนั้นก็โล่งอกแต่เขาก็คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นก็อย่าปล่อยตัวหวงอิงอิงไป อวิ๋นลั่วเฟิงให้ความสำคัญกับนางมาก เจ้าควรใช้หวงอิงอิงมาขู่อวิ๋นลั่วเฟิง”
หลิงซวงส่งยิ้มให้บิดาด้วยดวงตาเย็นชา
หวงอิงอิง เจ้าทอดทิ้งข้าตอนที่ข้าดีกับเจ้า ตอนนี้ก็อย่างหวังว่าจะเป็นเหมือนเมื่อก่อนอีกเลย ข้าจะไม่ดูแลเจ้าอย่างอ่อนโยนอีกต่อไปแล้ว
ความรู้สึกเดียวที่ข้ามีให้เจ้าตอนนี้คือความเกลียดชัง!
“ซวงเอ๋อร์ เจ้าไปพักเถอะ ข้าจะส่งคนไปตามหาหวงอิงอิงเอง”
“ขอรับท่านพ่อ” หลิงซวงทำเคารพแล้วเดินจากไป
เมื่อเจ้าเมืองเห็นร่างของบุตรชายหายไปแล้ว เขาก็ขมวดคิ้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีบุตรชายแค่สองคนและคนหนึ่งก็ตายไปแล้ว เขาก็คงทิ้งไอ้ขยะนี้ไปแล้ว! โชคร้ายที่ขยะผู้นี้เป็นบุตรชายคนเดียวของเขาดังนั้นเขาจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาชายผู้นี้ให้หาย!
“อวิ๋นลั่วเฟิง ถึงแม้ว่าเจ้าจะมีคนมากมายช่วยเหลือแล้วอย่างไร ข้ามีเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์คอยหนุนหลัง แล้วข้ากลัวเจ้าไปทำไม เด็กน้อย” เมื่อเจ้าเมืองคิดถึงเรื่องในอดีต เขาก็กัดฟันแน่น “ใครก็ตามที่ช่วยเจ้าก็ต้องตาย!
ในเมื่อพวกเขาขัดแย้งกับเมืองบูรพาเพราะหงหลวน พวกเขาจึงถูกกำหนดให้เป็นศัตรูที่ต้องสู้กันจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะพินาศ!
…………………………………..
ตอนที่ 1715 ผู้ฝึกฌานขั้นจักรพรรดิปราชญ์ระดับสูง (5)
นครจวิน เมืองบูรพา
จวินเฟิ่งหลิงเลิกคิ้วแล้วกวาดสายตามองกลุ่มคนที่ล้อมนางกับเยี่ยจิ่งเฉินเอาไว้ ดวงตาหงษ์งดงามของนางเป็นประกายเย็นชา
“คุณชายเยี่ย แม่นางเยี่ย ท่านคงไม่คิดมากที่จะเยี่ยมตระกูลเว่ยของพวกเราใช่หรือไม่ขอรับ”
ชายวัยกลางคนที่เป็นผู้นำของคนกลุ่มนี้เดินเข้ามาหาพวกเขาด้วยรอยยิ้มแต่เป็นรอยยิ้มที่แสนเสแสร้งดวงตาเล็กๆ ของเขาฉายแววเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ
จวินเฟิ่งหลิงและเยี่ยจิ่งเฉินสบตากันแล้วยิ้มเยาะ “เสียใจด้วย แต่พวกเรามาที่นครจวินเพื่อตามหาคน ข้าเกรงว่า ข้าจะไม่มีเวลา”
วันนั้นที่นางและเยี่ยจิ่งเฉินเข้าไปที่ภูผาสุสานเทพเพื่อตามหาอวิ๋นลั่วเฟิงและเดินทางร่วมกับชายชราคนหนึ่งที่พวกเขาพบในภูผาสุสานเทพ แต่เดินไปได้แค่ครึ่งทางพวกเขาก็เผชิญกับอันตรายและถูกแยกกับชายชราคนนั้น พวกเขาบาดเจ็บสาหัสมากแต่โชคดีที่มีใครบางคนช่วยเหลือเอาไว้และพาตัวทั้งคู่ออกมาจากภูผาสุสานเทพ
พวกเขาต้องการจะเข้าไปที่ภูผาสุสานเทพอีกครั้ง ทว่าทั้งคู่ก็ได้ข่าวว่าอวิ๋นลั่วเฟิงออกมาจากที่นั่นอย่างปลอดภัยแล้วและตอนนี้นางก็อยู่ที่นครจวิน! นางและเยี่ยจิ่งเฉินจึงรีบเดินทางมาที่ตระกูลจวิน ส่วนกลุ่มคนที่ยืนขวางทางพวกนางอยู่นั่น ก่อนหน้านี้พวกนางพึ่งมีปัญหากับพวกเขามา
