ตอนที่ 943 ปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเอง

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

พอเห็นเสี่ยวเชี่ยนยังโมโหอยู่ อวี๋หมิงหลางจึงส่งยิ้มให้ “มีอะไรให้น่าโมโห ไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอก มีเป้าหมายมันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ? คุณจะได้ไม่เหงาไง”

“มันไม่เหมือนกัน! นายเคยเห็นฉันใช้วิชาตัวเองไปทำร้ายคนอื่นเหรอ?”

“คนที่ถูกคุณทำร้าย น้อยซะที่ไหน…” เสี่ยวเฉียงพึมพำ เสี่ยวเชี่ยนถลึงตาใส่เขา เขารีบยิ้มแหยๆให้เธอ “ใช่ คุณสวย พูดอะไรก็ถูกหมด!”

“สักวันนึงฉันต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ ภายใต้สายตาของฉันไม่มีใครมาเหยียบย่ำศักดิ์ศรียุ่งคนของฉันได้!” เสี่ยวเชี่ยนตัดสินใจแล้ว

“ถ้าให้ผมพูดนะ คุณก็คิดเล็กคิดน้อยเกินไป ความโกรธของคุณมาจากคำพูดที่เขาพูดว่าเสมอกัน คุณรู้สึกเหมือนโดนดูถูกใช่ไหมล่ะ?”

“ถึงจะไม่อยากยอมรับ แต่มันก็เป็นเรื่องจริง”

“ผมไม่คิดแบบนั้น”

เขาเอานิ้วไปลูบจมูกเธอ “หมอนั่นเองก็พูดแล้ว เดิมสืออวี้ไม่ได้นิสัยแบบนั้น แล้วนิสัยของสืออวี้ตอนนี้เป็นเพราะใคร? ถ้าไม่ใช่คุณ?”

“แต่ฉันไม่ได้ใช้วิชาเอาชนะหมอนั่น! เป็นมิตรภาพของสืออวี้ต่างหากที่ช่วยฉัน!”

“แล้วมิตรภาพความผูกพันพวกนั้นพอเจอหน้ากันก็มีเลยเหรอ? มันมาจากเสน่ห์ตัวตนของเมียผมต่างหาก! ใช่ เขาสะกดจิตได้ คุณไม่เคยเรียนวิชามารพวกนั้นก็เลยทำไม่เป็นไง แต่เมียผมใช้วิชาเอาใจใส่คนด้วยความจริงใจกับทุกคน เขามีไหมล่ะ? พวกคุณสองคน คนหนึ่งก็เหมือนมนต์ขาว อีกคนเหมือนมนต์ดำ เทียบกันได้เหรอ? แมวดำแมวขาวจับหนูได้ก็เป็นแมวดีทั้งนั้น ไม่ต้องสนหรอกว่าเขาใช้วิชามารอะไร แต่ก็ถูกเมียผมไล่ไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”

เอ๊ะ…ที่อวี๋หมิงหลางพูด ดูเหมือนจะมีเหตุผลแฮะ

เสี่ยวเชี่ยนเริ่มสงบลง อวี๋หมิงหลางใช้คำว่าวิชามารกับหมอนั่นมันโดนใจสุดๆ วิธีที่เสี่ยวเชี่ยนไม่รู้จักไม่เคยได้สัมผัสมันก็ไม่ต่างอะไรกับวิชามาร

เห็นเธอดูเหมือนจะยังไม่ยอมแพ้ เสี่ยวเฉียงรู้สึกว่าถึงเวลาที่เขาจะปล่อยทีเด็ดแล้ว

หลิวเหมยถูกทุกคนส่งมาหาเสี่ยวเชี่ยน รถสองคันมาถึงตามกันติดๆ พวกเธอลงไปรอกันตั้งนานแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นเสี่ยวเชี่ยนกับเสี่ยวเฉียงลงมา ไป๋จิ่นกับฉิวฉิวกลัวว่าเสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลางจะทะเลาะกัน อวี๋หมิงหลางเป็นพวกเจ้าเล่ห์ แถมยังเป็นคนประเภทที่ว่าแค่ทำหน้ากวนประสาทก็น่าโมโหแล้ว ประธานเชี่ยนโมโหเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ถ้าทั้งสองคนทะเลาะกันขึ้นมาจะรับมือยาก

ขณะที่หลิวเหมยกำลังจะเคาะหน้าต่าง ทันใดนั้นเธอก็เห็นเงาลางๆเหมือนสองคนในรถกำลังจูบกันอย่างดูดดื่ม แถมตาเธอยังเผลอเห็นมือของพี่หลางล้วงเข้าไปในจุดที่ไม่อาจบรรยาย…

