ตอนที่ 225 ตัวตนที่แท้จริงของเขา

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

ตอนที่ 225 ตัวตนที่แท้จริงของเขา

หรือว่า…ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นคนที่ฉีเฉิงเฟิงกำลังจะแต่งงานด้วย?

ภายในหัวใจของซูหวานหว่านรู้สึกว่างเปล่า

ทันใดนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินผ่านมา ซูหวานหว่านจึงคว้าตัวของนางเอาไว้ แล้วถามออกมาว่า “ข้าขอถามเจ้าหน่อยเถิด ว่าคนที่อยู่ในร้านขายผ้านั้นเขาเป็นใครกัน?”

หญิงสาวคนนั้นมองเข้าไปในร้านขายผ้าแล้วก็ต้องตกใจ นางดึงซูหวานหว่านเดินไปหลบที่ประตูทันที และยืนอยู่ที่นั่นไม่กล้าที่สบตากับคนสองคนข้างในร้านและพูดออกมาว่า “คนที่อยู่ในร้าน เขาคือองค์ชายสามที่สตรีทุกนางในเมืองหลวงต่างหมายปอง องค์ชายสามเป็นองค์ชายที่ถ่อมตน นิสัยดี และมีรูปลักษณ์ที่สูงสง่าดั่งหยกมีค่า แม้แต่องค์ชายรองที่ดูทรงเกียรติมากที่สุดในเมืองหลวงก็เทียบองค์ชายสามไม่ติด!”

คิดไม่ถึงเลยว่าตัวตนที่แท้จริงของฉีเฉิงเฟิงจะเป็นองค์ชายสาม ไม่น่าแปลกใจที่เขามีสัญญาผูกมัดที่จะต้องแต่งงานกับสือเป้ยเอ๋อร์ ลูกสาวของอัครมหาเสนาบดี ถึงว่าทำไมสือเป้ยเอ๋อร์ถึงไม่ยอมปล่อยเขาไป! ทว่าในตอนนี้สือเป้ยเอ๋อร์ไม่ได้เป็นสาวบริสุทธิ์อีกต่อไป ดังนั้นจึงไม่คู่ควรกับฉีเฉิงเฟิง และผู้หญิงนี้ก็คงจะเหมือนกับตัวแทนคนถัดไปที่ต้องแต่ง… คล้ายกับสือเป้ยเอ๋อร์!

ซูหวานหว่านครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “แล้วผู้หญิงคนนั้นที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาเป็นใคร?”

“ผู้หญิงคนนั้น!” หญิงสาวคนนั้นขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นว่า “ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มีเบื้องหลังอะไรมาก แต่… ได้ยินข่าวลือมาว่าครอบครัวของนางนั้นรวยมาก! นางมีชื่อว่าเฉียวหน่วนอวี้ เป็นลูกสาวของพ่อค้าเกลือ! สร้อยที่ร้อยรอบเอวของนางน่าจะทำมาจากทองคำและเงินแท้ ข้างในเป็นหยกโม่ฉุยราคาแพง! ข้าได้ยินมาว่าเวลาที่นางพูดนั้นน้ำเสียงของนางช่างไพเราะอ่อนหวาน และรูปโฉมของนางเรียกได้ว่าคือความงามของแผ่นดิน!”

ในขณะที่หญิงผู้นั้นกำลังพูด นางก็มองไปที่ซูหวานหว่านพร้อมกับขมวดคิ้ว “ว่าก็ว่าเถิด สามัญชนคนธรรมดาแบบเราไม่สามารถนำไปเทียบได้! หากว่าเจ้าชอบองค์ชายสาม ควรล้มเลิกความคิดนี้ไปซะ! เจ้าไม่คู่ควรหรอก!”

“…”

ซูหวานหว่านเงียบไป หญิงคนนั้นยังคงจ้องมองไปที่ซูหวานหว่านและพึมพำออกมาว่า “เฉียวหน่วนอวี้เป็นคุณหนูใหญ่แห่งตระเฉียว เจ้าเทียบนางไม่ติดหรอก! นอกจากนี้ตระกูลเฉียวยังต้องการให้คุณหนูเฉียวหน่วนอวี้แต่งงานกับองค์ชายสาม ไม่ต้องพูดอะไรมากตระกูลเฉียวได้นำเงินหนึ่งแสนตำลึงมาช่วยรางวงศ์ซื้อธัญพืชข้าวสารเพื่อแจกจ่ายแก้ปัญหาน้ำท่วม และการพลัดถิ่นของผู้คนในเมืองหลวงนี้!”

