“ถ้าหากนายอยากลองล่ะก็…” เหมียวเจ๋อผายมือ แล้วพูดอย่างไม่ยี่หระ

“แม่งเอ๊ย…”

“เย่ไค! ทำอย่างนั้นไปก็ไม่มีประโยชน์! นายใจเย็นหน่อย…”

มู่เฉินรีบห้ามเย่ไค เจ้าลิงผอมเกลี้ยกล่อมอยู่ข้างๆ “อย่าทำแบบนี้เลย…”

“ในเมื่อไม่คิดจะอัดฉันแล้ว งั้นนายจะว่าไง?” เหมียวเจ๋อมองหลิงม่ออีกครั้ง รอคำตอบจากเขา

“ไม่ใช่ไม่คิดจะอัดนาย แต่…” หลิงม่อครุ่นคิด เงยหน้าถาม “นายอยากถามอะไรล่ะ? หรือจะพูดให้ถูกก็คือ…แก อยากถามอะไร?” หลิงม่อเน้นคำว่า “แก” แสดงออกถึงความนัยที่ซ่อนอยู่

เหมียวเจ๋อทำสีหน้าผิดคาด จากนั้นก็เอียงคอหัวเราะขึ้นมา…อยู่ๆ ผู้ชายคนหนึ่งก็ทำท่าทางอย่างนี้ นั่นทำให้ทุกคนต่างพากันขนลุกซู่…

“ถูกจับได้ซะแล้ว…ถ้าอย่างนั้น คนที่แกจะอัดไม่ใช่ฉัน แต่เป็นฉัน…” รอยยิ้มของเหมียวเจ๋อดูประหลาด เหมือนกับหลิงม่อ เขาเองก็เน้นคำว่า “ฉัน” ในประโยคที่สองเช่นเดียวกัน พอเอามาปะติดปะต่อกับคำพูดของหลิงม่อเมื่อกี้ ทุกคนก็เริ่มทำสีหน้าตื่นตะลึง…

“ความจริงแล้วแกไม่ใช่เหมียวเจ๋อ!” เย่ไคถลึงตาจ้องเขา พลันพูดโพล่งออกมาทันที

“คิกๆ…” เหมียวเจ๋อหัวเราะ ไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธแต่อย่างใด

พอคิดว่าในร่างกายของคนคนนี้มีสัตว์ประหลาดตัวนั้นอยู่ ทุกคนก็เริ่มตื่นตระหนกยิ่งกว่าเดิม…เทียบกับผู้รอดชีวิตที่ดูบ้าคลั่งเมื่อกี้ ไม่รู้ทำไม “เหมียวเจ๋อ” ที่ดูใจเย็น และพยายามหลอกพวกเขาคนนี้ กลับทำให้พวกเขารู้สึกอันตรายกว่า

แต่ทำไมต้องหลอกพวกเขาด้วย?

“เอาเถอะ…ความจริงแล้วนี่ก็คือคำถามแรก” วินาทีถัดมา “เหมียวเจ๋อ” ได้คลายข้อสงสัยของพวกเขา

ทุกคนชะงักงัน แต่หลิงม่อกลับกระตุกมุมปาก แล้วพูดขึ้นว่า “ไม่หรอก ความจริงแล้วแกก็คือเหมียวเจ๋อด้วยเหมือนกัน…อย่างน้อยเหมียวเจ๋อคนนั้นที่พวกเราเห็น ก็คือคนนี้”

เป็นครั้งแรกที่สีหน้าของ “เหมียวเจ๋อ” มีการเปลี่ยนแปลง รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาหายไปแล้ว “แกรู้ได้ยังไง?”

“นี่ถือเป็นคำถามที่สอง?”

“…ก็ได้ ถือว่าใช่ก็ได้” “เหมียวเจ๋อ” กอดอกอย่างมั่นใจ “ฉันอยากรู้ว่าแกดูออกได้ยังไง…หรือว่า แกกำลังโกหกฉันกันแน่?”

“คามจริง แกเป็นคนให้คำตอบนั้นออกมาด้วยตัวเอง” หลิงม่อบอก “มันติดอยู่บนหน้าแกอยู่แล้ว”

“หมายความว่ายังไง?” “เหมียวเจ๋อ” ขมวดคิ้วถาม

“เมื่อคนอื่นถูกแกควบคุม พวกเขาจะมีบุคลิกสองบุคลิกที่ไม่เหมือนกันปรากฏขึ้นมา หนึ่งในนั้นคือตัวพวกเขาจริงๆ ใช่ไหมล่ะ? นั่นหมายความว่า แกไม่สามารถกำจัดส่วนที่เป็นของเจ้าของร่างเดิมได้ ถ้าหากแกทำเรื่องนี้ได้ แล้วแกจะสร้างร่างกายของตัวเองขึ้นมาทำไมล่ะ?” หลิงม่อหัวเราะเย็นชา บอกว่า “แต่แกใช้พลังจิตได้…ดังนั้นเพราะเหตุผลบางอย่าง เห็นได้ชัดว่าคนคนนี้เป็นผู้มีความสามารถพิเศษด้านพลังจิต หรือก็คือหนูทดลองตัวแรกที่ถูกแกทำให้กลายเป็นคนไร้สติสัมปชัญญะ ทว่าขณะที่เข้าควบคุมเขา ร่างกายร่างนี้ก็เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงมากบางอย่างขึ้นมาด้วย…ดังนั้นฉันคิดว่า พลังของแกไม่ได้สมบูรณืแบบขนาดหรอกใช่ไหม?”

“เหมียวเจ๋อ” จ้องหลิงม่อ แล้วหัวเราะคิกคัก “ถูกต้อง…คนอื่นๆ ล้วนถูกเรื่องแปลกประหลาดภายนอกบดบังสายตา มองข้ามข้อบกพร่องที่ชัดเจนนี้ไปอย่างง่ายดาย…แล้วก็…แกนี่หลอกถามเก่งเหมือนกันนะ”

คนที่เหลือตอนแรกยังพยักหน้า แต่เมื่อหลิงม่อพูดถึงประโยคสุดท้าย พวกเขาก็อึ้งงันไปทันที หลิงม่อรู้พลังของสัตว์ประหลาดตัวนี้มาจากที่ไหน? หรือว่า…พวกเขาเคยสู้กัน?

“ถ้างั้นก็ดี คำถามข้อที่สาม” เห็นหลิงม่อไม่พูดอะไร “เหมียวเจ๋อ” จึงยกนิ้วขึ้นสามนิ้ว บอกว่า “ความจริงคำถามนี้แกไม่ต้องตอบตอนนี้เลยก็ได้…ฉันเคยเจอแกมานานแล้ว แกนึกออกไหมว่าที่ไหน? ค่อยๆ คิด…ถ้าแกคิดออกเมื่อไหร่ ฉันจะคืนเธอให้แก ตอนนี้ ฉันจะให้คำใบ้แรกกับแก…”

“โอ๊ยยย!”

ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องหนึ่งพลันดังมาจากที่ไกลๆ และในเสี้ยววินาทีที่ทุกคนละสายตาออกไป “เหมียวเจ๋อ” ก็หายตัวไป

“ทำไงดี?” มู่เฉินมองไปรอบทิศ พลางถาม

เสียงกรีดร้องนั้นยังคงดังอย่างต่อเนื่อง หลิงม่อเงี่ยหูฟังอยู่ครู่หนึ่ง พลันขมวดคิ้วมุ่น “พวกเรารีบไปกันเถอะ!”

ไม่นาน พวกเขาก็เข้าใกล้ตำแหน่งที่เสียงกรีดร้องดังมา…แต่ในตอนนั้นเอง กู่ซวงซวงที่เดินอยู่ด้านข้างสุดกลับร้องลั่น และหยุดเดิน

หลิงม่อรีบตวัดไฟฉายส่องไป ถามว่า “ไม่เป็นไรใช่ไหม?”

กู่ซวงซวงชี้ไปข้างหน้าพร้อมกับสีหน้าหวาดกลัว “เมื่อกี้ฉัน…เหมือนจะเตะโดนอะไรบางอย่าง…”

หลิงม่อรีบส่องไฟฉายไปตามนิ้วมือของเธอ…ตรงนั้นมีเสาอยู่หนึ่งต้น เงาดำกลุ่มหนึ่งยื่นออกมาจากหลังเสา ขวางทางเดินกู่ซวงซวงไว้ เจ้าลิงผอมที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากเธอก็มองไปทางนั้นอย่างงุนงง

“ว๊ากก / กรี๊ดด!”

เขาลั่นร้องเสียงหลงออกมาพร้อมกับกู่ซวงซวง กู่ซวงซวงรีบยกมือปิดปาก บอกว่า “ศพ…”

ความจริงแล้วเงาดำนั้นก็คือขาคู่หนึ่ง…แต่ถ้าหากเป็นแค่ศพธรรมดา จะทำให้พวกเขาตกใจถึงขนาดนี้ได้ยังไง?

ไม่นานหลิงม่อก็ค้นพบว่า มันไม่ใช่แค่ศพธรรมดาศพหนึ่ง…

กู่ซวงซวงหน้าซีดเผือดเหมือนรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ เธอค่อยๆ เดินเข้าไป แล้วจากนั้นก็กรีดร้องขึ้นมาอีกครั้ง

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ทุกคนต่างเดินเข้าไป หลิงม่อส่องไฟฉายไปที่หน้าของศพ แล้วเขาก็ต้องเบิกตาค้าง

ศพนอนหงาย ดวงตาทั้งคู่เบิกกว้าง สภาพเหมือนเพิ่งตายได้ไม่นาน…ที่สำคัญที่สุดก็คือ ใบหน้าของมัน เหมือนกู่ซวงซวงทุกประการ…

“เธอ…” กู่ซวงซวงชี้ไปที่ศพ พูดอะไรไม่ออก

คนที่เหลือพากันจ้องกลับไปจ้องกลับมาระหว่างเธอกับศพศพนั้น สีหน้าแต่ละคนตื่นตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก

“น่องของเธอ…” กู่ซวงซวงค่อยๆ ก้มตัวพับขากางเกงขึ้นอย่างสั่นๆ บนน่องขาวเนียนของเธอ มีไฝอยู่หนึ่งเม็ด…ทุกคนชะงัก แล้วหันไปมองน่องของศพนั่น…ตรงนั้นก็มีไฝอยู่เหมือนกัน

“เป็นไปไม่ได้…” กู่ซวงซวงพึมพำ

ทุกคนต่างตื่นตะลึง มีเพียงหลิงม่อคนเดียวที่ไม่มีปฏิกิริยา…มู่เฉินเหลือบเห็นสีหน้าเขาพอดี พลันอดชะงักไปไม่ได้

“นี่คือ ‘สัตว์ประหลาดเปลี่ยนหน้า’” หลิงม่อบอก จากนั้นก็อธิบายลักษณะของสัตว์ประหลาดประเภทนั้นที่เขาเคยเจอให้พวกเขาฟังคร่าวๆ

“แต่…แม้แต่รายละเอียดเล็กน้อยอย่างนี้ มันก็ยัง…” กู่ซวงซวงยังคงจ้องไฝเม็ดนั้นอย่างสับสน

“อย่าสนใจรายละเอียดเล็กๆ เลย…แค่ตำแหน่งที่มันปรากฏตัวก็แปลกมากแล้ว ไม่คิดว่าการที่มันถูกเธอเจอเข้าพอดี เป็นเรื่องที่บังเอิญเกินไปหรอ?” หลิงม่อบอก

“หรือว่า…มีใครเพิ่งเอาศพมาวางไว้ตรงนี้อย่างนั้นหรอ? หลังจากที่สำรวจเส้นทางของพวกเราแล้ว?” จางซินเฉิงคาดเดา

เย่ไคยกก้อนอิฐขึ้นอีกครั้ง “ก็แสดงว่าไอ้ระยำนั่นอยู่แถวๆ นี้?”

เจ้าลิงผอมหดตัวอย่างหวาดกลัว “ปะ…เป็นไปได้นะ…” เขามองหลิงม่อ ถามว่า “หัวหน้า…หัวหน้าคิดว่าไง?”

หลิงม่อนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดเสียงเรียบว่า “ไปกันเถอะ ถ้าหากมันแค่อยากเล่นเกมจิตวิทยาอย่างนี้ ก็ไม่มีความหมายอะไรหรอก”

“จะ…จิตวิทยา…” เจ้าลิงผอมยิ้มเฝื่อนๆ แล้วมองไปรอบตัวอย่างหวั่นๆ เล็กน้อย

ในเวลาต่อมา พวกหลิงม่อก็เริ่มค้นพบศพของคนอื่นๆ ติดต่อกันเรื่อยๆ…ศพเหล่านี้อยู่ห่างกันไม่มาก หนึ่งใน “ศพ” ที่เหมือนจางซินเฉิงถึงขนาดยังอยู่ในท่าคลานไปข้างหน้า ซ้ำสีหน้ายังดูสิ้นหวังสุดขีดด้วยซ้ำ…นั่นทำให้จางซินเฉิงสีหน้าตึงเครียดขึ้นมาทันที…

ถึงจะรู้ว่านี่คือของปลอม แต่การเผชิญหน้ากับ “ศพ” ของตัวเองตรงๆ อย่างนี้ เห็นชัดว่าไม่ใช่เรื่องที่ทำให้รู้สึกดีเท่าไหร่

มีเพียงเย่ไคที่หลังจากเจอ “ศพ” ของตัวเอง เขาก็ใช้ก้อนอิฐในมือขว้างใส่ทันที ซ้ำยังก่นด่าไม่หยุด “กล้าแปลงเป็นฉัน…”

“เย่ไค นาย…” กู่ซวงซวงตัวสั่นอีกครั้ง เธอเรียกเขาด้วยเสียงปนสะอื้น หลังจากที่เห็น “ศพ” ของเพื่อนพ้อง และของตัวเอง เด็กสาวคนนี้ก็เริ่มคุมสติไม่อยู่อย่างเห็นได้ชัด…เธอจ้องมองไปข้างหน้าอย่างหวาดผวา ราวกับกลัวว่าจะเจอศพของหลิงม่ออีก…

“จะว่าไปแล้วศพของฉัน…” มู่เฉินอดพูดขึ้นไม่ได้

“โอ๊ยยย!”

ในตอนนั้นเอง เสียงกรีดร้องพลันดังมาจากข้างหน้าอีกครั้ง

หลิงม่อเร่งความเร็วทันที ไม่นาน เขาก็มาถึงหน้าประตูบานหนึ่ง…

พอเห็นประตูเปิดแง้มไว้ หลิงม่อก็ดึงประตูให้เปิดออกยังไม่ลังเล จากนั้นก็แทรกตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว

ด้านหลังประตูเป็นทางเดินเส้นหนึ่ง ซึ่งสองข้างทางเต็มไปด้วยประตูห้อง…เสียงกรีดร้องดังมาจากจุดที่อยู่ค่อนข้างใกล้ หลิงม่อถือไฟฉาย แล้ววิ่งไปตามทางเดินอย่างรวดเร็ว

ผ่านไปไม่นาน เขาก็ได้ยินเสียงครวญครางเบาๆ เสียงหนึ่ง…

เมื่อหลิงม่อผลักประตูบานหนึ่งออก เสียงครวญครางนั้นก็ดังชัดขึ้นทันที…

“ชะ…ช่วยฉันด้วย…”

————————————–