บทที่ 276 แย่งไข่มุกอุ่นจิต
ซีด…

ทั้งงานล้วนเป็นเสียงสูดลมเย็น

ไข่มุกอุ่นจิต เป็นไข่มุกอุ่นจิตแน่ะ…

ของล้ำค่าเช่นนี้ หรือไม่ควรเก็บไว้ตอนท้ายๆ? เหตุใดชิ้นที่สองก็ประมูลแล้ว?

ฝูงชนฮือฮากันขึ้นมา

กู้ชูหยุนเอ่ย “ท่านพ่อ โลกนี้มีไข่มุกอุ่นจิตเพียงสองเม็ดเท่านั้น ของล้ำค่าเช่นนี้ไม่ว่าต้องใช้เงินเท่าไรก็ต้องเอามานะ”

หัวใจกู้เฉิงเซี่ยงเต้นตุบตับๆ มองไข่มุกอุ่นจิตด้วยตาเป็นประกาย ความละโมบไม่อาจกลบ

ไข่มุกอุ่นจิตเป็นสมบัติล้ำค่าในแผ่นดิน ใครไม่อยากประมูลเล่า?

ลมหายใจอ๋องเจ๋อกับองค์หญิงตังตังกระชั้นขั้นมาหลายจังหวะ ต่างรู้สึกยินดีที่เมื่อครู่ไม่ได้ชิงหญ้าจื่อเยียนกับกู้ชูหน่วน ไข่มุกอุ่นจิตดีกว่าหญ้าจื่อเยียนมาก

เสี่ยวลวี่ตัวสั่นกล่าว “องค์หญิง นั่นเป็นไข่มุกอุ่นจิตจริงหรือเพคะ?”

“นั่นยังต้องพูดอีกหรือ? ที่จัดประมูลเฟิงเซียงเป็นสถานที่เช่นไร? พวกเขาขายของปลอมได้หรือ?”

“เช่นนั้นเราจะประมูลไหมเพคะ?”

“แน่อยู่แล้ว มีไข่มุกอุ่นจิต ก็เท่ากับมียันต์คุ้มกายที่ฟื้นชีพจากความตายได้ อะไรก็ไม่เอาได้ แต่ไข่มุกอุ่นจิตต้องประมูลมาให้ได้!”

“องค์หญิง แต่เงินที่เรานำมา ทั้งหมดยังไม่ถึงสามล้านตำลึงเลยนะเพคะ อีกอย่างก่อนหน้านี้เราก็เสียให้พระชายาหานมาก เหลือเงินไม่เท่าไรแล้ว”

“ไม่มีเงินก็ต้องยืม เจ้ารีบให้คนม้าเร็วลงแส้กลับไป ให้เสด็จแม่รวบรวมเงิน เสด็จแม่ประสงค์ไข่มุกอุ่นจิตมากกว่าผู้ใด ทรงรวบรวมเงินได้แน่”

เสี่ยวลวี่ยังอยากพูด ไทเฮาก็ไม่มีเงินเท่าไรแล้ว เพราะเงินของไทเฮา ส่วนมากก็ถูกพระชายาหานหลอกไปแล้วเหมือนกัน

แต่การประมูลจะเริ่มขึ้นแล้ว องค์หญิงตังตังก็เร่งเร้า นางจึงได้แต่รีบกำชับคนรับใช้ให้ไปปฏิบัติตาม

“สี่ล้านห้าแสนตำลึง”

“ห้าล้านตำลึง”

“ห้าล้านสองแสนตำลึง”

“ห้าล้านแปดแสนตำลึง”

“หกล้านตำลึง”

ครั้นไข่มุกอุ่นจิตออกมา ทั้งงานก็คึกคัก คนจำนวนไม่น้อยต่างชิงให้ราคา

ในห้องส่วนตัวของอ๋องเจ๋อ

เสี่ยวผิงจื่อบ่าวข้างกายอ๋องเจ๋อเอ่ยอย่างสั่นเทา “ท่านอ๋อง คนจำนวนมากในที่นั่งธรรมดากับที่นั่งแขกพิเศษต่างให้คนกลับไปรวบรวมเงินแล้ว เรา…”

เราต้องรวบรวมเงิน ประมูลไข่มุกอุ่นจิตมาหรือไม่?

คำกล่าวท่อนหลังเสี่ยวผิงจื่อไม่กล้าเอ่ยออกมา เพราะพวกเขาไม่มีเงินรวบรวมได้แล้ว

แต่ท่านอ๋องมาที่จัดประมูลเฟิงเซียง เดิมจุดประสงค์หลักก็เพื่อไข่มุกอุ่นจิต…

เขามาที่จัดประมูลน้อยครั้งยิ่งนัก ไม่รู้ว่าคนพวกนี้ให้ราคากระหน่ำขนาดนี้

มือทั้งสองของอ๋องเจอจับแน่น “ไปเข้าเฝ้าผ่าบาท ขอยืมจากพระองค์”

“หา…” ยืมเงินจากฮ่องเต้?