“แน่นอน ข้าไม่ชอบองค์ชายสามหรอก” ซูหวานหว่านก็พยักหน้า

มีคนกล้าพูดออกมาด้วยว่าจะไม่ชอบองค์ชายสาม! หญิงสาวตกตะลึงจนอ้าปากค้าง นางมองไปที่ซูหวานหว่าน สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความสงสัย ไม่น่าเชื่อว่าเหตใดซูหวานหว่านถึงพูดแบบนี้ออกมาได้!

เข้าใจยากจริง ๆ!

หญิงสาวส่ายหัวและจ้องไปที่ซูหวานหว่าน “เจ้าควรสงบปากสงบคำของเจ้าซะ! เจ้าพูดถึงองค์ชายสามเช่นนี้ได้อย่างไร? หากข้ายังไม่ได้แต่งงาน ข้าก็อยากที่แต่งงานกับองค์ชายสาม ต่อให้เป็นนางสนมก็ยอม!”

ฉีเฉิงเฟิงไม่ได้เป็นผู้ชายที่แย่แบบนั้น นางจะตัดใจจากเขาได้อย่างไรกัน?

ซูหวานหว่านมองไปที่ผู้หญิงคนนั้น จากนั้นนางก็ค่อย ๆ ถอดหน้ากากออกครึ่งหนึ่งออก และเดินออกไปที่อื่นเพื่อไปซื้อชุดเสื้อผ้ามาใส่ แล้วเดินกลับมาเพื่อตามหาตัวของฉีเฉิงเฟิงแต่ก็ไม่พบเขาอยู่ที่นั่นแล้ว

แต่ว่าฉีเฉิงเฟิงเป็นคนที่สูงส่ง แน่นอนว่าในเมืองนี้ไม่มีผู้ใดไม่รู้จักเขา! การจะหาตัวเขามันไม่ใช่เรื่องยาก ซูหวานหว่านเดินเตร็ดเตร่ไปมาบนถนนเพียงครู่หนึ่ง แล้วนางก็พลันได้ยินเสียงคนตีฆ้องและพูดตะโกนเสียงดังออกมาว่า “โรงเตี๊ยมของข้าโชคดีมาก ด้วยเป็นเกียรติอย่างมากที่วันนี้องค์ชายสามมีความกรุณาเข้ามาพัก! ทุกคนอย่าหาว่าข้าไม่บอกพวกเจ้า นี่เป็นโอกาสที่ดีที่พวกเจ้าจะได้เห็นองค์ชายสามใกล้ ๆ! รีบเข้ามา! ราคาพักที่โรงเตี๊ยมของข้าเริ่มต้นแค่เพียงสิบตำลึงขึ้นไป เจ้าสามารถเข้าพักที่โรงเตี๊ยมของข้าได้แล้ว! อีกทั้งยังได้ใช้อากาศหายใจร่วมกับองค์ชายสามอีกด้วย! และยังสามารถมองเห็นใบหน้ารูปงามขององค์ชายสามใกล้ ๆ อีก! บางทีอาจจะได้ตื่นมาเจอองค์ชายสามรับประทานอาหารเช้าอีกด้วย!

“ว้าว!” เมื่อทุกคนได้ยินแบบนี้ก็พากันรีบมุ่งเข้ามาทันที เพราะนั่นคือองค์ชายสามเชียวนะ!

“มัวแต่มองมันจะไปได้ประโยชน์อะไร! รีบไปที่โรงเตี๊ยมเพื่อแย่งชิงเช่าห้อง และนอนพักสักคืนดีกว่า!” ทุกคนต่างไปที่โรงเตี๊ยมเพื่อแย่งชิงห้อง

ซูหวานหว่านเดินเข้าไปมุงดูด้วยความตั้งใจ ทันใดนั้นนางก็พบกับยุงที่บินอยู่ในอากาศ จึงใช่พลังวิเศษส่งมันบินเข้าไปเพื่อหาตำแหน่งที่แน่นอนของฉีเฉิงเฟิง แล้วนางก็เดินสำรวจรอบ ๆ ถนนทันที

