เล่ม 9 เล่มที่ 9 ตอนที่ 261 ถูกสงสัยแล้วหรือ

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

ซูจิ่นซีกรีดบริเวณส่วนขาและข้อมือของหลี่เสี่ยวหลาง จากนั้นก็ปล่อยสารพิษในร่างกายออกมา

ทั้งยังใช้การฝังเข็มเพื่อขับสารพิษที่เหลืออยู่ สุดท้ายซูจิ่นซีก็เขียนเทียบยาให้หลี่ซื่อ

“ครั้งหน้า เมื่อคุณชายน้อยหลี่ฟื้นขึ้นมาจะไม่มีอาการง่วงซึมอีก ท่านเพียงจัดยาตามเทียบยาและให้คุณชายน้อยรับประทานให้ตรงเวลา ภายในหนึ่งเดือนก็หายเป็นปกติแล้ว”

อย่างไรเสีย สารพิษที่ตกค้างอยู่ในร่างกายเป็นเวลานาน ย่อมส่งผลเสียต่อร่างกายเป็นอย่างมาก

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ พระชายา”

หลี่ซื่อรับเทียบยามา

ส่วนการป้องกันไม่ให้มีคนวางยาพิษหลี่เสี่ยวหลางอีก เป็นเรื่องของจวนหลี่ ซูจิ่นซีไม่สะดวกพูดนัก

“รองเจ้ากรมหลี่ อย่าลืมข้อตกลงระหว่างท่านกับข้า สามวันหลังจากนี้ในช่วงพลบค่ำ ข้าจะรอท่านอยู่ที่ตำบลผูหลิวนอกเมือง”

รองเจ้ากรมหลี่พูดอย่างจริงจังว่า “พระชายาวางพระทัย ในเมื่อกระหม่อมตกลงร่วมมือกับพระชายาแล้ว ย่อมจัดการเรื่องนี้แทนพระชายาอย่างดีที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”

ซูจิ่นซีไม่พูดอันใดมาก นางเดินออกจากจวน รองเจ้ากรมหลี่จึงเดินไปส่ง

เมื่อเดินมาถึงประตูทางออก บ่าวก็มารายงานด้วยใบหน้าดีใจว่า คุณชายน้อยฟื้นแล้ว

ดวงตาทั้งคู่ของรองเจ้ากรมหลี่ส่องประกายความสุขและปิติยินดี

“ใต้เท้าหลี่ไม่ต้องส่งแล้ว รีบไปดูคุณชายน้อยเถิด! ”

“พ่ะย่ะค่ะ พระชายา”

หลี่ซื่อคำนับซูจิ่นซี ก่อนจะรีบเดินเข้าประตูไป

ซูจิ่นซีขยับหมวกฟาง และเดินจากไป

ขณะเดินเลี้ยวเข้าไปในซอยเล็กซอยหนึ่ง ซูจิ่นซีโยนหมวกฟางทิ้ง นางกลับคืนสู่สภาพเดิม เหมือนก่อนหน้าที่ออกมาจากจวนโยวอ๋อง จากนั้นจึงเดินทางกลับจวนโยวอ๋อง

แท้จริงแล้ว ตอนที่ซูจิ่นซีเพิ่งเข้าไปในจวนหลี่ องครักษ์ของเยี่ยโยวเหยาได้รายงานข่าวนี้ให้เยี่ยโยวเหยาทราบแล้ว

“สตรีนางนี้ ไปทำอันใดที่จวนหลี่? ”

ในตำหนักฝูอวิ๋น ดวงตาของเยี่ยโยวเหยาเผยความขึงขัง เขานั่งหลังพิงพนักเก้าอี้ พลางเคาะนิ้วลงบนที่พักแขนอย่างแผ่วเบา

เขามอบหลวงจีนทุศีลและคนอื่นๆ ให้ซูจิ่นซีจัดการ นางควรไปที่คุกหลวงก่อนจึงจะถูก เหตุใดจึงไปที่จวนหลี่?

“ไปสืบมา หลายวันมานี้พระชายาทำอันใดบ้าง? ”

“พ่ะย่ะค่ะ! ”

ซูจิ่นซีเพิ่งเข้าประตูจวนโยวอ๋องมา แม่นมฮวาก็รออยู่ที่ประตูก่อนแล้ว นางเดินเข้าไปหาซูจิ่นซีด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

“พระชายา ท่านอ๋องรอท่านอยู่ที่ศาลาร่มเย็นในเรือนชิงโยวเพคะ”

รอนางหรือ?

ตอนนางออกไปก็บอกเขาแล้วว่าตนจะไปที่ใด!

นางจะไปซื้อชาดแดงแล้วเดินซื้อของตามร้านค้า เยี่ยโยวเหยาก็ไม่ได้คัดค้าน แล้วยังจะรอนางเพื่ออันใด?

