บทที่ 346 ผู้คล้อยตามข้าจะราบรื่น

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 346 ผู้คล้อยตามข้าจะราบรื่น
“เป็นอะไร พวกคุณไม่เต็มใจหรอ?”

“มีอะไรจะพูด ก็พูดออกมาได้เลย”จ้าวซวู่มองไปยังทุกคนอย่างเย้ยหยัน

เขาเจตนาพูดเพื่อทำให้คนเหล่านี้โกรธเคือง ใครกล้าออกโรงเป็นแรก เขาจะเฉือดไก่ให้ลิงดู

ด้วยวิธีนี้ เป็นไปได้ที่จะทำให้หลงเจียงกลุ่มนี้อับอายขายหน้า ทำให้พวกเขาเชื่อฟังและภักดีต่อตนเอง

แน่นอนว่าเถ้าแก่ร้านยาที่ไม่พอใจ นามว่ากงเจิน

เขาเอ่ยเสียงชรึม “คุณชายจ้าว พวกเราสามารถมาหาคุณได้ เพราะทุกคนล้วนทำธุรกิจทางใต้”

“คุณเป็นแขกจากแดนไกล ในฐานะเจ้าของบ้าน เราไม่อยากเสียมารยาท”

“คำพูดนี้ของคุณหมายถึงอะไร?”

“อย่าพูดว่า เรายังไม่ได้สัญญาว่าจะร่วมมือกับคุณ”

“ถึงรับปากว่าจะให้ความร่วมมือ เราก็เป็นพันธมิตรกัน”

“ไม่ว่าตระกูลจ้าวของคุณจะแข็งแกร่งแค่ไหน มันก็ยังคงอยู่ในเมืองหยุนชวน แต่ที่นี่คือหลงเจียง ซึ่งอยู่ภายใต้เขตอำนาจของเมืองหนานเจียง”

“ คุณทำเกินไปแล้ว ที่จะมาเปรียบเทียบเรากับสุนัข!”

“อาหารมื้อนี้ไม่ต้องกินก็ได้!”

กงเจินกำลังจะจากไปด้วยความโกรธ

จ้าวซวู่เหยียดขาของเขาวางบนโต๊ะ สูบบุหรี่อย่างสบายๆ คล้ายจะรอการแสดงที่สนุก

ทันทีที่กงเจินเดินไปที่ประตู เขาก็ถูกคนที่จ้าวซวู่พามาขวางไว้

สีหน้าของกงเจินเปลี่ยนไป เขากัดฟันเอ่ย “คุณชายจ้าว คุณหมายความว่าไง?”

“ หรือ คุณยังกล้ามาอวดเก่งอีกเหรอ”

จ้าวซวู่พูดอย่างภาคภูมิใจ: “คุณบอกไม่ใช่เหรอว่านี่คือหลงเจียงอาณาเขตของคุณ?”

“เถ้าแก่กง ในเมื่อเป็นอาณาเขตของคุณ คุณอยากไปก็ไป ผมไม่ได้ขัดขวางอะไรเลย”

“ทำไม คุณไม่น่าจะแก่จนแม้แต่ประตูก็ออกไปไม่ได้หรอกนะ?”

“คุณ—”กงเจินโกรธจนพูดอะไรไม่ออก

บอดี้การ์ดที่อยู่ข้างหลังเขาขู่คำรามเสียงหนึ่ง และรีบวิ่งขึ้นไป

ปัก ปัก สองหมัดกระแทกบอดี้การ์ดสองคนที่ประตูจนทรุดลงกับพื้น

“เถ้าแก่ ไปกันเถอะ” บอดี้การ์ดท่าทางเคร่งขรึม

กงเจิน พ่นลมหายใจ และพูดอย่างเห็นด้วย “กางจึ นายทำได้ดีมาก”

“บางครั้งเมื่อเสือไม่แสดงพลัง คนอื่นจะปฏิบัติกับเราเหมือนแมวป่วย และขี่คอคุณไปอึ”

เขาพากางจึและเตรียมจะจากไป ในตอนนั้นเอง มีเสียงเย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้น

“หากคนต้องการจะไปก็ได้”

“แต่มาต่อยคนของผม ก็ทิ้งกำปั้นนั้นไว้”

ทันใดนั้นหยวนเป้าก็รีบวิ่งไปที่หน้ากางจึอย่างเงียบ ๆ

“ถ้าคุณต้องการหมัดของผม ก็ต้องมาดูกันว่าคุณมีความสามารถนั้นหรือไม่!” กางจึสูดลมหายใจอย่างเย็นชา ต่อยกำปั้นหนึ่งตรงเข้าหาหยวนเป้า

หยวนเป้ายืนนิ่งไม่ขยับ ฉายรอยยิ้มในดวงตาของเขา

จู่ๆหมัดของเขาก็ต่อยเข้าไปที่หมัดของกางจึ

“ปัง!”

