บทที่ 1283+1284

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1283+1284 โดย Ink Stone_Romance

บทที่ 1283 ความหวังที่จะออกไป

หลัวจั่นอวี่เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ใช่แล้ว ซีจิ่ว เจ้าก็รู้ใช่ไหมว่าผู้คนที่ถูกขังไว้ที่นี่ส่วนใหญ่ล้วนเกี่ยวข้องกับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตี้ฝูอีทั้งสิ้น ดังนั้นบุคคลนี้นามนี้เป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับที่นี่ ทุกคนล้วนไม่เอ่ยถึง พวกบุรุษชิงชังเขา เหล่าสตรีทั้งรักทั้งชังเขา…ข้าเดาว่าถูกขังมานานหลายปีเช่นนี้ ต่อให้เป็นเหล่าสตรีความรู้สึกที่มีต่อเขาก็น่าจะเปลี่ยนเป็นชังมากกว่ารักแล้วกระมัง ดังนั้นต่อไปนี้อยู่ที่นี่ห้ามเอ่ยถึงเขาอีก เลี่ยงไม่ให้เกิดความไม่พอใจใดๆ ขึ้น”

กู้ซีจิ่วพยักหน้ารับ เธอไม่ใช่คนที่ชอบแบ่งปันเรื่องราวในใจกับคนอื่น ดังนั้นเรื่องราวที่เกี่ยวกับเธอและเขาเธอจะทำให้มันเน่าอยู่ในท้องซะ ไม่เอ่ยถึงกับผู้ใด

เธอเริ่มฝังเข็มให้หลัวจั่นอวี่เป็นครั้งที่สอง..

วิธีของเธอยังมีประสิทธิภาพยิ่งนัก หลังจากฝังเข็มครั้งสองเสร็จ พอตกเย็น ขาของหลัวจั่นอวี่ก็สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวได้ดั่งใจนึกแล้ว ถึงแม้จะยังยืนไม่ได้ แต่สามารถขยับเขยื้อนได้แล้ว

….

ตกดึก ใต้ต้นไม้ยักษ์มีกองไฟลุกโชน

บนกองไฟย่างสัตว์ชนิดต่างๆ ไว้ หญิงชายในหมู่บ้านร้องเล่นเต้นระบำอยู่รอบกองไฟ

นี่เป็นความรื่นเริงเพียงอย่างเดียวของที่นี่ โดยใหญ่จะจัดขึ้นทุกครึ่งเดือน หนึ่งคือเพื่อปลุกเร้าอารมณ์เชิงบวกของผู้คน สองคือเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์กัน

แต่ครั้งนี้กลับทำลายธรรมเนียมเดิม จัดขึ้นในวันที่สิบ เนื่องจากนี้เป็นงานเฉลิมฉลอง ฉลองให้แก่หลัวจั่นอวี่หัวหน้าของพวกเขาที่ในที่สุดก็ลุกขึ้นยืนได้แล้ว!

เป็นอย่างที่กู้ซีจิ่วได้ให้คำมั่นไว้ หลังจากหลัวจั่นอวี่ฝังเข็มครั้งที่สามเสร็จ ขาทั้งสองก็มีความรู้สึกกลับคืนมาโดยสมบูรณ์ ยามที่เขาสละรถเข็นคันน้อยทิ้ง แล้วอาศัยกำลังขาทั้งสองค่อยๆ ลุกขึ้นยืน เสียงปรบมือดังสนั่นหวั่นไหวก็ดังขึ้นจากรอบข้าง แทบทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนเริ่มไชโยโห่ร้อง

ปาฏิหาริย์! กู้ซีจิ่วสร้างปาฏิหาริย์แล้ว!

