โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.291 – แท่นบูชาดอกบัวพิสุทธิ์

 

ใต้น้ำตกหัวมังกร ฉินเฟิงยืนหยัดเป็นเวลามากกว่า 10 ลมหายใจแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม เขายังมิได้จากไป

 

ตามร่างกายของฉินเฟิง ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีดำที่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า

 

พลังพิเศษดูดกลืนถูกเปิดใช้งานเต็มรูปแบบ

 

เช่นเดียวกับที่ฉินเฟิงเคยใช้พลังดูดกลืนกับเนื้อของสัตว์ร้าย เลือดมังกรสามารถช่วยให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้นได้เช่นกัน –มันถูกสูบเข้ามาเพื่อเสริมแกร่งให้แก่ร่างกายอย่างต่อเนื่อง

 

ตามร่างกายของฉินเฟิง บางจุดเริ่มเกิดฟองเลือดแห้งๆผุดขึ้น แต่มันก็ถูกชะล้างและตกลงไปในสระเลือดอย่างรวดเร็ว

 

ในเวลานั้นเอง ไป๋หลีพลันกระโดดลงจากไหล่เขา ทั้งตัวของมันเปล่งแสงสว่างสีเงิน ลงมือกระทำบางอย่างคล้ายตัดแยกพื้นที่มิติบริเวณนี้ออกไป

 

ต่อมา เธอก็ก้มหน้าลง ปากแตะลงกับผิวสระ เริ่มดื่มกินเลือดมังกร

 

เปรี๊ยะ!

 

กายเนื้อของฉินเฟิงเกิดเสียงสนั่นราวกับอะไรบางอย่างระเบิดออก กลิ่นอายที่ไม่สามารถปกปิดฟุ้งกระจายออกไป

 

ก้าวขึ้นสู่เลเวล E9 !

 

ในระหว่างการยกระดับ ยากนักที่จะสามารถปกปิดกลิ่นอายได้ มันแพร่กระจายออกไปไกล

 

ทุกคนต่างรับรู้ได้ถึงแรงกดดันนี้

 

ฝูงชนกลายเป็นเป็นตะลึงงัน!

 

“เลเวล E9 ? เป็นไปได้อย่างไรกัน!”

 

“นี่ไม่น่าจะผิดพลาดแล้ว คนๆนี้คงจะเป็น … ”

 

“บลัดฮันเตอร์! เขาต้องเป็นบลัดฮันเตอร์แน่นอน นักฆ่าที่กำลังไล่สังหารตระกูลซง!”

 

กลุ่มอัจฉริยะผู้ใช้วรยุทธโบราณรุ่นเยาว์ ในที่สุดก็สามารถยืนยันตัวตนของฉินเฟิง

 

วินาทีนั้น ในหัวใจของพวกเขาตระหนักได้ถึงการคุกคามอย่างร้ายแรง รับรู้ได้ว่าแผนช่วงชิงมรดกของพวกเขาถูกแทรกแซง ล้วนเศร้าโศกและสิ้นหวัง

 

แต่มีอยู่หนึ่งคนที่ต่างออกไป นั่นคือโจวฮ่าว

 

‘ไม่จริง … นี่ฉินเฟิงไปถึงเลเวล E9 แล้วอย่างงั้นหรอ’

 

โจวฮ่าวยากจะข่มใจให้สงบ แต่เขาไม่ทราบก็ไม่แปลก เพราะท้ายที่สุดแล้ว ความแข็งแกร่งของฉินเฟิงยังไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างชัดเจน โลโก้เลเวล E ของเขาเองก็เป็นรางวัลที่ได้รับมาจากฟูเฉิง

 

ปัจจุบัน หลังปลุกพลังได้ไม่กี่เดือน กลายเป็นว่าฉินเฟิงสามารถก้าวขึ้นสู่ช่วงปลายของเลเวล E ได้ซะแล้ว!