กลางคืน ถนนในเมืองหลวงค่อนข้างมีผู้คนเดินอยู่บนตามท้องถนนน้อยกว่าตอนกลางวันมาก แต่บนถนนยังคงเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ขณะนั้นซูหวานหว่านกำลังเดินอยู่บนถนนอย่างไร้จุดหมาย แล้วจู่ ๆ ก็มีชายคนหนึ่งมาขวางทางนางเอาไว้

ผู้ชายคนนั้นมีผิวพรรณที่ดี ใบหน้าขาวใส คิ้วเรียงสวย ตาของเขางดงามมาก ใบหน้าอันหล่อเหลาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มนั้นเอ่ยขึ้นมาว่า “แม่นาง วันนี้พวกเราได้เจอกันแล้ว เจ้าจำข้าได้หรือไม่?”

นางเคยเจอเขาที่ไหนกัน! ซูหวานหว่านส่ายหัว “ไม่ทราบว่าคุณชายมีธุระอะไรกับข้าอย่างงั้นหรือ?”

ให้ตายสิ! ผู้หญิงคนนี้ไม่หวั่นไหวจากการกระทำของเขาเลยอย่างงั้นหรือ! ฉีเต๋อหลงผุดความคิดขึ้นมาด้วยความขี้เล่นและพูดว่า “แม่นาง ถ้าจะให้พูดกันตามตรง เจ้าและข้าเราเคยเจอกันมาก่อนแล้ว เพียงแค่ว่าเจ้านั้นจำข้าไม่ได้ก็เท่านั้น แต่ว่าข้ากลับจำเจ้าได้เป็นอย่างดี”

นี่…มันเหมือนการกระทำของชายเจ้าชู้ที่กำลังจะหลอกลวงหญิงสาวอย่างไรอย่างงั้น ซูหวานหว่านขมวดคิ้วและพูดออกมาอย่างไม่พอใจว่า “เจ้ากำลังหมายความว่าอย่างไร เจ้าคิดที่จะทำอะไรกันแน่?”

ถ้าดูจากรูปลักษณ์ของเขาแล้ว จะมีใครที่สามารถต้านทานรูปลักษณ์ของเขาได้กัน ฉีเต๋อหลงเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย หยิบเทียบออกมาแล้วพูดว่า “แม่นาง นี่เป็นเทียบเชิญของตระกูลเฉียว ฮูหยินของตระกูลเฉียว ลูกสาวของนางกำลังจะออกเรือนแต่งงาน แต่ว่าร่างกายของนางผอมเกินไป มีอาการไม่อยากอาหาร สามีของนางเลยประกาศรับสมัครจ้างคนที่มีความสามารถในด้านการทำอาหาร มาทำอาหารให้ฮูหยินของตนเองโดยมีค่าจ้างวันให้วันละหนึ่งพันตำลึง”

วันละหนึ่งพันตำลึง ร่ำรวยเกินไปแล้ว! เงินมากมายมหาศาล! แต่นางไม่ต้องการมัน!

ซูหวานหว่านกำลังจะเอ่ยปฏิเสธ แต่จู่ ๆ นางนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ นี่เป็นเทียบเชิญของตระกูลเฉียว และเฉียวหน่วนอวี้คุณหนูใหญ่ของสกุลเฉียวกำลังจะแต่งงาน และนาง… อาจจะได้เจอฉีเฉิงเฟิงที่วังก็ได้ โอกาสที่จะได้เข้าไปในวังได้มันยากมาก!

หัวใจของซูหวานหว่านพลันเต้นไม่เป็นจังหวะ นางต้องการยอมรับคำเชิญนี้และเข้าไปในบ้านตระกูลเฉียว ยืมมือของเฉียวหน่วนอวี้เพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับฉีเฉิงเฟิงอีกครั้ง เพื่อรวบรวมคะแนนทำภารกิจให้สำเร็จ เมื่อได้คะแนนที่เพียงพอแล้วจะจากไปมันก็ยังไม่สาย!

เมื่อคิดได้แบบนี้ ซูหวานหว่านตอบรับคำเชิญและกล่าวว่า “ตกลง ขอบคุณคุณชายท่านนี้มาก ไว้ข้าจะรับไปพิจารณาอีกที”

หลังจากได้รับเทียบเชิญมา ซูหวานหว่านก็หมุนตัวเดินจากไป ทิ้งฉีเต๋อหลงที่ยืนสับสนเอาไว้คนเดียว เรื่องนี้มันไม่ควรจะจบลงแค่นี้สิ นางไม่เพียงแต่ต้องขอบคุณเขาเท่านั้น ไม่ว่าอย่างไรนางก็ควรที่จะถามชื่อเขาด้วยถูกหรือไม่?