สำครับผู้คนที่ถูกขังไว้ ปาฏิหาริย์ที่กู้ซีจิ่วสร้างขึ้นมิได้ง่ายดายเพียงรักษาคนผู้หนึ่งให้หายดีเท่านั้น

นางยังทำให้ทุกคนมองเห็นความหวังที่จะออกไปได้ด้วย

ใช่แล้ว ความหวังที่จะออกไป

ถึงแม้ที่นี่จะเป็นสถานที่ปิดตาย แต่ไอวิญญาณของที่นี่ก็หนาแน่นยิ่งนัก ประกอบกับผลไม้พิเศษของต้นไม้ยักษ์ ไม่เพียงกินให้อิ่มท้องได้เท่านั้น ยังปรับปรุงสมรรถภาพร่างกายได้ด้วย ทำให้ผู้คนฝึกฝนได้ง่ายขึ้น ผนวกกับบางครั้งก็มีสัตว์ร้ายบุกเข้ามาบ้างเป็นครั้งคราว ทำให้ผู้คนได้ต่อสู้ในสถานการณ์จริงอยู่บ้าง ต่อสู้สุดชีวิตอยู่หลายครั้ง ทำให้ฝูงชนตระหนักถึงความทุกข์ยากอยู่เสมอ พลังวิญญาณและพลังยุทธ์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ฝึกฝนอยู่ที่นี่หนึ่งปีเทียบได้กับการฝึกฝนอยู่ด้านนอกสองสามปี นี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ที่นี่มียอดฝีมืออยู่มากมายถึงเพียงนี้ พลังวิญญาณขั้นเจ็ดขั้นแปดเป็นมาตรฐานทั่วไป

อันที่จริงแล้วหลายปีมานี้ฝูงชนไม่เคยหยุดค้นหาทางออกเลย ติดอยู่เพียงว่าหาความหวังที่จะออกไปไม่พบเลยสักน้อย

และเมื่อสามปีก่อน ตอนที่บางคนขึ้นไปเก็บเกี่ยวผลไม้บนต้นไม้ยักษ์ บังเอิญมองเห็นอักษรทองแถวหนึ่งจารึกอยู่บนต้นไม้ว่า ‘เก้าเก้าเป็นหนึ่งจึ่งเห็นทิวากร’

อักษรแถวนี้เสมือนปริศนาธรรม ฝูงชนใคร่ครวญหารือกันอยู่หลายวัน สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปที่ค่อนข้างเป็นเอกฉันท์ นั่นก็คือคนที่ถูกขังไว้ที่นี่ น่าจะต้องฝึกฝนจนบรรลุขั้นเก้าถึงจะทำลายเขตคุมขังได้ แล้วออกไปพบเห็นดวงตะวันได้อีกครั้ง

ทุกคนล้วนทราบกันดี พลังวิญญาณขั้นเก้ายากจะฝึกฝนบ่มเพาะออกมาได้ ทั่วทั้งแผ่นดินคนที่บรรลุพลังวิญญาณขั้นเก้านั้นนับนิ้วเอาได้เลย เพียงสิบนิ้วก็สามารถนับได้ครบแล้ว

อีกทั้งต้องมีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยม เงื่อนไขการฝึกฝนที่เหมาะสม ประกอบกับต้องใช้ยาลูกกลอนควบคู่ไปด้วย ถึงจะมีความเป็นไปได้ว่าจะฝึกฝนถึงขั้นนั้นได้

สองเงื่อนไขแรกสำหรับผู้คนที่นี่นับว่าเข้าขั้นแล้ว มีเพียงยาลูกกลอนเท่านั้นที่พวกเขาไม่อาจแสวงหาได้

ตอนที่พวกเขาเพิ่งเข้ามาย่อมพกยาลูกกลอนสารพัดอย่างติดตัวมาด้วยอยู่แล้ว แต่เมื่ออยู่ที่นี่มีแต่จะลดไม่มีเพิ่ม ระยะเวลาไม่กี่ปีก็บริโภคจนหมดสิ้นไปแล้ว!

————————————————————————————-

บทที่ 1284 เขาทำอะไรอยู่นะ?