 

ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ

 

ขณะเดียวกัน ช่วงที่ฉินเฟิงยกระดับขึ้น น้ำตกเลือดมังกรที่พุ่งออกจากปากหัวมังกรก็ค่อยๆมีขนาดเล็กลง เดิมคล้ายกับลำธารหนากว่า 10 เมตร แต่ตอนนี้กลับเหลือแค่ 3 เมตรเท่านั้น

 

กลิ่นอายทรงอำนาจของเลือดมังกรเริ่มเหือดหาย เนื่องจากฉินเฟิงสูบมันอย่างต่อเนื่อง เลยเป็นธรรมดาที่น้ำตกเลือดมังกรจะมีขนาดเล็กลง

 

เหล่าอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่แต่เดิมถูกละอองเลือดมังกรกีดขวาง ก็เริ่มสามารถฟันฝ่าอุปสรรคเข้ามาได้

 

ไม่นานพวกเขาก็มาถึงขอบสระมังกร และพบว่าห่างออกไปไม่กี่สิบเมตร สระมังกรกำลังเหือดแห้ง ทั้งยังมีชายคนหนึ่งยืนหยัดอยู่บนก้อนหินกลางสระ

 

–เป็นฉินเฟิง!

 

และพวกเขายังเห็นอักขระที่สลักไว้บนขอบสระ : จงอาบเลือดมังกรเป็นเวลาสิบลมหายใจ แล้วเจ้าจะสามารถผ่านเข้าไปได้!

 

“เลือดมังกรเหลือไม่มากแล้ว ไม่รู้ว่าจะเพียงพอสำหรับทุกคนไหม”

 

“แต่พวกเราจะทำอะไรได้? บลัดฮันเตอร์มันแข็งแกร่งกว่า!”

 

“โอ้สวรรค์ เหตุใดจึงส่งคนที่แข็งแกร่งเช่นนี้มาช่วงชิงทรัพยากรกับพวกเราด้วย?”

 

เหล่าอัจฉริยะรุ่นเยาว์ ล้วนแสดงออกถึงความเจ็บแค้น แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยท้วงบลัดฮันเตอร์

 

ขณะที่ฉินเฟิงยังคงยืนอยู่ใจกลางสระเลือด น้ำตกเลือดถูกสูบกลืนเรื่อยๆ จนตอนนี้เหลือความหนาแค่ 2 เมตร

 

ฉินเฟิงอาบมันอย่างสุขสม ความแข็งแกร่งทางกายของเขาทะยานขึ้นไม่มีหยุดยั้ง

 

แต่พอได้ยินเสียงบ่นของเบื้องหลัง ฉินเฟิงก็อดเลิกคิ้วไม่ได้

 

ในที่แห่งนี้ ร่างกายของทุกคนล้วนอายุ16 – 20 ปี ส่วนฉินเฟิงมีอายุทางจิตล่วงเลยไปกว่า26 – 27 ปีแล้ว ตามครรลองคลองธรรม เขาในฐานะผู้ใหญ่สมควรเมตตาต่อพวกเด็กๆ

 

สิบปีต่อจากนี้ เหล่าอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่เข้ามาในสุสาน บางคนก็แข็งแกร่งกว่าฉินเฟิง บางคนก็อ่อนแอกว่าเขา

 

พอได้ลองคิดดูดีๆ ฉินเฟิงก็ตระหนักได้ว่าหากเป็นในกรณีเดียวกัน คนเหล่านี้จะย่อมแบ่งปันทรัพยากรให้แก่เขาหรือ?

 

ดังนั้นเมื่อตนได้รับโอกาสมาเกิดใหม่อีกครั้ง เลยเป็นธรรมดาที่ต้องต่อสู้ดิ้นรน

 

ในชีวิตก่อนเขายังไม่ได้รับโอกาสเลย แล้วมาคราวนี้ จะไม่ให้ใจแข็งเพื่อครอบครองมันเลยหรืออย่างไร?

 

เมื่อนึกถึงข้อนี้ ฉินเฟิงก็ยิ่งเร่งเร้าการสูบกลืน ทันใดนั้นกระแสเลือดมังกรลดทอนความหนาจนเหลือแค่ 1 เมตร

 

“โจวฮ่าว พอฉันออกไป นายก็เข้ามาแทรกแทนเลยนะ ระหว่างนั้นก็ให้เสี่ยวหวงคอยขัดขวางคนอื่นๆเอาไว้” ฉินเฟิงส่งเสียงผ่านกำลังภายใน

 

ว่าจบก็พลันเกิดเสียง วูซ! ฉินเฟิงหายตัวไปจากสระเลือดมังกร มุ่งหน้าสู่ส่วนลำตัวมังกร

 

เมื่อฉินเฟิงจากไป คนอื่นๆพลันได้สติทันที

 

โจวฮ่าวเป็นคนแรกที่ก้าวเข้าสู่บันไดหยกขาว

 

บางคนเริ่มร้องตะโกนออกมา

 

“ลงมาเดี๋ยวนี้!”