“พระชายา ดูเหมือนท่านอ๋องจะมีอารมณ์ไม่สู้ดีนัก ท่านก็ระมัดระวังหน่อยนะเพคะ” แม่นมฮวาเตือนด้วยความหวังดี

“อืม ข้ารู้แล้ว! ” ซูจิ่นซีเดินไปหาด้วยความวิตกกังวล

ไม่รู้เพราะเหตุใด หลังจากปิดบังเยี่ยโยวเหยาเกี่ยวกับเรื่องของหลวงจีนทุศีลและฮองเฮา หลายวันมานี้หนังตาขวาของนางมักกระตุกอยู่เสมอ นางรู้สึกอยู่ตลอดว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีอันใดขึ้น

คงไม่ใช่ว่า เยี่ยโยวเหยาสืบพบอันใดเข้าจริงๆ หรอกกระมัง?

เมื่อเดินมาถึงประตูเรือนชิงโยว ซูจิ่นซีเห็นเยี่ยโยวเหยารอนางอยู่ที่ศาลาร่มเย็นจริงๆ

ซูจิ่นซีค่อยๆ เดินเข้าไป

“ท่านอ๋อง! ”

ใบหน้าของเยี่ยโยวเหยายังคงเย็นชาเหมือนปกติ มองไม่ออกว่าในใจของเขาคิดเช่นไร เขาไม่ได้พูดอันใด ทำเพียงรินน้ำชาถ้วยหนึ่ง และวางไว้ตรงข้ามตนเอง

ซูจิ่นซีนั่งตรงข้ามกับเยี่ยโยวเหยา นางยกถ้วยชาขึ้น

“ขอบพระทัยเพคะ ท่านอ๋อง! ”

“เจ้าลองชิมดู นี่เป็นชาหม่านซานหงจากสวนด้านหลังของจวนหลี่ เพิ่งเก็บมาใหม่ในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิปีนี้ หลี่ซื่อรู้ว่าข้าชอบดื่มชาจึงส่งมาให้ข้าสองขวด”

สวนด้านหลังจวนหลี่?

จู่ๆ ถ้วยชาในมือของซูจิ่นซีก็ตกลงบนพื้น

เขาหมายความว่าอย่างไร?

“เป็นอันใดไป? ”

เยี่ยโยวเหยาเงยหน้าเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วมองไปยังซูจิ่นซีที่จัดระเบียบเสื้อผ้าด้วยท่าทีตื่นตระหนก

“ไม่… ไม่มีอันใด เพียงถ้วยชาใบนี้ร้อนเกินไปจนลวกมือเพคะ”

“หืม? ใช่หรือ? ใบชาหม่านซานหงเปราะบางมาก หากใช้น้ำร้อนเกินไปจะทำให้ชาที่ชงออกมาปราศจากกลิ่นหอม ข้าจึงตั้งใจใช้น้ำร้อนเพียงเจ็ดส่วนเท่านั้น ไม่น่าจะร้อนจนลวกมือเจ้าได้กระมัง? ”

ซูจิ่นซีใบหน้าซีดเผือด นางเม้มริมฝีปาก ไม่รู้จะตอบอันใด

ภายในใจของนางรู้สึกว้าวุ่นอย่างมาก ไม่รู้ว่าเยี่ยโยวเหยากำลังความหมายว่าอย่างไร

“หรือว่า… พระชายาที่รักมีเรื่องอันใดปิดบังข้า? ”

เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย

ซูจิ่นซีหัวใจเต้นแรง มันดังกึกก้องอยู่ในก้นบึ้งหัวใจ

ทว่าใบหน้าของนางยังคงเรียบเฉย นางพูดว่า “ท่านอ๋องชอบล้อเล่นจริงๆ หม่อมฉัน… หม่อมฉันจะมีเรื่องปิดบังท่านได้อย่างไรเพคะ? แม้แต่… แม้แต่เรื่องระบบถอนพิษและอาคมกำไลปี่อั้น หม่อมฉันก็บอกท่านอ๋องไปแล้ว”

“ไม่มีก็ดีแล้ว หากเจ้ากล้ามีเรื่องอันใดปิดบังข้า… ”

เยี่ยโยวเหยายังพูดท่อนสุดท้ายไม่จบ ทว่านัยน์ตากลับส่องประกายเย็นชาออกมา

ซูจิ่นซีรู้สึกแผ่นหลังเย็นวาบอย่างอธิบายไม่ถูก

นานแล้วที่นางไม่มีความรู้สึกเช่นนี้ นานแล้วที่นางไม่รู้สึกหวาดกลัวเยี่ยโยวเหยา ทว่าวันนี้ ความรู้สึกเช่นนี้กลับมาอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ซูจิ่นซียังคงพยายามรักษาท่าทีสงบนิ่ง นางเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย ทำเหมือนตนเองไม่มีความผิดใด แล้วพูดว่า “เช่นนั้นท่านอ๋องเล่า? ท่านอ๋องมีเรื่องอันใดปิดบังหม่อมฉันบ้างเพคะ? ”