ความจริงแล้วป่วยไข้บาดเจ็บยังพอว่า อย่างไรเสียสมรรถภาพร่างกายของคนที่นี่ล้วนไม่เลวเลย ประกอบกับมีหลัวจั่นอวี่เป็นหมอคอยดูแล ทุกคนล้วนผ่านพ้นไปได้อย่างไร้ความเสี่ยง ต่ยามที่พลังวิญญาณขั้นแปดจะฝ่าทะลวงไปสู่ขั้นเก้าจะต้องใช้ยาลูกกลอนระดับเจ็ดชนิดหนึ่ง ยาลูกกลอนชนิดนั้นเรียกว่าลูกกลอนคุ้มวิญญาณ

อย่าได้ดูแคลนการทะลวงจากขั้นแปดไปสู่ขั้นเก้า เรื่องนี้สำหรับผู้ฝึกฝนทุกคนแล้วเป็นอุปสรรคใหญ่หลวงอย่างหนึ่ง เมื่อบรรลุขั้นเก้าจึงถือว่าเข้าใกล้การเป็นเซียนแล้ว ร่างกายจะเกิดความเปลี่ยงแปลงอย่างมหาศาล ระหว่างที่ฝ่าทะลวงอยู่ ความเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้ร่างกายคนทนรับไม่ไหว จะเปรียบเสมือนหายนะในตำนานที่เล่าขานกัน หากผ่านไปได้จะกลายเป็นเซียนอย่างแท้จริง แต่ถ้าล้มเหลวจะเกิดผลกระทบเนื่องจากทนรับพลังวิญญาณพลุ่งพล่านไม่ไหว ตัวคนจะระเบิด แม้กระทั่งดวงวิญญาณจะก็ระเบิดเป็นเสี่ยงๆ ไม่อาจรวมตัวได้อีก

และลูกกลอนคุ้มวิญญาณจะถูกนำมาใช้ในช่วงเวลาเช่นนี้ ลุกกลอนคุ้มวิญญาณสามารถป้องกันร่างกายจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเส้นเลือด บรรเทาความรุนแรงได้ คุ้มกันการฝ่าทะลวงขั้นให้ราบลื่น หากไม่มีการปกป้องจากลูกกลอนคุ้มวิญญาณ ในหนึ่งร้อยคนที่ฝ่าทะลวงสู่ขั้นเก้า จะมีเก้าสิบเก้าคนที่ระเบิดเป็นจุณ แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของโอสถคุ้มวิญญาณนี้

ส่วนหลัวจั่นอวี่เพิ่งพบอักษรทองแถวนี้ได้ไม่นานก็ฝ่าทะลวงสู่ขั้นเก้า เขาไม่มีลูกกลอนคุ้มวิญญาณติดตัว เคราะห์ดีที่เมิ่งซู่เหยียนมีอยู่เม็ดหนึ่ง นางอนุเคราะห์ให้ ถึงทำให้หลัวจั่นอวี่ทะลวงขั้นอย่างปลอดภัยได้

แต่ก็มีแค่เม็ดนั้นเม็ดเดียว ไม่มีเม็ดอื่นแล้ว

ดังนั้นผู้คนที่บรรลุระดับแปดแล้วของที่นี่จึงไม่กล้าทวงขั้นขึ้นไปอีก ไม่กล้าทุ่มเทฝึกฝนอย่างสุดชีวิต…

แต่ยามนี้กู้ซีจิ่วกลับเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถระดับสูง อายุยังน้อยก็สามารถหลอมกลั่นโอสถระดับหกได้แล้ว เช่นนั้นถ้านางฝึกฝนวิชาหลอมกลั่นต่อไปให้ดีๆ การหลอมโอสถระดับเจ็ดก็ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว! เมื่อมีลูกกลอนคุ้มวิญญาณระดับเจ็ด พวกเขาก็สามารถทะลวงขั้นได้อย่างปลอดภัย วันคืนที่จะได้ออกไปพบเห็นดวงตะวันอีกครั้งก็อยู่แค่เอื้อมแล้ว