 

รุ่นเยาว์อายุราวๆ 18 ปีคำรามเกรี้ยวกราด ฉกมือเข้าหาโจวฮ่าว หมายจะกระชากฝ่ายตรงข้ามกลับมา

 

“เสี่ยวหวง จัดการมัน!”

 

โจวฮ่าวสาดสายตาไปทางวัยรุ่นอายุ 18 ปี ร่างของนางพญามดทองพุ่งเข้าชนอีกฝ่ายทันที

 

“สารเลว!”

 

วัยรุ่นคนนั้นไม่กล้าต่อกรกับสัตว์ร้ายราชันย์เลเวล F แม้เขาจะเป็นอัจฉริยะ แต่หากต้องรับมือกับราชันย์เพียงลำพัง ย่อมไม่อาจทำได้

 

โจวฮ่าวก้าวไปตามบันไดหยกขาว หยุดยืนบนก้อนหินใหญ่ เลือดมังกรตกกระทบลงบนร่างกายเขา

 

“อ๊ากกกก!” บังเกิดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดสุดแสน

 

โชคยังดีที่ก่อนหน้านี้ ฉินเฟิงได้ทำการสูบเลือดมังกรไปเป็นจำนวนมากแล้ว ปัจจุบันผลกระทบจากน้ำตกเลือดมังกรจึงไม่ร้ายแรงมากนัก โจวฮ่าวเลยสามารถหยั่งเท้ายืนหยัดเอาไว้ได้

 

ท่าทีและสีหน้าของเขาในปัจจุบัน แสดงออกถึงความเจ็บปวดยากจะทานทน แต่เนื่องจากมีนางพญามดทองคอยขัดขวาง เหล่ารุ่นเยาว์คนอื่นๆเลยไม่กล้าก้าวเข้ามา

 

กายมนุษย์ของโจวฮ่าวเริ่มเกิดการวิวัฒนาการอย่างรวดเร็ว

 

เนื่องจาก ก่อนหน้านี้ความแข็งแกร่งทางกายภาพของฉินเฟิงอยู่ในระดับราชันย์เลเวล E8 ดังนั้นแม้เขาจะดูดซับเลือดมังกรอย่างบ้าคลั่ง แต่การยกระดับก็ยังเป็นไปอย่างเชื่องช้า ขณะที่โจวฮ่าวเป็นเพียงเลเวล F6 กระบวนการจึงเป็นไปอย่างรวดเร็ว หากกล่าวในทางทฤษฏี เลือดมังกรสามารถช่วยยกระดับโจวฮ่าวให้มีร่างกายเทียบเท่ากับสัตว์ร้ายนายพลเลเวล F ได้เลยทีเดียว

 

แต่นั่นถือว่าเป็นขีดจำกัดแล้ว เพราะยังไงซะ โจวฮ่าวก็ไม่ได้ครอบครองพลังพิเศษกลืนกินเหมือนฉินเฟิง

 

ทนได้สิบลมหายใจ โจวฮ่าวก็รับรู้ได้ถึงร่างกายตน ที่แข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า

 

ตัวเขาในตอนนี้ มีพลังแทบจะเท่าเทียมกับนายพลสัตว์ร้าย –ต่อให้ต้องรับมือกับนายพลสัตว์ร้ายเลเวล F คนเดียวก็ยังไหว!

 

“ฮ่าๆๆ”

 

โจวฮ่าวหัวเราะร่า เขายังคงยืนอยู่ใต้น้ำตกเลือดมังกร ไม่ยินยอมออกไป

 

รุ่นเยาว์คนอื่นๆกัดฟัน ไม่อาจทำอะไรได้ แต่โชคยังดีที่แม้โจวฮ่าวจะยืนอยู่ตรงนั้นเป็นเวลานานแล้ว แต่เลือดมังกรดูจะไม่เหือดหายไปสักเท่าไหร่ เรื่องนี้ทำให้พวกเขารู้สึกโล่งใจขึ้นไม่น้อย

 

เอาเถอะ! ขอแค่ไม่ช่วงชิงกันอย่างโหดร้ายเหมือนบลัดฮันเตอร์ก็พอแล้ว!