“แม่นางเยี่ย อย่ารีบตอบปฏิเสธเลยขอรับ” ชายวัยกลางคนยิ้ม “ในเมื่อท่านเป็นคนแปลกหน้าที่นี่ การอยู่ที่แคว้นเจ็ดเมืองก็ต้องเจอกับรื่องยากลำบากมากมาย ถ้าท่านเข้าร่วมตระกูลเว่ยของพวกเราแล้วล่ะก็ พวกเราก็จะดูแลท่านเอง” พูดจบชายวัยกลางคนก็หยุด “ส่วนคนที่ท่านตามหานั่น ข้าจะส่งคนไปตามหานางให้เองขอรับ”
“แล้วถ้าข้าปฏิเสธล่ะ” จวิ่นเฟิ่งหลิงยิ้มแล้วถามอย่างเย็นชา
สีหน้าของชายวัยกลางคนดำทะมึนขึ้นที่ละน้อย “การที่เจ้าได้เข้าร่วมกับตระกูลเว่ยของพวกเราเป็นเรื่องดี เจ้าควรจะซาบซึ้ง! ถ้าคุณหนูไม่ได้ออกคำสั่งมาเจ้าคิดว่าตระกูลของพวกเราจะยอมรับคนอย่างเจ้าหรือ! อีกอย่างคนที่ควรจะตัดสินใจคือคุณชายเยี่ยว่าจะเข้าร่วมกับพวกเราหรือไม่ สตรีอย่างเจ้า ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจอะไรทั้งนั้น”
เยี่ยจิ่งเฉินสัมผัสได้ถึงความโกรธของจวินเฟิ่งหลิง เขาจึงกุมมือนางอย่างอ่อนโยนแล้วจ้องชายวัยกลางคนอย่างเย็นชา
“ภรรยาของข้าเป็นคนตัดสินทุกอย่างในตระกูลเยี่ยของพวกเรา นางเป็นตัวแทนของข้า”
“เจ้า…” ใบหน้าของชายวัยกลางคนเปลี่ยนเป็นสีม่วงและชี้หน้าเยี่ยจิ่งเฉินด้วยความโกรธ แต่ทันทีที่เขากำลังจะเข้ามาทำร้ายเขาก็มีเสียงหวานดังขึ้นมาจากด้านหลังของเขา
“ท่านลุงเว่ย ถอยออกมา ให้ข้าได้คุยกับพวกเขาเอง” เสียงหวานๆ ของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเรียกความสนใจของผู้คน ชุดกระโปรงสีชมพูสดใสบนตัวนางยิ่งทำให้นางเป็นที่ดึงดูดสายตา
“คุณหนู” ตระกูลเว่ยทุกคนทำความเคารพนางแล้วเรียกนางอย่างนอบน้อม
คุณหนูเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดในตระกูลเว่ย นางไม่ใช่แค่มีใบหน้างดงามแต่ยังมีพรสวรรค์ด้วย ทั่วทั้งนครจวินนี้ มีสตรีแค่สองคนจากตระกูลจวินเท่านั้นที่อยู่เหนือกว่านาง…
แน่นอนว่าถึงแม้จวินเฟิ่งหลิงจะงดงามกว่าคุณหนูตระกูลเว่ย แต่คนของตระกูลเว่ยไม่มีทางยอมรับ
“คุณชายเยี่ย” เว่ยหลิงเดินเข้ามาหาเยี่ยจิ่งเฉินพร้อมรอยยิ้ม ใบหน้าน่ารักของนางเปล่งประกายด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสา “ข้าชื่นชมท่านจริงๆ เช่นนั้นข้าจึงอยากให้ท่านเข้าร่วมตระกูลเว่ยของพวกเรา ส่วนภรรยาของท่าน ข้าสามารถอนุญาตให้นางเข้าร่วมได้เหมือนกัน ตราบใดที่ท่านพยักหน้าตกลง ข้าสามารถยกตระกูลเว่ยให้ท่านได้”
ถึงแม้ว่าตระกูลเว่ยจะมีลูกหลานมากมายจากตระกูลสายรอง แต่เว่ยหลิงเป็นบุตรคนเดียวของตระกูลสายหลักดังนั้นนางจึงเป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลเว่ย