เยี่ยโยวเหยาที่กำลังยกถ้วยชาขึ้นดื่ม หยุดชะงักในทันทีดวงตาพลันเปล่งประกาย

จากนั้นซูจิ่นซีก็พูดอีกว่า “หม่อมฉันเคยพูดแล้ว ในเมื่อท่านอ๋องบอกว่าหม่อมฉันเป็นสตรีของท่าน ก็แสดงว่าท่านอ๋องยอมรับแล้วว่าหม่อมฉัน… ซูจิ่นซีเป็นภรรยาของท่าน ในเมื่อเป็นสามีภรรยากัน ก็ควรปฏิบัติต่อกันอย่างซื่อสัตย์ หม่อมฉันสามารถอดทนต่อเรื่องที่ซ่อนอยู่ภายในใจของท่านอ๋องได้ ทว่าจะไม่ยอมให้ท่านอ๋องหลอกลวงทรยศหม่อมฉัน หากท่านอ๋องหลอกลวงหม่อมฉัน หม่อมฉัน… จะตอบแทนท่านกลับสิบเท่า ร้อยเท่า จนถึงพันเท่า”

คำพูดนี้ ซูจิ่นซีไม่ได้พูดกับเยี่ยโยวเหยาเป็นครั้งแรก

เยี่ยโยวเหยาใช้มือจับไปที่ถ้วยชาอย่างแรง จนข้อนิ้วขึ้นเป็นสีขาวเล็กน้อย

“ซูจิ่นซี นี่เจ้ากำลังข่มขู่ข้า”

“หม่อมฉันไม่กล้า หม่อมฉันเพียงรู้สึกว่า… ”

รู้สึกอันใด ซูจิ่นซีไม่ได้พูดออกมา นางเพียงหันหลังและพูดว่า “เสื้อผ้าของหม่อมฉันเปรอะเปื้อนหมดแล้ว หม่อมฉันขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเพคะ”

ซูจิ่นซีพูดพลางก้าวลงบันไดศาลาร่มเย็น

น้ำเสียงเย็นชาของเยี่ยโยวเหยาดังตามหลังมาว่า “เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็มาที่นี่ ข้ายังมีธุระกับเจ้า”

ยังมีธุระ?

ต้องการเปิดเผยเรื่องที่จวนหลี่ใช่หรือไม่?

เรื่องที่นางไปจวนหลี่ เยี่ยโยวเหยาสืบทราบแล้วหรือ?

ภายนอกซูจิ่นซีดูเหมือนไม่มีอันใดเกิดขึ้น ทว่านางตกใจกับท่าทางของเยี่ยโยวเหยายิ่งนัก เมื่อกลับมาถึงเรือนอวิ๋นไค ซูจิ่นซีก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางรู้สึกว่าความตึงเครียดเมื่อครู่นี้ จนถึงตอนนี้ก็ยังตึงเครียดไม่หาย

ลวี่หลีก็ตกใจไม่น้อยเช่นกัน

“คุณหนู ท่านอ๋องรู้การเคลื่อนไหวของพวกเราแล้วหรือเจ้าคะ? อีกสักครู่ท่านอ๋องยังมีเรื่องเรียกท่านไปพบอีก หรือท่านอ๋องต้องการให้ท่านบอกความจริง? ท่านอ๋องจะเข้าใจท่านผิดหรือไม่เจ้าคะ? ”

ตอนที่ฮ่องเต้พระราชทานสมรสให้นางกับเยี่ยโยวเหยา เยี่ยโยวเหยาก็เคยสงสัยว่านางเป็นสายลับที่ฮ่องเต้ส่งมา

ตอนนี้ฮ่องเต้สูญเสียอำนาจแล้ว อำนาจในราชสำนักทั้งหมดอยู่ในมือของเยี่ยโยวเหยา ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญนี้ในฐานะที่นางเป็นพระชายาของเยี่ยโยวเหยา นางกลับปิดบังเยี่ยโยวเหยาและแอบออกไปพบกับขุนนางชั้นผู้ใหญ่

ยากที่จะทำให้ผู้คนไม่คิดมาก

“ข้าเองก็ไม่รู้ เปลี่ยนเสื้อผ้าเถิด! ”

ซูจิ่นซีกล่าว

นางได้ทำทุกอย่างไปแล้ว หากเยี่ยโยวเหยาสืบพบอันใดเข้าจริงๆ นางก็เพียงอธิบายให้เยี่ยโยวเหยาฟังอย่างชัดเจนเท่านั้น