เหล่าผู้คนรอบข้างตะลึงงัน เจ้าเด็กหนุ่มผู้นี้ช่างกล้าหาญเสียจริง ถึงกับกล้าล่วงเกินคุณหนูใหญ่ของสํานักนอกอวิ๋นเยียนอย่างโจ่งแจ้ง ทั้ง ๆ ที่ในลานประลองยุทธ์ใต้ดินแห่งนี้ คุณหนูใหญ่มีวิธีมากมายนักที่จะฆ่านางแท้ ๆ แต่เขาก็ยังจะกล้าท้า
— ปัง! —
คนรอบข้างที่ยืนดูอยู่นั้นตกตะลึง พวกเขามองดูอะไรกัน ?
คุณหนูใหญ่อวิ๋นปิดหน้าต่างเสียงดัง นางไม่ได้กล่าวอะไรสักคํา และไม่มีข่าวคราวของการพาคนมารุมฆ่าสังหารแต่อย่างใด
มู่เฉียนซีที่เพิ่งก้าวเข้าสู่เขตการต่อสู้ของปรมาจารย์ภูตเขตสาม ในเวลานี้ได้ก้าวเข้าสู่ระดับราชาเขตหนึ่งอย่างเป็นทางการแล้ว มาตอนนี้นางไม่เห็นเงาร่างเสี่ยวชีในเขตหนึ่งของระดับราชา จึงคิดเอาว่าเสี่ยวชีคงบุกเข้าไปในเขตที่สองของระดับราชาแล้ว
เมื่อทุกคนเห็นเจ้าหนุ่ม ‘มู่ซี’ ข้ามขั้นก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“เพิ่งจะมีคนข้ามขั้นขึ้นไปที่ระดับราชาเขตสอง ก็มีคนได้ข้ามขั้นขึ้นมาแล้ว มีสองคนที่ข้ามได้ช่างน่าทึ่ง”
“เด็กหนุ่มทั้งสองนั่นข้าว่าวิปริตทั้งคู่”
“หึ ๆ ๆ เมื่อครูนี้ข้าโดนเจ้าเด็กประหลาดนัยน์ตาเขียวผู้นั้นโจมตีใส่มาระลอกหนึ่ง มาตอนนี้ข้าสามารถล้างอายให้แก่คราก่อนหน้าได้แล้ว”
พวกเขาพยายามแย่งชิงกันเพื่อลงประลอง ทว่าเสียดาย พวกเขากลับไม่มีโอกาสเช่นนั้นเพราะหัวหน้าใหญ่หวงโกวมาถึงแล้ว
“หัวหน้าหวงกําลังจะออกไปสู้ เมื่อครู่เจ้าหนุ่มร้ายผู้นั้นทำตัวโอหังอยู่บนลานประลอง เขาแทบจะทนรอไม่ได้ที่จะออกไปประมือกับเด็กที่เพิ่งกระโดดขึ้นมาจากระดับล่าง”
ทุกคนรู้สึกเหลือเชื่อ แต่หัวหน้าหวงรู้ดีว่านี่เป็นคําสั่งของคุณหนูใหญ่อวิ๋นอี๋ ซึ่งเขามิสามารถปฏิเสธได้
สําหรับคุณหนูใหญ่อวิ๋นอี๋แล้ว แม้ว่าเสี่ยวชีจะร้ายกาจมาก แต่อย่างไรเสียเขาก็เป็นเพียงผู้ใต้บัญชาผู้หนึ่งของมู่ซี ขอเพียงเอาชนะมู่ซีได้ เจ้าเสี่ยวชีนั่นก็คงจะจบเห่ตามกันไป
หัวหน้าหวงกล่าวขึ้น “แม้ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งมากในเขตการประลองของจอมภูต แต่ว่าก็ได้เพียงเท่านั้น เตรียมตัวตายด้วยแส้ของข้าซะ!”
อาวุธของหัวหน้าหวงเป็นแส้สีทองยาว ตลอดแนวของมันที่ทอดยาวเต็มไปด้วยความคม เมื่อมันกระทบเข้ากับร่างคนแล้วจะก่อเกิดรูที่ทำให้เลือดไหลออกมาได้เป็นจำนวนมาก ท้ายที่สุดผู้ที่ถูกแส้นี้เล่นงานเข้าให้ ก็จะต้องเลือดไหลออกมาจนหมดและต้องสิ้นไร้ลมหายใจตายไปอย่างน่าสังเวช
“ให้ตายเถอะ! หัวหน้าหวงเอาอาวุธขั้นสุดยอดของเขาออกมาแล้ว เจ้าเด็กหนุ่มผู้นี้เป็นใครกันถึงกับทำให้หัวหน้าหวงเอาแส้ออกมาเช่นนี้ ?”
