ตอนที่ 45-4 เจ้าจริงที่สุด ข้ารู้

เขาสั่งให้ข้าเป็นราชินี [ส่วนที่ 2]

หลังจากที่นางจากไปไม่นาน ในบ้านหิมะ เหยียลี่ว์ฉีค่อยๆ ลืมตา

 

 

ราวกับรับรู้ได้ด้วยใจ เหยียลี่ว์สวินหรูพลันเข้ามาใกล้ สบตาของเขา เผยให้เห็นใบหน้ายิ้มแย้มอย่างสุขุมของตนเอง

 

 

แววตาของเหยียลี่ว์ฉีเหนื่อยล้านิดหน่อย ถอนใจเสียงหนึ่ง “เหตุใดต้องจงใจเอ่ยกับนางเช่นนี้? ทั้งที่ท่านเดาได้ว่าข้ามอบเทียนเซียงจื่อให้นางแล้ว”

 

 

“รู้อยู่แล้วว่าเจ้าแอบฟัง” เหยียลี่ว์สวินหรูตีมือของเขา “ทำเรื่องดีไม่เอ่ยออกมา เปรียบเสมือนสวมชุดแพรท่องราตรีนะ”

 

 

เหยียลี่ว์ฉีกระแอม “ท่านทำเช่นนี้เท่ากับเพิ่มภาระให้นาง นางแบกรับไว้มากพอแล้ว”

 

 

“ข้าไม่คิดเช่นนี้” เหยียลี่ว์สวินหรูไม่เห็นด้วย “น้ำใจของเจ้า เหตุใดถึงให้นางเห็นไม่ได้? รักก็ต้องรักอย่างซื่อตรง เกลียดก็ต้องเกลียดอย่างชัดเจน ข้าไม่บังคับให้นางเป็นน้องสะใภ้ข้า ทว่าข้าก็ไม่เห็นด้วยที่เจ้าไม่กล้าช่วงชิง”

 

 

“ไม่กล้าช่วงชิงหรือ…” เหยียลี่ว์ฉีส่ายหน้านิดหน่อย หัวเราะเล็กน้อย “ไม่ ข้าก็ไม่คิดเช่นนี้”

 

 

“เจ้าบาดเจ็บได้อย่างไรกันแน่? คนเช่นจิ่งเหิงปัวนี้จะปลิดชีพตนเองได้อย่างไร?”

 

 

แววตาของเหยียลี่ว์ฉีหม่นหมองเล็กน้อย ทาบหน้าอกไว้ การแทงครั้งนี้ลึกยิ่งยวด อันตรายยวดยิ่ง จินตนาการได้ว่ายามนั้นจิ่งเหิงปัวใช้แรงมากเพียงใด

 

 

คนธรรมดาแทงตนเองย่อมมือไม้อ่อนแรงได้ง่าย เหตุใดนางถึงตัดไมตรีเช่นนี้? ด้วยเพราะในใจเต็มไปด้วยความตั้งใจที่จะทุบหม้อจมเรือมากเกินไป หรือว่าครู่หนึ่งนั้นนางยังโศกเศร้าเสียใจ?

 

 

จากนั้นเขาหัวเราะแผ่วเบา “นี่ก็คือสาเหตุที่ข้าอยากให้ท่านไม่ต้องสิ้นเปลืองความคิดมากเกินไป”

 

 

“อืม?”

 

 

“นางเปลี่ยนใจในภาพมายาด้วยเพราะการเข้าร่วมของข้า ทว่าในใจนางยังหวาดระแวงไม่สบายใจ นางแทงตนเองครั้งนั้น นับว่าหยั่งเชิง”

 

 

“หยั่งเชิง?”

 

 

“นางเลือกอีกครั้ง ไม่ได้แทงกงอิ้นเช่นครั้งนั้นอีกแล้ว ทว่าเลือกแทงตนเองต่อหน้ากงอิ้น นางอยากเห็นว่ากงอิ้นจะช่วยนางหรือไม่ กงอิ้นรักนางอย่างแน่วแน่หรือไม่ กงอิ้นใส่ใจนางเท่าใดกันแน่”

 

 

“จิ่งเหิงปัวไม่คล้ายผู้ที่อ่อนแอขนาดนี้ นางไม่ต้องใช้วิธีการเช่นนี้ไปขอร้องให้ผู้อื่นพิสูจน์ความรู้สึกที่มีนาง”

 

 