กางจึร้องเสียงหลง ร่างทั้งร่างถูกกระแทกอย่างแรง และทุบลงบนโต๊ะอย่างแรง

“อ๊ะ มือฉัน!” เขาร้องลั่น พร้อมกำข้อมือแน่น

เห็นเพียงว่า มือที่เขาเพิ่งต่อยกับหยวนเป้าถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ เผยให้เห็นกระดูกขาวข้างใน

ทุกคนต่างตกตะลึง

เพราะไม่คิดว่า ลูกน้องของจ้าวซวู่นั้นจะทรงพลังมากขนาดนี้

ซ้ำยัง ไร้ความปรานี!

หยวนเป้ามองไปที่กงเจินที่อยู่ตรงหน้า เอ่ยด้วยใบหน้าแสยะยิ้ม: “เถ้าแก่กง คุณยังอยากจะออกไปอีกไหม?”

“วันนี้เป็นคุณชายจ้าวของเราจัดงาน คุณออกไปก่อนกำหนด เท่ากับว่าไม่ไว้หน้าคุณชายจ้าวของเราใช่ไหม?”

ใบหน้าของกงเจินซีดเผือก พูดอะไรไม่ออก

เถียหลินเฟิงรีบรุดเข้ามาเคลียร์วงล้อม และกล่าวว่า “เถ้าแก่กง ในเมื่อมาแล้ว ก็สงบใจอยู่ที่นี่ให้เป็นสุขเถอะ”

“พวกเรานั่งลงก่อนเถอะ ฟังดูว่าคุณชายจ้าวจะพูดยังไง”

กงเจินกัดฟันและกลับไปนั่งที่ของเขา

เถ้าแก่ที่เหลือ ต่างรู้สึกประหม่าเล็กน้อย

พูดตามตรง ฉากเมื่อกี้ทำให้พวกเขากลัวจริงๆ

จ้าวซวู่หัวเราะลั่น และพูดว่า “เป็นแค่ละครฉากเล็ก ๆ ทำให้เถ้าแก่ทุกคนเห็นเรื่องตลกเสียแล้ว”

“ทุกคนล้วนมีงานยุ่ง เช่นนั้น ผมจะพูดตามตรง”

“จ้าวซื่อของเราเป็นตระกูลที่มีอำนาจอันดับหนึ่งในเมืองหยุนชวน ผมจะไม่พูดถึงความแข็งแกร่ง ผมเชื่อว่าพวกคุณทุกคนเข้าใจ”

“เมืองหยุนชวนและเมืองหนานเจียงเป็นเพื่อนบ้านกัน แต่ปริมาณนั้น ถือเป็นสองเท่าของเมืองหนานเจียง”

“หลายปีมานี้ เมืองหนานเจียงไม่สามารถพัฒนาขึ้นได้ ในฐานะเพื่อนบ้าน พวกเราก็กังวลอย่างมาก”

“ช่วยให้พวกคุณพัฒนา มันเป็นหน้าที่ของจ้าวซื่อ ”

“ด้วยความสัตย์จริง ในฐานะทายาทของจ้าวซื่อ ตระกูลได้มอบหมายหน้าที่ที่สำคัญนี้ให้กับผม”

เมื่อพูดเช่นนี้แล้ว เขาก็ค่อย ๆ เหลือบมองไปที่เถียหลินเฟิงและคนอื่นๆ

เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่ได้พูดอะไร จ้าวซวู่ยังคิดว่า ตนทำให้พวกเขากลัวเสียแล้ว ซึ่งเขาก็พอใจกับการตอบสนองนี้มาก

“พวกคุณไม่ต้องกลัว ตระกูลจ้าวของเราเชื่อเสมอว่าบรรดาผู้เชื่อฟังเราจะเจริญ ผู้ต่อต้านเราพินาศ”