“เดี๋ยวก่อน แม่นาง!” ฉีเต๋อหลงรีบเดินตามนางไปทันที

ซูหวานหว่านหันหลังกลับไปมองเขาอย่างงง ๆ พร้อมกับถามขึ้นมาว่า “มีเรื่องอะไรอีกอย่างงั้นหรือ?”

ซูหวานหว่านดูเหมือนว่าจะไม่สนใจเขาเลย ฉีเต๋อหลงตกใจอีกครั้ง ชายหนุ่มมองไปที่ซูหวานหว่านแล้วพูดว่า “แม่นาง เจ้าก็รู้ว่าการหาเงินมันไม่ใช่เรื่องที่จะหากันได้มาง่าย ๆ เจ้าจะต้องผ่านการทดสอบของบ้านตระกูลเฉียวอีกเยอะ ข้าและสกุลเฉียวถือได้ว่ามีมิตรภาพที่ดีต่อกันอยู่ เจ้าต้องการให้ข้าช่วยพูดกับตระกูลเฉียวให้เจ้าผ่านเข้ารอบหรือไม่?”

หรือว่ากำลังจะให้นางใช้เส้นสายเข้าไป?

ซูหวานหว่านเลิกคิ้วขึ้นแล้วส่ายหน้าพร้อมกับพูดว่า “ไม่จำเป็น ขอบคุณคุณชายมากสำหรับความเมตตา ข้ามั่นใจในความสามารถของตัวเอง”

เมื่อพูดออกมาแบบนั้น ซูหวานหว่านก็เดินผ่านฉีเต๋อหลงไป แต่หลังจากที่นางได้เดินออกไปเพียงสองสามก้าว นางก็หันกลับมาแล้วพูดว่า “คุณชายมีแซ่และชื่อว่าอะไรหรือ? หากมีโอกาส ข้าจะต้องตอบแทนคุณชายอย่างแน่นอน”

ในที่สุดนางก็ถามออกมา! แต่สิ่งที่ซูหวานหว่านคิดอยู่ในใจของตัวเองนั้นคือชายคนนี้เป็นใครกัน เขาดูเหมือนเป็นผู้ชายเจ้าชู้ทำตัวเหมือนกับว่าตัวเองโสด ข้ารวยและโปรยเสน่ห์ใส่สตรีไปทั่วเหมือนกับนิสัยที่ผู้ชายแย่ ๆ ชอบทำ! เมื่อนางรู้แซ่รู้ตัวตนของเขา นางจะได้หลีกเลี่ยงไม่เจอเขาอีก

“ข้านั้น… มีแซ่ว่าซงและมีเพียงชื่อแค่พยางค์เดียวว่าจิน” ฉีเต๋อหลงบอกชื่อปลอมของตนไป และก็รอให้ซูหวานหว่านถามเขาเพิ่มเติม แต่นางกลับพยักหน้าและเดินจากไปทันที

ผู้หญิงคนนี้… ช่างรับมือยากจริง ๆ! ฉีเต๋อหลงขมวดคิ้วและพูดสองสามคำกับคนใช้ที่อยู่ข้าง ๆ

ซูหวานหว่านรู้สึกถึงความเยือกเย็นที่กระทบเข้ามาที่แผ่นหลังของนาง ราวกับว่ามีใครกำลังจ้องมองนางอยู่

ทว่าเมื่อคิดว่าการแข่งขันของตระกูลเฉียวจะเริ่มในพรุ่งนี้แล้ว คืนนี้… นางจะต้องหาตัวฉีเฉิงเฟิงเพื่อเพิ่มคะแนนก่อน!

ตอนนี้เป็นเวลาดึกดื่นมากแล้ว ซูหวานหว่านแอบเข้าไปในโรงเตี๊ยมอีกรอบ และใช้พลังวิเศษถามกับยุงว่าห้องพักผ่อนของฉีเฉิงเฟิงอยู่ห้องไหน นางยืนอยู่นอกประตูหน้าห้องพักผ่อนของฉีเฉิงเฟิง หญิงสาวหมายเปิดประตูเข้าไปแต่กลับได้ยินเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังออกมาจากในห้องพักแทน!