“นางไม่ต้องการให้ผู้อื่นทำเช่นนี้ ทว่าต้องการกงอิ้น” เหยียลี่ว์ฉีหัวเราะแผ่วเบา เผยให้เห็นความอ้างว้างกับความอ่อนเพลียที่ยากที่จะซ่อนไว้เสี้ยวหนึ่งในรอยยิ้มจนได้ “หากนางได้สติ นางคงไม่ทำเช่นนี้แน่แท้ ทว่าสิ่งที่แสดงให้เห็นในภาพมายาคือความอ่อนแอกับความปรารถนาที่ลึกที่สุดในใจมนุษย์ สิ่งนี้ชี้ให้เห็นความใส่ใจกับความรู้สึกที่แตกต่างที่นางมีให้กงอิ้นได้”

 

 

 

 

ในป่าทึบ จิ่งเหิงปัวหาต้นไม้เก่าแก่ร้อยปีต้นหนึ่งเจอแล้ว ในโพรงของต้นไม้เก่าแก่นั้น นางพบเจอหมีขาวที่จำศีลตัวหนึ่งจริงด้วย

 

 

นางก้มตัวไปลากก้นหมีขาวที่อุดปากโพรงไว้อย่างแน่นหนา ลากออกมาไม่ได้ แต่ถอนขนกลุ่มใหญ่บนก้นหมียักษ์นั้นออกมา

 

 

เสียงคำรามของหมีสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ทั้งหุบเขาคล้ายกำลังสั่นเทิ้ม ก้อนหิมะนับมิถ้วนร่วงหล่นดังซู่ กระทบบนบ้านหิมะดังซ่า

 

 

“เจ้าดูสิ นางยังใส่ใจเจ้าไม่น้อย” เหยียลี่ว์สวินหรูเอ่ยอย่างมีความสุขว่า “ยามแรกก็เลือกหมีขาว จิ๊จ๊ะ ทำให้หมีขาวที่เกียจคร้านที่สุดในฤดูหนาวตกใจตื่นเร็วขนาดนี้ได้ วิธีที่นางยั่วโทสะหมีขาวคงไร้คุณธรรมยิ่งนักแน่แท้”

 

 

เหยียลี่ว์ฉีคล้ายกำลังยิ้มแย้ม ทว่าสายตาฉายแววกังวล พลันเอ่ยว่า “ขุดช่องประตู…ท่านพี่”

 

 

“ด้วยเพราะเหตุใด”

 

 

“ช่องประตูที่หันหน้าหาป่าไม้…”

 

 

เหยียลี่ว์สวินหรูถอนหายใจ “เจ้าไปช่วยไม่ได้เสียหน่อย ไกลขนาดนี้ มองเห็นหรือ?”

 

 

ทว่าสีหน้าดื้อรั้นของน้องชาย ทำให้นางไม่มีทางปฏิเสธ นางได้แต่ขุดช่องประตูทางที่บ้านหิมะหันหน้าหาป่าไม้ตามตำแหน่งที่เหยียลี่ว์ฉีชี้แนะ ให้เหยียลี่ว์ฉีนอนพิงกำแพง พอจะมองเห็นการเคลื่อนไหวในป่าไม้ฝั่งตรงข้ามได้ชัดเจน

 

 

พอขุดเปิดช่องประตูก็มีลมพัดมาหาเหยียลี่ว์ฉีโดยตรง เหยียลี่ว์สวินหรูถอนใจอีกครั้ง คลานไปนอกบ้านหิมะอย่างเหนื่อยหน่าย ตะโกนใส่ท้องฟ้าอย่างไม่พอใจว่า “สวรรค์! พี่น้องเหยียลี่ว์เป็นผู้ยึดมั่นในรัก เหตุใดท่านถึงไม่ยอมให้พวกเราได้สมปรารถนาบ้าง!”

 

 

เสียงตะโกนของนางสั่นสะเทือนจนหน้าผาหิมะที่อยู่ข้างบนส่งเสียงดังซ่า หิมะกลุ่มใหญ่ร่วงลงบนศีรษะนางดังเผละ

 

 

เหยียลี่ว์สวินหรูปัดหิมะที่อยู่บนศีรษะทิ้งไป ชี้สวรรค์อย่างโกรธแค้น “ชาตินี้ข้าทำไม่ได้แล้ว ชาติหน้าข้าต้องทำลายท่านให้ได้!”