นี่จะเกินไปหน่อยกระมัง?

แต่ไรมาได้ยินเพียงฮ่องเต้คิดวิธีเอาเงินจากขุนนาง ไม่เคยมีผู้ใดกล้ายืมเงินจากฮ่องเต้กระมัง?

“ฮ่องเต้แคว้นฮั่วป่วยหนัก หากแคว้นฮั่วได้ไข่มุกอุ่นจิต เป็นไปได้มากว่าฮ่องเต้แคว้นฮั่วจะสามารถปัดเป่าโรคร้ายทั้งปวงไปได้”

“นี่เกี่ยวอะไรกับเราด้วยพ่ะย่ะค่ะ?”

“ฝ่าบาทประสงค์กำจัดเทพสงครามมาตลอด แต่กลับไร้คนสนับสนุน หากฮ่องเต้เรานำไข่มุกอุ่นจิตส่งมอบให้ฮ่องเต้แคว้นฮั่ว เจ้าว่าฮ่องเต้แคว้นฮั่วจะซาบซึ้งในน้ำพระทัยของฮ่องเต้เราหรือไม่? จากนั้นก็ส่งทหารมาเป็นกองหนุนฮ่องเต้เรากำจัดเทพสงคราม”

เสี่ยวผิงจื่อกระจ่างโดยพลัน “ข้าน้อยทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องโปรดวางพระทัย ข้าน้อยจะส่งคนกลับไปยืมเงินจากฝ่าบาทเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”

อ๋องเจ๋อกำหมัดแน่น ในดวงตาเป็นปณิธานที่ต้องได้

กู้เฉิงเซี่ยงกล่าวอย่างปากสั่นกึก “เจ็ดล้านตำลึง”

รวมทั้งจวนเฉิงเซี่ยงก็มีไม่เท่าไร เจ็ดล้านตำลึงนี้ คือยอดรวมจากยิบๆ ย่อยๆ และที่สามารถหยิบยืมมาได้ทั้งหมดแล้ว

เขาหวังเพียงไม่มีใครให้ราคาอีก มิเช่นนั้นเขาก็ไม่มีที่ให้หยิบยืมแล้ว

กู้ชูหน่วนชูป้าย เอ่ยอย่างเอื่อยเฉื่อย “สิบล้านตำลึง”

ซีด…

ทั้งงานสูดลมเย็นอีกครั้ง

เป็นสาวน้อยสวมผ้าปิดหน้าผู้นั้นอีกแล้ว

นางเงินเยอะใช่ไหม?

ผู้คนเพิ่มเงินก็เพียงไม่กี่พัน ไม่กี่หมื่น นางเพิ่มทีก็สามล้านตำลึง นี่จะประมูลอย่างไรอีก?

ถึงพวกเขามีใจอยากประมูล ก็ไม่มีเงินมากเช่นนั้นจ่ายออกไป

เลือดชรากู้เฉิงเซี่ยงแทบพุ่ง

สีหน้ากู้ชูหยุนซีดเล็กน้อย “ท่านพ่อ มิเช่นนั้นไข่มุกอุ่นจิตนี้ก็ช่างเถอะ”

มนุษย์ต้องมีเกิดแก่เจ็บตาย มีไข่มุกอุ่นจิตอยู่ในมือ แม้กล่าวไม่ได้ว่าอยู่เป็นอมตะ แต่อย่างน้อยก็ยืนยาวขึ้นได้หลายสิบปีไม่มีปัญหา อีกอย่าง ขอเพียงมีไข่มุกอุ่นจิต หากมีผู้ใดขอ

กู้เฉิงเซี่ยงเอ่ยด้วยเสียงระริก “สิบล้านหนึ่งหมื่นตำลึง”

สีหน้าอ๋องเจ๋อเขียวปั๊ด ชูป้าย “สิบล้านห้าแสนตำลึง”

กู้เฉิงเซี่ยงผละ อ๋องเจ๋อมิใช่ล้มละลายแล้วหรือ?

เหตุใดจึงมีสิบล้านกว่าตำลึงอีก?

หรือว่าเหมือนกับเขา หยิบยืมเงินไปทั่ว?

