บทที่ 433 ยอดฝีมือ!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

บทที่ 433 ยอดฝีมือ! โดย Ink Stone_Fantasy

วิสัยทัศน์ของเฉินมู่ดับลงขณะที่เขากระอักเลือดออกมา แรงปะทะจากระเบิดนั้นรุนแรงมาก ความโกรธแค้นคุกรุ่นสุมอยู่เต็มอก ชายหนุ่มโอนเอนไปมาก่อนจะล้มลงหมดสติไป

ระหว่างที่เฉินมู่หมดสติอยู่ ณ สนามรบในนครใหม่ ทุกคนรวมถึงหวังเป่าเล่อต่างจ้องมองตาค้างไปยังงูเหลือมยักษ์พร้อมอ้าปากเหวอ แม้จะสัมผัสได้ว่าลาของหวังเป่าเล่อควบคุมหุ่นเชิดได้แล้ว แต่พวกเขาก็ยังหวาดระแวงงูเหลือมยักษ์น่าสะพรึงกลัวเบื้องหน้าอยู่ดี

ขณะที่ฝูงชนกำลังจับตาดูสถานการณ์อยู่อย่างระแวดระวัง หวังเป่าเล่อก็กลับมาหายใจเป็นปกติ งูเหลือมยักษ์ที่เจ้าลาเข้าควบคุมตัวสั่นระริก ค่อยๆ หดเล็กลง ภาพของงูเหลือมยักษ์ค่อยๆ เลือนหายไปขณะที่ตัวของมันหดเล็กลงเรื่อยๆ

ในที่สุด…ขาสี่ข้างก็พลันปรากฏ…ศีรษะของงูยักษ์หดเล็กลงและค่อยๆ ยืนยาวออกไป การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดใช้เวลาเพียงไม่นาน งูยักษ์เบื้องหน้าหายวับไปต่อหน้าฝูงชนก่อนจะกลายร่างเป็น…เจ้าลา!

มันสะบัดตัว ปรับสายตา ก่อนก้มลงสำรวจร่างกายตนเอง ดวงตาของมันฉายแววว่างเปล่าราวกับว่าเพิ่งตื่นจากฝัน มันยังปรับตัวกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ได้ เจ้าลาตาเบิกกว้างเมื่อเห็นสายตาประหลาดมากมายที่จับจ้องมา มันรีบไปหลบข้างๆ หวังเป่าเล่อ ดูยังระแวดระวังแต่ก็พยายามตีหน้าใสซื่อบริสุทธิ์ มันจ้องหวังเป่าเล่อ จากนั้นก็เอาหัวถูหน้าขาพยายามอ้อนเอาอกเอาใจชายหนุ่ม

เจ้าลาดู…เชื่องมาก ราวกับกำลังเว้าวอนขอไม่ให้หวังเป่าเล่อกินมัน

ชายหนุ่มยกเท้าเตะเจ้าลาโดยไม่รู้ตัว จากนั้นภาพความสยองขวัญของงูเหลือมยักษ์ก็พลันปรากฏขึ้นในหัวทำให้เขาชะงักไป…กลัวว่าเจ้าลาจะกลายร่างเมื่อโดนเตะเข้า

*เจ้าลาก็ไม่ได้แย่ ข้าจะทำร้ายมันตลอดก็ไม่ดี แต่ก็ไม่ได้เพราะว่าข้ากลัวอะไรหรอกนะ…*หวังเป่าเล่อพูดปลอบตนเอง ความอดสูที่อัดแน่นอยู่ภายในทำให้เขาทนแทบไม่ไหว เจ้าลาได้พัฒนาตนจากอาวุธกระจอกๆ ไปเป็นอาวุธพิฆาต ไม่ใช่ลาตัวเดิมอีกต่อไป ชายหนุ่มกลัวว่าหากตนยังรังแกมันอยู่เช่นนี้ มันอาจจะสู้กลับเข้าสักวัน เขายังอยู่เพียงขั้นรากฐานตั้งมั่นชั้นสมบูรณ์ ในขณะที่งูเหลือมยักษ์มีปราณขั้นกำเนิดแก่นในชั้นสมบูรณ์ ความแตกต่างระหว่างทั้งสองทำให้หวังเป่าเล่อรู้สึกเป็นรอง…