“หึ ๆ เจ้าเด็กนี่เป็นใครนั้นข้าไม่รู้ แต่ข้ารู้ว่าเจ้าเด็กนี่จะต้องตายอย่างน่าอนาถเป็นแน่”
“นั่นต้องให้เจ้าบอกด้วยรึ ? ข้าดูเองข้าก็รู้”
หัวหน้าหวงสะบัดแขนพยัคฆ์ของเขา แส้ยาวก็เปล่งแสงสีทองออกมาราวกับมังกรทอง มันพุ่งตรงไปที่มู่เฉียนซีอย่างไม่ลังเล
ศัตรูนั้นโจมตีมาอย่างดุดันและเขายังเป็นถึงระดับราชา ทว่ามู่เฉียนซีไม่ได้ชะล่าใจ รีบชักกระบี่มังกรเพลิงออกมา
— แกร๊ง! —
กระบี่มังกรเพลิงส่งเสียงดังสนั่นขณะเข้าปะทะกับแส้เส้นยาว
— ปั้ก! ปั้ก! ปั้ก! —
อาวุธทั้งสองปะทะเข้าด้วยกันหลายต่อหลายครั้งด้วยความเร็วราวสายฟ้าแลบ แต่ที่ทำให้ผู้คนโดยรอบตกตะลึงก็คือ… กระบี่ขึ้นสนิมเล่มนั้นปะทะกับอาวุธของหวงโกวได้อย่างสูสี!
ทันใดนั้นเงาร่างมู่เฉียนซีกลายเป็นภาพมายานับไม่ถ้วน ก่อนที่หวงโกวจะรู้ว่าร่างไหนเป็นร่างจริงและร่างไหนเป็นร่างปลอม แสงสีแดงเข้มพลันพุ่งออกมาอย่างดุดัน “มังกรเพลิงสังหาร!”
เมื่อตอนที่มังกรเพลิงดูคล้ายกับจะทำลายล้างทุกสรรพสิ่งที่มาถึง ใบหน้าของหวงโกวเผือดซีด เขารู้สึกว่าสถานการณ์ในเวลานี้เลวร้ายเป็นอย่างมาก จึงคิดจะดึงแส้ยาวของเขากลับมาและรีบหลีกหนีไปตั้งหลัก ทว่าด้วยพลังอำนาจของมังกรเพลิง เขาจะยังมีที่ให้หลบหลีกได้อีกหรือ ?!
— ตูม! —
ร่างหวงโกวถูกคลอกไปด้วยเปลวไฟสีแดงเข้ม มันเผาไหม้เสียจนผิวหนังบนร่างของเขาเริ่มปริเปิดออก ขาเขาอ่อนยวบ คุกเข่าลงกับพื้นแล้วกล่าวด้วยเสียงสั่น ๆ ว่า “อย่าฆ่าข้าคุณชายมู่ อย่าฆ่าข้าเลย…”
คนพวกนั้นล้วนแต่ปากอ้าตาค้าง นี่เป็นเขตราชาเขตที่หนึ่งของพวกเขา เขตนี้หัวหน้าหวงเป็นใหญ่มิใช่หรือ ? แต่กลับมาคุกเข่าให้กับเด็กที่ดูเหมือนจะเพิ่งบรรลุภาวะการเติบโตเป็นผู้ใหญ่เพื่อร้องขอชีวิต เรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
“วิปริตยิ่งนัก!”
เจ้าหนุ่มชุดเทาเมื่อครู่นี้ทำให้พวกเขาประหลาดใจอย่างหาที่สุดมิได้ไปรอบหนึ่งแล้ว ยังจะมีเจ้าเด็กหนุ่มนัยน์ตาเขียวผู้มาใหม่ที่วิปริตยิ่งกว่ามาอีกหรือ ?
อย่างน้อยเจ้าหนุ่มชุดเทาก็เป็นราชาแห่งภูตระดับหนึ่ง แต่เจ้าเด็กนัยน์ตาเขียว… เขาเป็นเพียงปรมาจารย์ภูตระดับสี่เท่านั้น
ทักษะวิญญาณ กระบวนท่ากระบี่ เพียงพอที่จะทำให้ปรมาจารย์ภูตระดับสี่คนหนึ่งต่อสู้ข้ามขั้นได้หลายระดับ ช่างน่ากลัวเสียจริง!
สีหน้าของคุณหนูใหญ่อวิ๋นอี๋เริ่มเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ “ฮึ่ม! เจ้าหนุ่มชุดเทานั่นใกล้จะตายอยู่ที่เขตราชาเขตที่สองอยู่แล้ว เจ้าเด็กนัยน์ตาเขียวนี่จะทะนงตนไปได้อีกนานสักเท่าไหร่กันเชียว ?!”
มู่เฉียนซีที่อยู่ในเขตราชาเขตที่หนึ่ง ได้พบเจอกับการต่อสู้ที่เวียนกันเข้ามาสู้ แต่เมื่อจัดการหัวหน้าหวงของพวกนั้นได้แล้ว การหมุนเวียนต่อสู้นั้นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรนัก เพราะว่านางไม่ได้กลัวการที่จะโดนทำให้สิ้นเปลืองพลังวิญญาณเลย
เมื่ออวิ๋นอี๋ได้รู้เรื่องทั้งหมดก็อยากจะกระอักเลือดออกมา “เขา… เขามีเม็ดยาฟื้นฟูพลังอยู่เท่าไหร่กัน ? ยาของเขานั้นกินอย่างไรก็ไม่หมดหรืออย่างไร ?”