 

เวลานี้ ฉินเฟิงที่ถูกผู้คนเกลียดชังจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน กำลังมุ่งหน้าลึกเข้ามา หลังจากผ่านทางเดินช่วงลำตัวมังกร เขาก็พบกับสวนลานกว้างอย่างกระทันหัน

 

ฟุดฟิด ..

 

ไป๋หลียกอุ้งเท้าขึ้นมากุมจมูกทันที เธอรู้สึกได้ถึงกลิ่นเหม็นบางอย่าง มันเหม็นจนแทบจะอยากกลั้นใจตาย

 

แต่ดวงตาของฉินเฟิงกลับทอประกายวาววับ

 

นั่นเพราะในสวนแห่งนี้ มีพืชพรรณเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่ปลูกอยู่ ทั้งยังเป็นดอกไม้วิญญาณ!

 

“ดอกบัวพิสุทธิ์!”

 

ดอกบัวพิสุทธิ์เป็นพืชที่แปลกประหลาดมาก มันมักจะเติบโตในตะกอนโคลนที่สกปรก แต่ตรงส่วนดอกกลับไม่แปดเปื้อน ทั้งยังมีสรรพคุณชนิดขัดต่อเจตจำนงสวรรค์ ราวกับเป็นพรประทานให้แก่เหล่าผู้ใช้วรยุทธโบราณ เป็นสิ่งที่ยากจะค้นพบ —มันสามารถช่วยชำระล้างกายมนุษย์ให้บริสุทธิ์ได้

 

เทพสงครามช่างคิดจริงๆ! เพราะสำหรับรุ่นเยาว์ที่เข้ามา แม้กายจะได้รับการวิวัฒนาการจากเลือดมังกร จนเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วก็จริง แต่อย่างไรย่อมหลงเหลือสิ่งสกปรกบางอย่างที่ไม่อาจขจัดจากกายมนุษย์ ทว่าตราบใดที่กินเมล็ดบัว มันจะช่วยชำระล้างไขกระดูก และส่งเสริมให้อำนาจของผู้ใช้วรยุทธโบราณทรงพลังมากขึ้น

 

แต่กระนั้น สำหรับมนุษย์ทั่วๆไป ดอกบัวพิสุทธิ์ก็ยังถือว่ามีประโยชน์มหาศาล ยกตัวอย่างเช่นคนที่ไม่สามารถกลายเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณได้ หลังจากรับประทานมัน ร่างกายจะถูกชำระล้าง ขจัดสิ่งสกปรก เส้นลมปราณที่ตีบตัน โดนปิดกั้นจะถูกเปิดออกทันที ส่งผลให้คนผู้นั้นกลายเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณ

 

อธิบายเพียงเท่านี้คงพอจะจินตนาการต่อได้กระมัง ว่าสำหรับคนร่ำรวยและมีอำนาจแล้ว ดอกบัวพิสุทธิ์เหล่านี้มีค่ามากมายเพียงใด

 

ตรงหน้าสวน ปรากฏเสาหินปักอยู่อีกครั้ง สลักเงื่อนไขเอาไว้

 

“เมล็ดจากดอกบัวพิสุทธิ์ สามารถได้รับมันโดยการใช้ลูกปัดหยกโจมตีเท่านั้น หนึ่งคนต่อหนึ่งครั้ง อย่าโลภจนเกินไป”

 

นี่ฟังดูเหมือนง่าย แต่อันที่จริงมันยากมาก

 

เพราะสำหรับสมุนไพรวิญญาณหรือดอกไม้วิญญาณ มิใช่ทั้งหมดจะสามารถเก็บเกี่ยวได้อย่างปลอดภัย

 

อย่างเช่นดอกหญ้าทมิฬก็สามารถโจมตีตอบโต้มนุษย์ได้ ดังนั้นดอกบัวพิสุทธิ์เองย่อมไม่ง่ายดายที่จะเก็บเกี่ยวมัน