ระหว่างที่หวังเป่าเล่อกำลังอดสูอยู่ ฝูงชนรอบๆ ก็เฝ้าจับตาดูสถานการณ์ไม่ห่าง เหล่าคนที่สูญเสียมิตรสหายไปเพราะงูเหลือมยักษ์ต่างเอ่อล้นไปด้วยความรู้สึกมากมาย เจ้าลาเองก็เป็นกังวลไม่แพ้กัน มันสัมผัสได้ถึงรังสีสังหารจากสายตาของบางคนได้ อีกทั้งเจ้านายก็ยังไม่ลงไม้ลงมือกับตน ซึ่งถือว่าแปลกมาก

จิตวิญญาณของมันสั่นคลอน ดวงตาฉายแววหวาดหวั่นเมื่อสัมผัสได้ถึงภัยอันตราย มันผุดคิดได้ว่าหวังเป่าเล่อเคยพูดว่าจะเชือดมันมาทำเป็นอาหารจึงเริ่มกระวนกระวาย พยายามออดอ้อนหวังเป่าเล่อหนักขึ้น ถึงกับแลบลิ้นเลียมือชายหนุ่ม…

หวังเป่าเล่อเริ่มหงุดหงิดเมื่อโดนเลีย แต่เจ้าลาก็เป็นกังวลและหวาดกลัวมาก มันเลียไม่หยุดจนมือเขาชุ่มไปด้วยน้ำลาย ชายหนุ่มหันไปจ้องเจ้าลา และไม่อาจห้ามใจตัวเองได้จึงยกเท้าเตะอีกฝ่ายด้วยความเคยชิน

เขาเพิ่งจะรู้ตัวเอาก็ตอนที่ได้ยกขาเตะออกไปแล้ว ในใจคิดอยากจะยั้งขาตนไว้ ทว่าดวงตาของเจ้าลากลับฉายแสงวาบ มันรีบปลดปล่อยความเร็วทั้งหมดที่มี…ไม่ได้เพื่อหลบ แต่พุ่งเข้าใส่ลูกเตะ ก่อนจะโดนส่งลอยไปไกล

หวังเป่าเล่อมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยสีหน้าประหลาด เจ้าลาดูจะสบายใจขึ้น ตราบเท่าที่มันโดนทุบตี ทุกสิ่งก็จะไม่เป็นปัญหา มันกระโดดหย็องแหย็งไปมาพร้อมกับร้องลั่นด้วยความสุขใจ

“ลูกข้า! ลูกข้า!”

หวังเป่าเล่อเริ่มโล่งใจเมื่อได้ยินเสียงร้องของเจ้าลา ทว่าเขาก็สังเกตเห็นใบหน้าที่ซับซ้อนและรังสีอาฆาตของผู้ฝึกตนคนอื่นๆ รู้ดีว่าเจ้าลาอาจเป็นชนวนทำให้เพลิงแค้นในใจใครหลายคนปะทุขึ้น แม้มันจะไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ความเจ็บแค้นของฝูงชนนั้นเป็นเรื่องที่จัดการได้ยากยิ่ง

ความแตกต่างระหว่างงูเหลือมยักษ์ที่มีพลังอำนาจล้นเหลือและเจ้าลาที่มีท่าทีว่านอนสอนง่ายอาจจะทำให้ฝูงชนคิดเอาความแค้นมาลงที่มันแทน

ความคิดมากมายผุดขึ้นในหัว ชายหนุ่มใช้สมองคิดอย่างหนัก เขาก้าวออกไปยืนหน้าเจ้าลา ก่อนจะเตะอัดมันเข้าอีกครั้ง และร้องคำรามขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด

“เจ้ายังจะกล้าร้องอยู่อีกหรือ”

เจ้าลากรีดร้องออกมาเมื่อโดนเตะ มันไม่ได้เจ็บ เพียงแต่เคยชินกับการส่งเสียงร้องเมื่อโดนลงไม้ลงมือ ขณะที่มันร้องลั่น หวังเป่าเล่อก็จับหมับเข้าที่หูยาวของมันก่อนจะลงมือทุบตี