กู้ซีจิ่วคือความหวังของพวกเขา! พวกเขาย่อมดีอกดีใจ อยากจัดงานฉลองเป็นธรรมดา

นำสุราที่ดีที่สุดออกมา นำเนื้อที่ที่สุดออกมาด้วย พวกผู้หญิงก็งัดฝีมือการครัวที่ยอดเยี่ยมที่สุดออกมาปรุงอาหารจำนวนหนึ่ง ส่วนพวกผู้ชายก็คอยช่วยเก็บกวาด สุขสันต์เบิกบานกันถ้วนหน้า

เหล่าบุรุษของที่นี่ยินดีปรีดาเป็นที่สุด เมื่ออกไปจากที่นี่ได้พวกเขาจะเป็นยอดฝีมือผู้เลิศล้ำ และไม่ต้องกังวลเรื่องการหาศรีภรรยาอีกแล้ว!

แทบทุกคนล้วนมาคารวะสุรากู้ซีจิ่ว แน่นอนว่าคนกว่าสี่สิบคนแห่แหนกันมาคารวะคนเพียงคนเดียวย่อมน่าหวาดหวั่นยิ่งนัก โชคดีที่ในใจของคนเหล่านี้เลื่อใสในตัวเธอ ในใจของพวกเขากู้ซีจิ่วล้ำค่ายิ่งกว่าหมีแพนด้าพันตัวเสียอีก ไม่กล้าทำให้เธอบาดเจ็บหรืออึดอัดเลยสักนิด ดังนั้นตอนที่ทุกคนคารวะสุราเธอ ล้วนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘ข้าหมดจอก ส่วนเจ้าจิบนิดเดียวก็พอ’

ด้วยเหตุนี้กู้ซีจิ่วจึงจิบเพียงเล็กน้อย

กู้ซีจิ่วไม่อยากดื่มจนเมา เนื่องจากเธอรู้ว่าระดับความเมามายของตน กล่าวได้ว่าน่าสะพรึงยิ่งนัก เธอไม่อยากเมาแล้วคลั่งในฝูงบุรุษเช่นนี้!

ดังนั้นตอนที่ดื่มสุราช่วงแรกเธอจึงจิบเอาจริงๆ แต่บางทีอาจเป็นเพราะกองไฟเร่าร้อนเกินไป อารมณ์ของฝูงชนก็คึกคักฮึกเหิมเกินไป และบางทีอาจเป็นเพราะผู้คนที่มาคารวะสุราเธอมีมากมายเกินไป การดื่มช่วงหลังๆ กู้ซีจิ่วจึงค่อนข้างปล่อยตัว ดื่มจอกแล้วจอกเล่า ในดวงตาที่ฉ่ำเยิ้มด้วยฤทธิ์สุรา มีเงาร่างของตี้ฝูอีวูบไหวอยู่

หากว่าเธอไม่ได้หนีมา วันนี้จะเป็นพิธีมงคลสมรสของเธอกับตี้ฝูอี คืนนี้ควรจะเป็นคืนที่เธอกับขาดับเทียนอยู่ร่วมหอ…

เคยเป็นวันที่เธอกับเขาตั้งตารอคอย ตอนนี้…

เขาทำอะไรอยู่นะ?

งานแต่งนั้นคงจะล้มเลิกไปแล้วกระมัง?

ท้ายที่สุดแล้วเธอกับเขาก็ไร้สาสนาต่อกัน…

“ซีจิ่ว ซีจิ่ว…” มีคนกำลังเรียกเธออยู่ น้ำเสียงดึงดูด สุ้มเสียงทุ้มต่ำ

เธอพลันแข็งทื่อไปทั้งตัว รู้สึกคล้ายว่าได้ยินเสียงของตี้ฝูอี

————————————————————————————-