“ไหนล่ะ? ไม่ได้ทะเลาะกันใช่ไหม?” ฉิวฉิวเห็นหลิวเหมยเดินหน้าแดงกลับมาจึงถามด้วยความเป็นห่วง

“ทะเลาะอะไรล่ะ ร้อนแรงจนไฟแทบลุก…ช่างเถอะ พวกเราไปสั่งอาหารก่อน เอาที่แพงๆให้พี่ฉันกระเป๋าฉีกไปเลย ชดเชยที่ทำฉันดวงตาร้อนผ่าว”

วันๆเอาแต่แสดงความรักจนออกนอกหน้า เหลือเกินจริงๆ

ตอนที่อวี๋หมิงหลางเดินโอบเสี่ยวเชี่ยนเข้าไปในห้องอาหาร ทุกคนกำลังนั่งกอดอกเหลือบมองพวกเขา

“ตาเป็นเหน็บชากันหมดเหรอ?” เสี่ยวเฉียงลากเก้าอี้ให้เสี่ยวเชี่ยน ทุกคนมองออกหมดว่าเสี่ยวเชี่ยนอารมณ์ดีกว่าเมื่อกี้มาก

หลิวเหมยส่ายหน้า “จึ๊ๆ จับพวกเรามัดรวมกันยังเก่งสู้พี่หลางคนเดียวไม่ได้เลยนะเนี่ย”

พี่สะใภ้หงุดหงิดอยู่ตั้งนาน แต่พอพี่ชายเธอปรากฏตัวก็กลายเป็นฟ้าหลังฝน

“พูดมาก สั่งอาหารหรือยัง?” เสี่ยวเฉียงไม่โกรธ เขาหยิบเมนูมาดู จากนั้นพวกเขาก็เริ่มคุยกันว่าจะสั่งอะไรดี

เสี่ยวเชี่ยนนั่งข้างสืออวี้ สืออวี้มองเธอด้วยความรู้สึกผิด

“ฉันทำให้เธอหงุดหงิด”

ทั้งหมดนี้เธอเป็นตัวต้นเหตุ สืออวี้ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเห็นเสี่ยวเชี่ยนอารมณ์ไม่ดีครั้งล่าสุดเมื่อไร

“พูดแบบนั้นทำไม ฉันต้องขอบคุณเธอสิ”

“ขอบคุณเรื่องอะไร?”

“ขอบคุณที่เธอทำให้ฉันเจอเป้าหมายที่จะสู้ ขอบคุณที่เธอทำให้ฉันเห็นมิตรภาพที่ประเมินราคาไม่ได้”

สืออวี้หน้าแดง “ทำไมอยู่ๆก็รู้สึกขนลุก? เลิกพูดแบบนั้น กลับมาเป็นปกติเถอะ!”

หลังจากที่เสี่ยวเฉียงช่วยทำให้เสี่ยวเชี่ยนผ่อนคลายอารมณ์ ความเซ็งที่เหมือนถูกตบหน้าก็ได้ถูกพักเอาไว้ชั่วคราว ได้เวลาจัดการเรื่องของคนที่อยู่ข้างๆเธอแล้ว

“สืออวี้ เรื่องที่บ้านเธอ คิดไว้หรือยังว่าจะทำไง?”

ปัญหาที่หนักหน่วงนี้ถูกยกขึ้นมาอีกครั้ง สีหน้าที่ยิ้มแย้มของสืออวี้ก็ยากที่จะคงเอาไว้

เธอพยายามฝืนยิ้ม แสร้งทำเป็นพูดอย่างสบายๆ “มันเรื่องเล็กน้อย ฉันหาวิธีแก้ได้นานแล้ว เธอไม่ต้องสนใจหรอก”

“วิธีอะไร?”

“พ่อเคยซื้อที่ดินไว้ให้ฉัน เดิมเขาคิดจะเอาไว้ใช้ชีวิตหลังเกษียณ ตอนนี้คงต้องเอาไปขายแล้ว ถึงจะไม่พอยังต้องกู้เงินเพิ่มอีก แต่ก็ทำให้อยู่รอดได้ ในมือแม่ฉันยังมียาตัวใหม่อีก ถึงตอนนั้นถ้าเราเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ก็คงผ่านช่วงลำบากไปได้”

เธอพูดเหมือนสบายๆ เสี่ยวเชี่ยนเองไม่ค่อยเข้าใจเรื่องธุรกิจ แต่ก็รู้สึกว่ามันไม่น่าง่ายขนาดนั้น