อวิ๋นอี๋โกรธจนใบหน้าหม่นคล้ำ นางเองก็เป็นนักปรุงยา ย่อมรู้ว่ายาเม็ดเป็นสิ่งที่หลอมได้ยากเพียงใด ไม่ว่านักปรุงยาจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถรับประกันความสำเร็จในการหลอมได้เต็มสิบส่วน ส่งผลให้ราคาของมันสูงอย่างยิ่ง
ทว่าวันนี้ อวิ๋นอี๋นางกลับเห็นเจ้าตัวประหลาดผู้หนึ่งกินยาเข้าไปมากราวกับว่ามันเป็นเพียงถั่วคลุกน้ำตาลที่หาได้โดยง่าย
สายลมพัดผ่านร่างที่ดูเหมือนเสาไม้ไผ่ที่ลอยตัวลงมายังด้านข้างร่างมู่เฉียนซี หวงโกวโจมตีราวกับสายฟ้าแลบเข้ามาที่มู่เฉียนซี
หวงโกวกล่าวด้วยเสียงดุดัน “เจ้าอาศัยความเร็วในการโจมตี แต่ผู้ที่มีความรวดเร็วไม่ได้มีแค่เจ้าเพียงคนเดียว…”
คนผู้นี้รวดเร็วอย่างมาก แต่เมื่อเทียบกับย่างก้าวพันเงาของมู่เฉียนซีแล้ว ยังนับว่าห่างชั้นกันมากนัก ทันใดนั้นเข็มยาจำนวนมากพุ่งออกมา “เหอะ! วิธีการของเจ้านี้น่าขัน มาทำทะนงตัวต่อหน้าข้า กล้ามาก!”
เข็มยานับไม่ถ้วนปิดกั้นเส้นทางของเขา เขาอยากจะหนีแต่ก็หนีไม่พ้น
“พรวด!”
เมื่อถูกเข็มยาทิ่มเข้า เขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
— โครม! —
คนสุดท้ายถูกโยนลงจากเวทีประลอง
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นในทันใด “พาข้าไปที่เขตราชาเขตที่สองเถอะ”
เสี่ยวชีอยู่ที่นั่น หวังว่าเขาจะไม่เป็นอะไร!
แต่หลังจากที่มู่เฉียนซีได้เข้าไปที่เขตราชาเขตที่สองแล้ว ก็ได้เห็นเงาร่างที่เวลานี้ย้อมไปด้วยเลือดสีแดงของเสี่ยวชี นางตะโกน “เสี่ยวชี ลงมา!”
เสี่ยวชี “นายท่าน”
เขาเชื่อฟังคำสั่งของมู่เฉียนซีและเดินลงมาจากเวที ทว่า…
“ช้าก่อน”
คนผู้นั้นเอามือมาขวาง แต่มู่เฉียนซียังคงดึงเสี่ยวชีลงมา
“เขายอมแพ้แล้ว”
บุรุษที่ยืนอยู่บนเวทีประลองตีสีหน้าดุร้าย “เจ้าหนู เขายอมแพ้ แล้วเจ้าจะสู้กับข้าหรือไม่ล่ะ ?”
มู่เฉียนซีกระโดดขึ้นไปบนเวทีประลองก่อนจะกล่าวว่า “แน่นอน เจ้าทำร้ายคนของข้าเช่นนี้ ข้าไม่ควรแก้แค้นหรือ ?”
“เจ้าเด็กนั่นบ้าไปแล้วรึ ?! เป็นเพียงปรมาจารย์ภูตระดับสี่ บังอาจท้าทายพี่ใหญ่ขลุย!”
“ข้าว่าเขาคงเสียใจจนบ้าไปแล้ว”
มู่เฉียนซีไม่สนเสียงนกเสียงกา นางมองเสี่ยวชีอย่างใจเย็น กล่าวว่า “เสี่ยวชี รักษาอาการบาดเจ็บเร็วเข้า”
“ขอรับ”
มู่เฉียนซีเหลือบมองบุรุษที่น่ากลัวตรงหน้าเขา ความแข็งแกร่งของเขาถึงขั้นราชาแห่งภูตระดับหก เป็นคู่ต่อสู้ที่จัดการได้ยาก
“ผนึกมังกรวารี!”
มู่เฉียนซีลงมือก่อน นางเดินอ้อมไปด้านหลังเขาโดยไม่รู้ตัว พลันกระบี่มังกรเพลิงพุ่งเข้าใส่เขาอย่างรวดเร็ว
เขาบิดตัว เอื้อมมือออกไปคว้ากระบี่ของมู่เฉียนซีไว้ และตบมู่เฉียนซีด้วยฝ่ามือเดียว “ฮ่า ๆ ๆ ช่างอ่อนแอนัก! อ่อนแอจนน่าสังเวชเพียงนี้ยังกล้ามาสู้กับข้า”
.