เจ้าลาตัวสั่นเทิ้ม เริ่มรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ ก่อนจะคิดดิ้นรนขัดขืน แต่ก็หันไปเห็นสายตาดูหมิ่นของชายหนุ่ม

“เจ้าอาจจะบริสุทธิ์ เป็นเพียงเหยื่อตัวหนึ่งที่โดนงูเหลือมยักษ์กลืนเข้าไป แต่ขณะที่ทุกคนกำลังเศร้าโศก เจ้ากลับกล้าดีเปล่งเสียงร้องออกมาหรือ” หวังเป่าเล่อตะโกนเสียงดัง เขาลงมือต่อยตีเจ้าลา ไม่ได้เสแสร้ง แต่กำลังทุบตีสั่งสอนอยู่จริงๆ

เจ้าลารู้สึกผิด แต่เมื่อเห็นสายตาของอีกฝ่ายก็เหมือนจะเข้าใจสถานการณ์ขึ้นมา จึงเริ่มกรีดร้องสุดเสียง ถึงกับดิ้นรนเว้าวอนร้องขอให้ไว้ชีวิต

“อ้อนวอนไปก็เปล่าประโยชน์ แม้เจ้าจะทุ่มเทอย่างหนักเพื่อช่วยพวกเราไว้ แม้ว่าถ้าขาดเจ้าไปพวกเราคงจะตายกันหมดแล้ว ข้าก็ยังต้องทุบตีสั่งสอนเจ้า!”

“และแม้เจ้าจะกัดฟันสู้จนเข้าควบคุมหุ่นเชิด ช่วยนครใหม่รวมถึงชีวิตของพวกเราทั้งหมดไว้ได้ ข้าก็ยังต้องสั่งสอนเจ้าอยู่ดี!” หวังเป่าเล่อทุบตีเจ้าลาไม่หยุดพร้อมกับเหลือบมองท่าทีของคนรอบๆ เจ้าลาเหมือนจะเข้าใจว่าชายหนุ่มกำลังทำอะไรจึงกรีดร้องลั่นอย่างน่าเวทนา

ฝูงชนรอบๆ ต่างตื่นตกใจกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้า ไม่นานสีหน้าทุกคนก็เริ่มแปรเปลี่ยน พวกเขาตระหนักแล้วว่าหวังเป่าเล่อตั้งใจจะสื่ออะไร ชายหนุ่มพยายามจะบอกว่าอ้อมๆ ว่าทั้งหมดไม่ใช่ความผิดของเจ้าลาเลยแม้แต่นิด จริงๆ แล้วมันได้สร้างบุญคุณครั้งใหญ่ในการช่วยชีวิตทุกคนไว้ต่างหาก

นอกจากนี้เขายังได้สั่งสอนเจ้าลาไปแล้วด้วย พวกเขาจึงไม่ควรเอาความเจ็บแค้นของตนไปลงที่เจ้าลาโดยไม่มีเหตุผล…ข้อความที่ชายหนุ่มต้องการจะส่งผ่านการกระทำเป็นที่ประจักษ์ต่อทุกคน เหล่าคนที่สูญเสียสหายไปในสนามรบได้แต่ถอนหายใจเงียบๆ อยู่ภายใน

หวังเป่าเล่อเห็นสีหน้าของพวกเขาก็เริ่มรู้สึกโล่งใจ แต่ว่าเขาต้องแสดงต่อให้จบจึงเตะอัดเจ้าลาและมองจ้องมันอีกครั้ง จากนั้นก็ยกมือขวาขึ้น พลันกระบี่อาวุธเวทก็ปรากฏขึ้นในมือ ชายหนุ่มจับหัวเจ้าลา ยกกระบี่ขึ้นพร้อมตะโกนเสียงดัง

“เหล่าสหายเต๋า แม้เจ้าลาจะช่วยชีวิตพวกเราไว้ แม้ว่าเราจะเป็นหนี้บุญคุณมหาศาล แม้ว่ามันจะตกเป็นเหยื่อเช่นกัน แต่งูเหลือมยักษ์ก็ได้กลืนกินผู้ฝึกตนไปมากมาย ข้าต้องฆ่าเจ้าลาที่แสนใสซื่อบริสุทธิ์ตัวนี้เพื่อแก้แค้นให้สหายที่เสียชีพไป!”

