ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 245 เขากดหล่อนอยู่ตรงนั้นอย่างโหดเหี้ยม
ต่อมาในขณะเดียวกันนั้น ด้านหลังมีชายหนุ่มร่างสูงกำลังอุ้มผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากที่นั้น
“แสนรัก! ปล่อยฉันนะ! ไอ้สารเลว ปล่อยฉันลงนะ!”
แบบนั้นเรียกว่าอุ้มจริงๆหรอ!
เพราะว่าผู้หญิงคนนี้ดีดดิ้นแรงมาก มือและเท้าของหล่อนพยายามออกแรงตะเกียกตะกาย เพื่อหวังจะสามารถลงจากตัวผู้ชายคนนี้ได้
แต่กำลังของผู้ชายคนนี้เยอะมาก
เขาไม่สนใจเสียงโวยวายที่โกรธเคืองของหล่อนเลยเขาใช้มือข้างเดียวอุ้มหล่อนออกมาจากที่นั้นด้วยใบหน้าที่เฉยเมย จากนั้นก็โยนหล่อนเข้าไปในรถเบนท์ลี่ย์สีดำที่กำลังสตาร์เครื่องจอดรอไว้ตรงทางเข้าของสตูดิโอได้อย่างง่ายดาย
ผู้คนรอบข้างต่างตกตะลึง!
โอ้พระเจ้า ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันแน่?
เมื่อเช้ายังเห็นหล่อนอยู่กับนักแสดงนำชายดีเด่นมาร์ติน
นักแสดงที่ร้อนแรงที่สุดในวงการบันเทิง แต่พอตกเย็นหล่อนก็เปลี่ยนมาอยู่กับผู้ชายอีกคนที่หล่อเทห์ขนาดนี้
ผู้ชายคนนี้ไม่ว่าจะเป็นพละกำลังหรือใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา ก็รู้ว่าไม่ใช่ผู้ชายธรรมดา เมื่อเทียบกับนักแสดงนำชายดีเด่นมาร์ตินแล้วมีฐานะมากกว่าไม่น้อยเลย
ผู้หญิงคนนี้เป็นคนแบบไหนกัน?
ทำไมผู้ชายไฮโซสองคนนี้ถึงคลั่งไคล้ในตัวหล่อน?
เพราะใบหน้าที่แสนธรรมดาของหล่อนน่ะเหรอ?
ทำให้เหล่านักแสดงหญิงในกองถ่ายต่างหมั่นไส้กัน
และส่วนทางด้านรถคันนี้ หลังจากที่แสนรักโยนผู้หญิงคนนี้เข้าไปในรถได้ในที่สุด ความโกรธที่ยังไม่จางหาย เขากดหล่อนไว้และเผยให้เห็นท่าแท้แห่งความโหดเหี้ยม
“เส้นหมี่ เธอฟังฉันให้ดีนะ ถ้าเธอยังไม่เชื่อฟังและไม่อยู่นิ่งๆ ฉันรับรองว่าเธอจะไม่วันได้เห็นหน้าลูกไปทั้งชีวิต!
หลังจากนั้นเขาก็ปิดประตูรถดัง “ปัง”
ด้วยความกลัวเส้นหมี่จึงนั่งอยู่บนรถนิ่งๆไม่กล้าหยับเขยื้อนเลย
แววตาโมโหของหล่องจ้องมองเขาอย่างไม่ละสายตา นัยน์ตาเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความโกรธเคือง แต่ในขณะเดียวกันหล่อนก็ยังเชื่อฟังและอยู่นิ่งๆ
แล้วรถคันนี้ก็ขับไปอย่างรวดเร็ว
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป รถก็ขับมาถึงเรืองรองแล้ว
ในขณะที่เส้นหมี่กำลังลงจากรถ ปกติตึกวังฬาหนึ่งจะปิดไฟมืด เหลือเพียงไฟส่องถนนเพียงไม่กี่ดวงในสวนดอกไม้ใหญ่
เมื่อเส้นหมี่เห็นอย่างนั้นก็อยากเข้าไปข้างในเอง
แต่ในขณะนั้น ก็มีมือใหญ่ๆยื่นเข้ามาจากด้านหลังอย่างแนบเนียน แล้วจับคอปกเสื้อหล่อนจากทางด้านหลัง
“เธอจะทำอะไรหน่ะ? ปล่อยฉันนะ ฉันไม่หนีไปไหนหรอก”
“เหอะ เหอะ”
คำตอบที่หล่อนได้ มีเพียงเสียงหัวเราะแห้งๆสองคำเท่านั้น
หลังจากนั้นหล่อนเหมือนสัตว์เลี้ยงที่หลงหายและถูกเก็บได้อย่างไรอย่างนั้น โดยที่ผู้ชายสารเลวคนนี้เก็บกลับมาบ้าน
“หม่ามี๊ หม่ามี๊กลับมาแล้ว หม่ามี๊——”
ไม่มีใครคาดคิดว่า เวลานี้หากเป็นเมื่อก่อนลูกๆคงนอนหลับไปนานแล้ว หลังจากได้ยินฝีเท้าของหล่อนกับผู้ชายสารเลวคนนี้กลับมาเข้ามา
“พรึบ” ไฟก็สว่างขึ้นทันใด เมื่อเส้นหมี่ยืนอยู่หน้าประตู พริบตาเดียวก็เห็นเด็กทั้งสามคนยังคงนั่งอยู่บนโซฟาอย่างเรียบร้อย
โอ้พระเจ้า!