ครั้นนึกถึงก่อนหน้านี้อ๋องเจ๋อยืมเงินมาจำนวนมาก เกรงว่าเพิ่มราคาก็คงไม่ได้มากเท่าใด

กู้เฉิงเซี่ยงฝืนดึงดันเอ่ย “สิบล้านห้าแสนห้าหมื่นตำลึง”

“สิบล้านหกแสนตำลึง” อ๋องเจ๋อเคืองหนัก

แม้กู้เฉิงเซี่ยงตำแหน่งสูงเป็นถึงเฉิงเซี่ยง แต่ก็เป็นเพียงขุนนาง เห็นเขาให้ราคาสูง กลับยังกล้าแข่งประมูลกับเขาอีก

“สิบล้านหกแสนหนึ่งหมื่นตำลึง”

“สิบล้านเจ็ดแสนตำลึง”

“สิบล้านเจ็ดแสนหนึ่งหมื่นตำลึง”

อ๋องเจ๋อยิ่งเดือด

“เพิ่มราคาหมื่นตำลึง?”

จงใจยกราคากับเขา?

อ๋องเจ๋อกล่าวด้วยโทสะ “สิบเอ็ดล้านตำลึง”

องค์หญิงตังตังพูดไม่ออกอย่างหนัก

นางคิดรอให้ทั้งสองคนสู้ราคาเสร็จแล้วนางค่อยให้ราคา แต่พวกเขาสองคนกลับสู้ราคากันอยู่ค่อนวันก็ยังไม่เสร็จ

โดยเฉพาะกู้เฉิงเซี่ยง ทุกครั้งให้เพิ่มราคา ก็เพิ่มทีละหนึ่งหมื่นตำลึง

หรือเพราะเสด็จพี่เจ๋อถอนหมั้น ทำให้กู้เฉิงเซี่ยงขายหน้า ก็เลยจงใจทำให้ลำบาก?

ครั้นคิดดังนั้น องค์หญิงตังตังก็ชูป้ายเอ่ย “สิบเอ็ดล้านห้าแสนตำลึง”

นางหวังว่ากู้เฉิงเซี่ยงกับเสด็จพี่เจ๋อจะไม่เพิ่มราคาอีก

กลับคิดไม่ถึง กู้เฉิงเซี่ยงถึงกับตะโกน “สิบเอ็ดล้านห้าแสนหนึ่งหมื่นตำลึง”

หา…

ยังเพิ่มราคาอีกหมื่นตำลึง?

องค์หญิงตังตังตะโกนขาน “สิบหกล้านตำลึง”

“สิบหกล้านหนึ่งหมื่นตำลึง”

องค์หญิงตังตังเดือดพลุ

กู้เฉิงเซี่ยงนี่อย่างไรกัน?

เป็นเสด็จพี่เจ๋อถอนหมั้น มิใช่นางถอนหมั้นสักหน่อย มายกราคาอะไรกับนาง?

อยากหาเรื่องนางอย่างเดียวหรือ?

“สิบเจ็ดล้านตำลึง”

“สิบเจ็ดล้านหนึ่งหมื่นตำลึง”

กู้เฉิงเซี่ยงปาดเหงื่อกาฬ

เขาแค่อยากประมูลไข่มุกอุ่นจิต จะได้เพิ่มอายุขัย แต่องค์หญิงตังตังกับอ๋องเจ๋อกลับกัดไม่ปล่อย

พวกเขายังเด็ก ไม่มีโรคไม่มีภัย ต้องการไข่มุกอุ่นจิตไปทำอะไร?

หรือว่าเบนความแค้นที่มีแต่กู้ชูหน่วนมาทางเขา?

กู้เฉิงเซี่ยงยิ่งคิดก็ยิ่งเป็นไปได้

กู้ชูหยุนขมวดคิ้วเอ่ย “ท่านพ่อ ไข่มุกอุ่นจิตเป็นสมบัติชั้นยอดของโลก ลูกก็อยากพยายามทุกวิถีทางเพื่อประมูลมา แต่ยามนี้เราไม่มีเงินมากมายขนาดนั้นแล้วจริงๆ มิเช่นนั้นเราก็ปล่อยไข่มุกอุ่นจิตไปเถอะ ประมูลพวกยาเพิ่มตบะก็พอ จะได้ไม่ล่วงเกินอ๋องเจ๋อและองค์หญิงตังตัง”

“เจ้ารู้อะไร ร่างกายข้าแย่ลงทุกวัน เป็นไปได้มากว่ามอดม้วยได้ตลอดเวลา ข้าต้องการไข่มุกอุ่นจิต ลูกรัก เจ้าช่วยข้าคิดหาวิธี ทำอย่างไรถึงได้ไข่มุกอุ่นจิตมา”

ไม่รอให้กู้ชูหยุนเอ่ยวาจา กู้ชูหน่วนก็ขานแล้ว “ยี่สิบห้าล้านตำลึง”

กู้ชูหน่วนที่อยู่ตรงที่นั่งธรรมดากรอกตาขาว

สามคนนี้ประมูลกว่าค่อนวัน แต่ละครั้งเพิ่มราคาทีละนิดๆ ประมูลได้สิแปลก