 

 

 

 

ในป่าทึบ หมียักษ์ที่ถูกยั่วโทสะยืนขึ้นแล้วสูงเท่าหนึ่งคนครึ่ง จิ่งเหิงปัวเงยหน้ามองไปคล้ายเห็นเนินเขา เห็นแค่เขี้ยวสีเหลืองที่สัตว์นั้นแสยะให้เห็นรำไร

 

 

เงามืดที่ใหญ่โตปกคลุมเหนือศีรษะคล้ายแย่งชิงอากาศข้างบนนั้น นางรู้สึกหายใจลำบากนิดหน่อย แต่นางไม่ได้หยุดนิ่งแม้แต่น้อย เงาร่างกะพริบวูบพุ่งไปทางหมียักษ์ คว้ามีดบางในอ้อมแขนออกมาดังฟิ้ว ยังคงมองเห็นการกะพริบวูบที่คล้ายแสงขั้วโลกนั้นบนพื้นหิมะได้

 

 

ความเร็วของนางเรียกได้ว่าหนึ่งเดียวในโลกหล้า หมีหลบไม่พ้นจริงด้วย แต่มีดก็แทงไม่เข้าท้องของหมี…มีดลื่นไหลออกไปจากบนขนขาวราวหิมะ

 

 

ในใจนางหนักอึ้ง..หมีในหุบเขาหิมะแห่งเขาชีเฟิงนี้ไม่เหมือนที่อื่นจริงด้วย!

 

 

 

 

เหยียลี่ว์ฉีไม่ยอมหลับตาพักผ่อนเลย แม้เขารู้ว่าการพักผ่อนในยามนี้ถึงเป็นวิธีการรักษาบาดแผลที่ดีที่สุด

 

 

เสียงคำรามหลายระลอกในป่าหิมะ สาดซัดจนเกล็ดหิมะร่วงลงเหนือศีรษะดังซ่าตลอดเวลา หยาดหิมะกระแทกหลังคาบ้านดังโครมคราม ยามปกติฟังแล้วคงน่าดื่มด่ำยิ่งนัก ยามนี้ฟังแล้วกลับทำให้ในใจกังวล

 

 

ในบ้านหิมะ เหยียลี่ว์ฉีจ้องมองทางป่าทึบ ท้องฟ้าค่อยๆ มืดแล้ว เห็นได้เพียงหมอกหิมะที่เริ่มฟุ้งกระจายรำไร

 

 

เหยียลี่ว์สวินหรูที่เยือกเย็นไม่สนใจไยดีตลอดมาก็เผยให้เห็นสีหน้าไม่สบายใจเล็กน้อย ทว่าไม่ได้เอ่ยวาจา

 

 

ใกล้ครึ่งชั่วยามแล้ว ไม่ต้องเอ่ยถึงความอันตรายในการต่อสู้กับสัตว์ร้ายนี้ เพียงแค่ออกแรงเคลื่อนไหวเป็นเวลานานขนาดนี้ในสภาพอากาศเช่นนี้ เดิมทีก็เป็นเรื่องที่อันตรายยิ่งนัก

 

 

เสียงคำรามดังขึ้นอีกครั้ง สะท้านฟ้าสะเทือนดิน บ้านทั้งหลังกำลังสั่นเทิ้ม สองคนกลั้นหายใจ รอคอยเสียงร่วงหล่นดังตูมในครู่ต่อมา ทว่ายังไม่ได้ยินเสียงนั้น หลังจากนั้นชั่วครู่ก็เป็นเสียงคำรามไม่มีที่สิ้นสุด

 

 

เหยียลี่ว์ฉีลุกขึ้นนั่งโดยพลัน ทาบหน้าอกไว้ เดินออกไปข้างนอก

 

 

ทั้งที่เขาไม่ได้เปล่งเสียงเลยแม้แต่น้อย เหยียลี่ว์สวินหรูกลับพลันพุ่งเข้ามา ขวางปากประตูไว้ “เจ้าออกไปไม่ได้ สภาพอากาศเช่นนี้เจ้าเลือดออกมากเกินไป อันตรายยิ่งนักแล้ว กลับไป!”

 

 

เหยียลี่ว์ฉีขยับนางออกไปโดยไร้วาจา

 

 

เหยียลี่ว์สวินหรูไม่ได้ขัดขวาง หันกายเดินจากไป

 

 

เหยียลี่ว์ฉีพลันคว้าสาบเสื้อนางไว้

 

 

เหยียลี่ว์สวินหรูหันหลัง สองคนจ้องมองกันที่ปากประตูบ้านหิมะ ต่างคนต่างไม่ยอมถอย

 

 

ข้างในป่าทึบพลันระเบิดเสียงคำรามอีกครั้ง