เส้นหมี่ยืนตกตะลึง
และในขณะนั้น ก็มีเสียงสะอึกสะอื้นงอแง่แว่วผ่านมาทันที: “แง~~หม่ามี๊ ในที่สุดหม่ามี๊ก็กลับมา!
นั้นคือเสียงของหนูรินจัง เมื่อเธอเห็นแม่กลับมาก็ร้องไห้ “ว้าก” เสียงดังขึ้น ขาสั้นๆอวบอ้วนพุ่งไปทางเส้นหมี่ทันที
ทันทีที่เส้นหมี่เห็นอย่างนั้น ในใจก็เจ็บปวดมากขึ้น
ลูกสาวที่รักของหล่อน!
เส้นหมี่ย่อตัวลงแล้วโหมกอดลูกหัวแก้วหัวแหวน แล้วพูดว่า: “ใช่แล้วค่ะ หม่ามี๊กลับมาแล้ว วันนี้รินจังเป็นเด็กดีหรือเปล่าคะ?”
“ไม่เลยค่ะหม่ามี๊ วันนี้รินจังดื้อมากค่ะ หม่ามี๊ไม่ต้องทิ้งรินจังนะ ต่อไปรินจังจะเป็นเด็กดี จะเชื่อฟังและไม่ทำให้หม่ามี๊โมโหดีไหมคะ?
เด็กหญิงตัวเล็กร้องไห้เสียงดังแล้วพูดว่าตัวเองเป็นเด็กดื้อ
แม่โอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขน น้ำตาเม็ดเล็กๆเหมือนถั่วทองคำก็ไหลออกมาพรากๆ แขนเล็กๆของเธอสวมกอดเส้นหมี่อย่างเหนี่ยวแน่น ราวกับว่ากลัวเส้นหมี่จะหายไปอีก
นัยน์ตาของเส้นหมี่ก็รู้สึกทุกข์ทรมานใจขึ้นทันที
หล่อนโอบกอดเธออย่างแรง ผ่านไปครู่หนึ่ง หล่อนโกรธแล้วตบหน้าตัวเอง
วันนี้หล่อนทำอะไรลงไป?
คิวคิวกับชินจังก็ตามมาด้วย
หลังจากที่พวกเขาเห็นแม่โอบกอดน้องสาวไว้ในอ้อมแขนอย่างแน่น เด็กชายทั้งสองก็ร้องไห้ออกมาอย่างน่าสงสารและเอ่ยคำว่า: “หม่ามี๊…”
เส้นหมี่: “……”
จะพูดอะไรได้?
สิ่งเดียวที่หล่อนทำได้คือ โอบกอดลูกรักทั้งสามคนไว้ในอ้อมแขนอย่างแน่นๆ
เวลาผ่านไปประมาณสิบนาที สภาพจิตใจของแม่ลูกทั้งสี่คนเริ่มกลับมาเป็นปกติ แสนรักจึงเรียกพี่ภาเข้ามา เพื่อให้พาเด็กๆขึ้นไปนอนก่อน
“ปะ ลูกๆ ขึ้นไปนอนข้างบนกับพี่ภาได้แล้ว”
“แล้วหม่ามี๊ล่ะคะ หม่ามี๊จะขึ้นมานอนด้วยกันไหมคะ?” หนูรินจังยังไม่ยอมปล่อยแขนจากแม่
เส้นหมี่เห็นอย่างนั้น ก็อดกลั้นจิตใจที่เจ็บปวดไว้แล้วลูบศีรษะเธอด้วยความอบอุ่น
ไปสิจ๊ะ เดี๋ยวหม่ามี๊ค่อยขึ้นไปนอนด้วยนะ”
“ได้ค่ะ”
ในที่สุดเด็กหญิงตัวน้อยก็รับปากแล้วเดินขึ้นไปด้านบนกับพี่ภาด้วยท่าทีอาลัยอาวรณ์
เด็กสามคนถูกพาขึ้นไปข้างบนแล้ว เหลือเพียงแค่สองคนในห้องนั่งเล่นใหญ่โตนี้ หนึ่งคนคือเส้นหมี่ และอีกคนก็คือแสนรัก
ทีนี่ถึงเวลาที่จะพูดได้รึยัง?
ในที่สุดเขาก็พาหล่อนกลับมาจนได้ ลูกก็ได้เจอแล้ว ต่อไปคงถึงแล้วที่หล่อนจะจบเรื่องนี้แล้วสักที?
จิตใจของเส้นหมี่เยือกเย็นลงจนถึงต่ำสุด หลงเหลือเพียงรอยยิ้มจางๆตรงมุมปากที่ซีดเซียว
“เห็นสภาพพวกเขารึยัง? สะใจแล้วใช่ไหมที่เห็นพวกเขาต้องตกอยู่ในสภาพอย่างนี้?