ทันทีที่หวังเป่าเล่อพูดจบ หลินเทียนหาวก็ก้าวออกมาข้างหน้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียดก่อนจะพูดเสียงดัง “ท่านเจ้าเมือง เจ้าลาตัวนี้เป็นผู้บริสุทธิ์ เราไม่ควรจะเอาความแค้นไปลงกับมัน!”

กลุ่มคนจากสี่ยอดสำนักศึกษาเต๋าต่างรีบก้าวออกมาด้วยสีหน้าแปลกแปร่งเพื่อขอให้หวังเป่าเล่อยั้งมือ กงเต๋าถอนหายใจก่อนจะพึมพำกับตัวเอง แม้ทุกคนจะรู้ว่าทั้งหมดเป็นเพียงการแสดง แต่ก็เข้าใจดีว่าหวังเป่าเล่อต้องการจะทำอะไร

จินตั้วหมิงยิ้มกริ่ม รู้ดีว่าเหตุผลหลักที่หวังเป่าเล่อทำเช่นนี้ก็เพราะเขาเอง แต่ชายหนุ่มไม่ใช่คนไม่สนเหตุสนผลจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เป่าเล่อ เจ้าจะโทษเจ้าลาไม่ได้ มันมีบุญคุณกับเรามาก!”

ทันทีที่จินตั้วหมิงพูดจบ ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็สูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะถอนหายใจพร้อมจ้องไปทางเจ้าลา

“เจ้าลาตัวนี้มีความพิเศษ แม้จะโดนหลอมรวมกับหุ่นเชิดก็ยังสามารถต้านทานการควบคุมของหุ่นเชิด กลืนกินวิญญาณตนอื่นๆ และเข้าควบคุมหุ่นเชิดแทน มันพังแผนทั้งหมดของผู้ที่อยู่เบื้องหลังทิ้ง ทุกสิ่งที่คนผู้นั้นทำไปถือว่าสูญเปล่าหมด กลายเป็นประโยชน์ต่อเจ้าลาแทน!”

“แม้ตอนนี้มันจะอยู่เพียงขั้นรากฐานตั้งมั่น แต่ใครจะรู้เล่า วันหนึ่งมันอาจจะสามารถแปลงกายเป็นงูเหลือมยักษ์…ขั้นกำเนิดแก่นในชั้นสมบูรณ์ได้!” พูดจบ ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในก็หันไปมองหวังเป่าเล่อ เขาไม่คิดเก็บซ่อนความอิจฉาที่สะท้อนผ่านในแววตา ไม่ใช่แค่เพียงเขา ทุกคนต่างมีสีหน้าเช่นเดียวกัน แม้แต่ต้วนมู่ฉี ประธานสหพันธรัฐบนโลกก็ต้องนึกอิจฉาไม่ต่างจากพวกเขา

เหตุเพราะเจ้าลาตัวนี้เป็นสัตว์อสูรที่สามารถกลายเป็นอสูรขั้นกำเนิดแก่นในได้!

ทุกคนต่างคิดคำนวณราคาของเจ้าลาหลังจากข่าวเหตุการณ์นี้แพร่สะพัดออกไป ปัจจุบันค่าตัวของมันก็อยู่แล้ว แต่หลังจากวันนี้ไป มูลค่าของมันจะพุ่งสูงขึ้นไปอีกมาก…

“มันคือยอดฝีมือ!” หลินเทียนหาวสูดหายใจลึกก่อนจะพูดออกไป

“ฝีมือของมันช่างเหนือชั้นเกินบรรยาย!” จินตั้วหมิงได้ข้อสรุปในทันที ดวงตาฉายแสงวาบขณะที่กำลังพึมพำกับตนเอง ชายหนุ่มคิดว่าตนควรหารือกับหวังเป่าเล่ออีกครั้งเผื่อจะมีโอกาสขอซื้ออสูรยอดฝีมือตัวนี้มาเป็นของตน