“ที่ดินผืนนั้นอยู่ที่ไหน? ยาบ้านเธอเป็นยาแนวไหน? ต่อให้มีสินค้าใหม่ ก็ต้องใช้เวลากว่าจะทำกำไรหรือเปล่า? ไหนจะโรงงานผลิตยาอีก ถ้าจะเปลี่ยนรูปแบบกิจการหรือเปลี่ยนแผน จะเกิดปัญหาเรื่องพนักงานหรือเปล่า ไหนจะเรื่อง—”

“มีคำถามเป็นหมื่นเลยหรือเปล่า?” สืออวี้ขัดจังหวะเสี่ยวเชี่ยน เธอกลัวว่าถ้าเสี่ยวเชี่ยนถามต่อไปความจะแตก

“พวกเราคบกันมาตั้งนาน เธอมีปัญหาอะไรก็บอกฉันได้ ไม่จำเป็นต้องแบกไว้คนเดียว”

“จะมีปัญหาสักแค่ไหนกัน? ประธานเชี่ยนเลิกเป็นห่วงเรื่องที่บ้านฉันเถอะ ลองคิดดูนะ บ้านฉันทำกิจการมาตั้งหลายปี อูฐผอมตายก็ยังตัวใหญ่กว่าม้าเลยใช่ไหมล่ะ? เรือลำใหญ่ขนาดนั้น จะล่มเพียงเพราะคลื่นเล็กได้ยังไง?”

สืออวี้พูดด้วยท่าทางที่สมจริงมาก เสี่ยวเชี่ยนมองเธอคิดจะจับผิดจากสีหน้าท่าทาง

แต่ไม่มี

เด็กคนนี้โตขึ้นอีกแล้ว รู้จักปกปิดความรู้สึก

ยิ่งเป็นแบบนี้เสี่ยวเชี่ยนก็ยิ่งไม่วางใจ แต่สืออวี้ไม่อยากคุยเรื่องนี้แล้ว เธอยกแก้วขึ้นมา ใช้น้ำโค้กแทนเหล้า

“ประธานเชี่ยน ฉันดื่มให้เธอ แด่ช่วงเวลาดีๆของพวกเราที่เอาทองเป็นหมื่นมาก็แลกไม่ได้”

เสี่ยวเชี่ยนชนแก้ว สืออวี้จดจำรอยยิ้มในเวลานี้เอาไว้ในใจ

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดเธอได้เจอมาแล้ว ไม่มีอะไรให้ต้องเสียดายอีก

หลังกินข้าว สืออวี้ปฏิเสธคำชวนให้อยู่ค้างคืนของเสี่ยวเชี่ยน เธอจะขับรถกลับบ้านเลย ไม่ว่าจะเกิดเรื่องรุนแรงขนาดไหน นั่นก็บ้านของเธอ

พวกเสี่ยวเชี่ยนมองรถโฟล์คสีชมพูถูกกลืนหายไปในความมืด เสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลางยืนเคียงข้างกัน ทั้งสองคนต่างนิ่งเงียบไม่พูดอะไร

ต่อให้เสี่ยวเชี่ยนยังไม่รู้สึกตัวในตอนแรก แต่พอกินข้าวเสร็จ เธอก็เข้าใจแล้ว

เธอเข้าใจ อวี๋หมิงหลางก็เข้าใจ

“เขาเปลี่ยนไปไม่น้อยเลยจริงๆเมื่อเทียบกับเมื่อหลายปีก่อน” เสี่ยวเชี่ยนพูดออกมา

เสี่ยวเฉียงพยักหน้าเห็นด้วย

สืออวี้จัดการเรื่องนี้ได้อย่างเด็ดเดี่ยวมาก

รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองสนิทกับประธานเชี่ยน ถ้าเธอเอ่ยปาก ประธานเชี่ยนต้องพยายามช่วยอย่างสุดความสามารถแน่นอน แต่เธอกลับไม่พูด

ช่วงที่ผ่านมาสืออวี้ไปขอร้องมาหลายคน แต่มีเพียงแค่เพื่อนสนิทเท่านั้นที่เธอไม่อยากเอ่ยปากขอยืมเงิน

เธอไม่อยากเอาเรื่องเงินมาทำลายความทรงจำดีๆของเธอ ต่อให้สิ่งที่รอเธออยู่จะเป็นอนาคตที่มืดมน เธอก็ไม่อยากพูดออกไปอยู่ดี และก็ไม่อยากสร้างความเดือดร้อนให้เพื่อนด้วยมันคือศักดิ์ศรีและขอบเขตของเธอ

หลังกินข้าวเสร็จเสี่ยวเชี่ยนไม่ได้ตรงกลับบ้านทันที แต่ให้อวี๋หมิงหลางพาไปที่บ้านอาจารย์ สืออวี้ทำไปเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเอง เสี่ยวเชี่ยนเองก็ต้องปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเองเหมือนกัน