โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.293 – ฉินเฟิงกินเนื้อ คนอื่นได้แค่ดมกลิ่น

 

โจวฮ่าวคงไม่รู้ ว่าหลังจากที่เขาออกมาแล้ว หลายคนที่ยังอยู่ล้วนกลายเป็นเจียมเนื้อเจียมตัว เพราะท้ายที่สุดแล้ว เลือดมังกรมิใช่สิ่งที่ใครก็สามารถอาบมันโดยตรงได้

 

ด้วยเหตุนี้เอง โหวฟางซึ่งแข็งแกร่งที่สุดเลยเป็นคนแรกที่ก้าวเข้าไปทดสอบ แต่เขายืนหยัดได้เพียง 1 นาทีเท่านั้น ก็ไม่กล้ารั้งอยู่อีกต่อไป พุ่งตรงเข้ามาในทางเดินสู่ลำตัวมังกร

 

ขณะเดียวกันก็ได้ยินคำพูดของฉินเฟิง โหวฟางอดหัวเราะออกมาไม่ได้

 

‘ขอแลกเมล็ดบัวพิสุทธิ์กับกระเป๋าอย่างงั้นหรอ? ฉันไม่เชื่อเด็ดขาด นี่ต้องเป็นเรื่องโกหกแน่ๆ’

 

ระหว่างคิด วิสัยทัศน์ของเขาก็พบกับลานกว้างใหญ่ จุดสายตาย่อมไม่พ้นตกลงตรงคนๆหนึ่งที่นั่งอยู่กับพื้นราวกับขอทาน หลงเหลือเพียงหน้ากากที่ยังอยู่ในสภาพเดิม

 

โดยเบื้องหน้าขอทาน พะเนินไปด้วยกองเมล็ดบัวพิสุทธิ์

 

เอื๊อก! โหวฟางกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก

 

โจวฮ่าวเมื่อเห็นท่าทีตกตะลึงของโหวฟางก็เกือบหลุดหัวเราะออกมา โชคยังดีที่เขาทำหน้าตาเป็นขึงขังได้ทัน

 

สำหรับเมล็ดบัวพิสุทธิ์ โหวฟางเคยเห็นมันมาก่อน แต่แค่เมล็ดเดียว ทั้งยังถูกจัดเก็บเอาไว้ในกล่องคริสตัลหน้าตางดงาม ราคาประมูลคราวนั้นเริ่มต้นที่ 30 ล้านเหรียญ แต่ราคาปิดกลับโดดไปมากถึง 63 ล้านเหรียญ!

 

แม้ว่าเขาจะไม่ขาดแคลนเงิน และเป็นถึงทายาทสายตรงของสี่ตระกูลใหญ่แห่งสี่เมืองทะเลเหนือ แต่เมื่อพบกับปริมาณเมล็ดบัวมหาศาลถึงขนาดนี้ มีหรือดวงตาจะไม่เปล่งประกาย

 

โหวฟางเดิมอยากจะเร่งถามออกไป ว่าอีกฝ่ายยินดีแลกเปลี่ยนเมล็ดบัวหรือไม่

 

แต่ตอนนี้คงไม่ทันแล้ว ช่างน่าเสียดายจริงๆ ทำไมก่อนหน้านี้เขาไม่ชิงเคลื่อนไหวก่อนโจวฮ่าวนะ มิฉะนั้นคนแรกที่มาถึงที่นี่ และมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนเมล็ดบัว คงเป็นเขา!

 

โจวฮ่าวเห็นสีหน้าเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวม่วงของโหวฟาง ก็อดรู้สึกขบขันไม่ได้ แต่ก็เร่งแสร้งแสดงสีหน้าหนักแน่น กล่าวกับฉินเฟิงที่เพิ่งเอ่ยถามด้วยความทรนง

 

“ปรมาจารย์ ไม่จำเป็นต้องยื่นผลประโยชน์ใดๆ ผู้น้อยไม่กล้ารับไว้ หากต้องการ เชิญใช้สอยตามสมควร”

 

นี่คือสิ่งที่ผู้ใช้พลังเลเวล F แสดงถึงความนอบน้อมต่อเลเวล E

 

ฉินเฟิงอึ้งกับท่าทีของโจวฮ่าวที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เดิมเขาอยากจะมอบเมล็ดบัวให้แก่โจวฮ่าว แต่ตอนนี้คงไม่อาจทำแบบนั้นได้อีกแล้ว

 

ฉินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “พูดได้ดี งั้นเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ขอให้ติดตามฉันมา แล้วจะคอยแนะนำอยู่ข้างๆให้เอง”

 

“ขอบคุณ! ขอบคุณปรมาจารย์!”

 

โจวฮ่าวรีบยื่นกระเป๋าให้ฉินเฟิง ฉินเฟิงหยิบถุงพลาสติกแบบปิดออกมา 2 – 3 ใบ แล้วเริ่มใส่เมล็ดบัวลงไป เมล็ดบัวบนพื้นมีมากกว่า 900 เมล็ดดูเยอะมาก ทั้งหมดถูกยัดจนเต็มสามถุง

 

กระเป๋าต่อสู้ที่โจวฮ่าวมอบให้ฉินเฟิงเป็นกระเป๋าสะพายแบบเรียบง่าย จะสะพายก็ดี ถือมือก็เหมาะ

 

ทั้งสองร่วมกันแสดงละคร ทั้งยังแสดงท่าทีว่าไม่รู้จักกันมาก่อนอย่างชัดเจน

 

“ลองเดินไปอ่านที่เสาหินต้นนั้นดูสิ จากนั้นค่อยไปหยิบลูกปัดหยกบนแท่นบูชา และใช้มันขว้างใส่ดอกบัว” ฉินเฟิงกล่าว

 

ว่าจบเขาก็เดินไปยังริมแท่นบูชาดอกบัว

 

ส่วนโจวฮ่าวกับโหวฟางเดินไปยังเสาข้างสระบัว

 

ระหว่างเดิน โหวฟางยังคงรู้สึกเสียใจที่พลาดโอกาสไป แต่ตอนนี้กลับรู้สึกทึ่งกับสิ่งใหม่ที่พบเจอ

 

“ที่แท้เขาก็ได้รับเมล็ดบัวพิสุทธิ์มาด้วยวิธีนี้!” ดวงตาของโหวฟางเปล่งประกาย อ่านอักขระที่สลักลงบนมัน เร่งไปคว้าลูกปัดหยก ตั้งสมาธิ สังเกตดอกบัวพิสุทธิ์อย่างรอบคอบ แต่แล้วเขาก็ต้องขมวดคิ้ว ยิ่งมองก็ยิ่งปรากฏร่องรอยวิตกกังวลมากขึ้น

 

นั่นเพราะเขาค้นพบว่า ระยะห่างของดอกบัวที่ตั้งอยู่ใกล้ที่สุด บ้างก็ผลิบาน บ้างก็หายไปทั้งดอก ไม่มีเมล็ดบัวหลงเหลืออยู่แล้ว ทั้งยังมีอีกหลายดอก ที่ถูกทำลาย ไม่ก็แกนบัวหักโค่นเสียหาย

 

แต่ไม่ต้องใช้สมองคิด ก็พอจะรู้ได้ทันทีว่านี่เป็นฝีมือของใคร!

 

โหวฟางแทบจะกลายเป็นสิ้นหวัง

 

‘ทางตระกูลอุตส่าห์ส่งฉันมาที่นี่ แต่ฉันกลับไม่สามารถคว้าอะไรกลับไปเลยอย่างงั้นหรอ?’

 

‘บลัดฮันเตอร์ชักจะน่ารังเกียจเกินไปแล้ว!’

 

โหวฟางฮึดฮัดด้วยความโกรธเคือง

 

ขณะเดียวกันฉินเฟิงกำลังให้คำแนะนำโจวฮ่าว

 

“ถ่ายทอดกำลังภายในเข้าไปในลูกปัดหยก จากนั้นก็ขว้างมันออกไปใส่ดอกบัวพิสุทธิ์ บังคับให้เมล็ดบัวที่อยู่ข้างในหลุดออกมา อิงตามกำลังภายในของนาย น่าจะพอสำหรับให้ดอกบัวดอกหนึ่งผลิบาน ส่วนที่เหลือคงสะท้อนไปโดนดอกบัวอื่นๆโดยรอบ แต่ห้ามลืมว่า หลังจากสามารถทำให้ดอกบัวคลายออกได้แล้ว สิ่งสำคัญที่สุดก็คือทำอย่างไรให้ได้เมล็ดบัวกลับมา”

 

เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะมีทักษะลับกลืนดารา

 

แน่นอน กำลังภายในเองก็สามารถใช้ควบคุมสิ่งของผ่านอากาศได้เช่นกัน ทว่ามิได้ดีเท่าผู้ใช้อบิลิตี้ ดังนั้นหากคุณไม่เตรียมตัวล่วงหน้า กระทำการด้วยความเร่งร้อน ก็จะสูญเสียช่วงเวลาที่ดีที่สุดไป

 

โจวฮ่าวลองนึกตาม เมื่อเทียบกับโหวฟางแล้ว โจวฮ่าวมีอยู่ข้อหนึ่งซึ่งได้เปรียบอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด

 

นั่นคือพลังสมาธิ

 

เนื่องจากก่อนหน้านี้ ได้กินผลไม้สมาธิ และทำสัญญากับนางพญามดทอง พลังสมาธิของโจวฮ่าวเลยเพิ่มพูนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันยกระดับมาได้ถึงเลเวล F เป็นที่เรียบร้อย

 

พลังสมาธิกวาดออกไปอย่างรวดเร็ว โจวฮ่าวสามารถค้นพบดอกบัวที่มีเมล็ดได้ก่อนที่โหวฟางจะทันลงมือ เขาขว้างลูกปัดหยกออกไป

 

วูซซซ!

 

ลูกปัดหยกกระแทกเข้าใส่ดอกบัวที่ยังมีสภาพสมบูรณ์ และอยู่ห่างออกไปกว่า 30 เมตร

 

ทั้งยังเกิดการสะท้อนในเวลาเดียวกัน ผลคือลูกปัดกระดอนออกไปไกลอีกกว่า 20 เมตร และชนเข้ากับอีกดอกบัวที่ห่างออกไป 25 เมตร

 

แต๊ก แต๊ก แต๊ก แต๊ก

 

ขว้างลูกปัดหยกเพียงครั้งเดียว กลับสามารถปาโดนกว่า 5 ดอกบัวได้อย่างกระทันหัน

 

อย่างไรก็ตาม ด้วยกำลังภายในที่น้อย เมล็ดในดอกบัวที่ดีดออกมาเลยน้อยตาม ดอกบัวแรกดีดออกมาเพียง 5 เมล็ดเท่านั้น ถึงโจวฮ่าวจะสามารถปาโดนกว่า 5 ดอกบัว แต่ดอกสุดท้าย มีเมล็ดบัวเดียวที่ดีดออกมา

 

ที่สำคัญเมล็ดบัวกระจัดกระจายไปคนละทิศทาง บางเมล็ดดีดไปไกลกว่า 40 เมตร กรณีนี้เกรงว่าต่อให้เป็นผู้ใช้กำลังภายในเลเวล F ช่วงปลาย ก็ยังไม่พอที่จะเรียกมันกลับมา

 

“จงมาหาฉัน!”

 

โจวฮ่าวกระตุ้นกำลังภายใน ดึงดูดพวกเมล็ดบัวกลับมา แต่อีก5-6เมล็ดที่อยู่ไกลออกไป เขาไม่ได้สามารถควบคุมพวกมันได้

 

“ว้า! น่าเสียดาย!” โหวฟางกล่าวด้วยน้ำเสียงสลดใจ แม้เมล็ดบัวดังกล่าวจะไม่ใช่ของตนเอง แต่หากเทียบเป็นเงิน นับเป็นจำนวนกว่า 300 ล้าน

 

แต่ในตอนนั้นเอง มุมปากของโจวฮ่าวกลับผุดรอยยิ้มออกมา คราวนี้ทั้งคนทั้งร่างของเขาระเบิดพลังสมาธิออกมาแทน

 

เมล็ดบัวที่แต่เดิมปลิวไปไกล ทั้งหมดถูกเก็บกลับคืน

 

โหวฟางสะดุ้ง แล้วถึงเพิ่งนึกได้ ว่าโจวฮ่าวสามารถทำสัญญากับสัตว์ร้าย ฉะนั้นพลังสมาธิของเขาไม่สมควรอ่อนแอ

 

‘ไอ้หมอนี่ก็สัตว์ประหลาดไม่ต่างกัน’ โหวฟางรู้สึกสิ้นหวัง

 

“ยอดเยี่ยม” ฉินเฟิงพยักหน้าชมเชย

 

“ขอบคุณปรมาจารย์ที่ให้คำชี้แนะ!”

 

เวลานี้ โจวฮ่าวยังคงแสร้งแสดงละคร เขาเดินไปหยุดอยู่ข้างๆฉินเฟิง ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งขวาทับซ้าย ยกเมล็ดบัวขึ้นมาเม็ดหนึ่ง และค่อยๆกลืนลงไป

 

แต่โจวฮ่าวมิได้กินเมล็ดบัววิธีเดียวกับฉินเฟิง เขาเลือกที่จะกลืนมันลงไปอย่างระมัดระวัง ค่อยๆซึมซาบถึงพลังงานที่คอยช่วยชำระล้างร่างกาย

 

กินมันทีละเม็ด ทีละเม็ด

 

ส่วนฉินเฟิงก็หันไปทำสมาธิ รักษาสติอารมณ์และสภาวะจิตใจ ปรับให้มันสมดุลและยกระดับขึ้น ไม่แสดงออกถึงท่าทีสุขใจหรือโศกเศร้าแต่อย่างใด

 

เหลือเพียงโหวฟางที่ว้าวุ่นและยังคงลังเล แต่ในตอนนั้นเอง ปากทางเข้าลำตัวมังกร ช่วงทางเดินได้ปรากฏเสียงฝีเท้าขึ้นอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้เยาว์อีกคนหนึ่งสามารถผ่านด่านน้ำตกมังกรมาได้

 

ชายคนนั้นไม่ได้เห็นฉากที่น่าตื่นตาก่อนหน้านี้ แต่เมื่อเห็นเมล็ดบัวที่อยู่ตรงหน้าของโจวฮ่าว สองตาของเขาก็เบิกกว้าง หากมิใช่เพราะมีนางพญามดทองอยู่ เกรงว่าเขาคงกระโจนไปชิงมันแล้ว

 

ไม่นาน ผู้มาใหม่ก็สังเกตเห็นโหวฟาง พร้อมกับแท่นบูชาดอกบัวพิสุทธิ์

 

โหวฟางเมื่อเห็นว่าใครบางคนกำลังมา เขาก็ตระหนักว่าไม่อาจลากเวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์อีก สุดท้ายตัดสินใจหนักแน่น ขว้างลูกปัดหยกออกไป

 

แต๊ก! ลูกปัดหยกถูกเมล็ดบัวลูกแรก และเริ่มสะท้อนไปอีกทิศทางหนึ่ง แต๊ก! แต๊ก! ก่อนจะโดนอีกสองบัว และไหลตกบึงโคลนไป

 

คราวของโหวฟาง มีเพียงดอกที่ 2 เท่านั้นที่มีเมล็ดบัวอยู่ และมันห่างจากตัวเขาราวๆ 30 เมตร

 

โชคยังดีที่ดอกบัวดอกที่สองถูกลูกปัดกระดอนเข้าใส่จากข้างหลัง ตัวดอกบัวเลยหันพับกลับมายังทิศทางของผู้คน และดีดเมล็ดบัวออกไปยังทิศทางของโหวฟาง ลอยมาไกลกว่า 10 เมตร แต่เท่านี้ก็ถือว่าใกล้กับโหวฟางมากแล้ว

 

“จงมาหาฉัน!”

 

กำลังภายในระเบิดออก กว่าห้าเมล็ดบัวตกลงในมือเขา

 

แม้นี่จะเทียบไม่ได้กับจำนวนของฉินเฟิง ทั้งยังน้อยกว่าโจวฮ่าว แต่ก็ไม่เป็นไร สำหรับโหวฟาง แค่นี้เขาก็พอใจมากแล้ว

 

ขณะเดียวกัน อัจฉริยะคนที่ 4 ก็มาถึง พออ่านเงื่อนไขบนเสา เขาอึ้งไปเล็กน้อย บ่นอุบว่าเงื่อนไขของด่านนี้ยากไปรึเปล่า

 

ทว่าเขาไม่รู้เลย ว่าจริงๆแล้วมันไม่ยากถึงขนาดนั้น แต่ดันมีใครบางคนทำให้มันยากต่างหาก

 

ด่านทดสอบนี้ กล่าวสรุปโดยสังเขปได้ว่า ฉินเฟิงที่มาเป็นคนแรกได้กินเนื้อ ส่วนโจวฮ่าวกับโหวฟางได้กินซุป ขณะที่คนมาทีหลังได้แค่สูดดมกลิ่น