“ตราบใดที่พวกคุณสัญญาว่าจะยอมจำนนต่อผม ในอนาคตจะเชื่อฟัง ผมจะนำทางพวกคุณ และหาเงินมาให้ในจำนวนที่พวกคุณคิดไม่ถึง”

“ตอนนี้ผมพูดจบแล้ว”

“พวกคุณก็แสดงสัญญาณหน่อย หากยินดีที่จะติดตามผมจ้าวซวู่ให้ยกมือขึ้น”

ไม่มีใครยกมือขึ้น

สีหน้าของจ้าวซวู่เปลี่ยนไป และเอ่ยว่า “พวกคุณต้องการจะดื่มเหล้าลงโทษแทนเหล้าอวยพรเหรอ?”

ทันทีที่เขาพูดจบ หยวนเป้าและผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคน ก็ไปยืนอยู่ข้างหลังเถี่ยหลินเฟิงและคนอื่นๆ

สัญลักษณ์การข่มขู่นั้น ชัดเจนมาก

เถียหลินเฟิงขมวดคิ้วและพูดว่า: “ผมไม่รู้ว่าคุณชายจ้าวพูด เพื่อให้เรา ‘เชื่อฟัง’ หมายความว่าอย่างไรกันแน่”

“คุณจะให้เราเชื่อฟังแบบไหน?”

จ้าวซวู่หัวเราะเยาะ: “เจ้าสมาคมเถียถามได้ดี”

“ตอนนี้ ผมจะให้โอกาสพวกคุณแสดงความซื่อสัตย์ต่อผม”

“หลงเจียงของพวกคุณ มีซูยู่กรุ๊ปแห่งหนึ่งใช่ไหม? ประธานซูยู่กรุ๊ป ชื่อซูซู”

“สามีของซูซู คือฉินเทียน”

“ตอนนี้คุณแค่ต้องโทรหาฉินเทียนให้มาที่งานเลี้ยงนี่ เรื่องที่เหลือ คุณไม่ต้องกังวล ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผม”

อู๋เทียนสงเอ่ยอย่างอดไม่ได้: “คุณชายจ้าว หรือว่าคุณกับฉินเทียนมีเรื่องบาดหมางกัน?”

ในดวงตาของจ้าวซวู่ส่องประกายแววความโหดเหี้ยมขึ้นมา

“นั่นเป็นเรื่องระหว่างผมกับฉินเทียน พวกคุณแค่ต้องโทรเรียกเขามา”

“ทำไม พวกคุณไม่ยอกเหรอ”

เถียหลินเฟิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มเจื่อน “คุณชายจ้าวก็เตรียมการณ์มาแล้ว หากว่าพวกเราไม่เชื่อฟัง เกรงว่าก็คงไม่ได้”

“ตกลง ผมจะโทรหาฉินเทียนเดี๋ยวนี้”

“แต่คุณชายจ้าว เท่าที่ผมรู้มา ฉินเทียนคนนี้ไม่ง่ายเลยที่จะรับมือ”

“คุณแน่ใจเหรอว่าจะกำราบเขาลงได้?”

คราวนี้ โดยไม่รอให้จ้าวซวู่พูดหยวนหู่ที่ยื่นไม่พูดไม่จาอยู่ด้านหลังเขา ก็คำรามเสียงต่ำขึ้นมาเสียงหนึ่ง

หมัดของเขาต่อยเข้าตรงเสาที่อยู่ด้านข้าง

ทันใดนั้น หลุมขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นบนเสาซีเมนต์

แม้แต่อาคารทั้งหลัง ก็ดูเหมือนว่าสั่นสะท้าน

“ฉินเทียนกับพี่น้องตระกูลหยวนมีความบาดหมางกัน!”

“เขามา ล้วนต้องตาย!”

ดวงตาของหยวนหู่แดงก่ำ ด้วยความอาฆาต

เมื่อเห็นอาการเช่นนั้นของเขา ทุกคนก็ต่างตื่นตระหนก

จ้าวซวู่หัวเราะลั่นและเอ่ยว่า “พี่น้องตระกูลหยวน เป็นผู้นำที่โดดเด่นในองครักษ์ทั้งสามสิบของตระกูลจ้าว!”

“เจ้าสมาคมเถีย ดูเหมือนว่าปกติแล้วพวกคุณก็ถูกฉินเทียนกดขี่อยู่ไม่น้อยใช่ไหม?”

“ไม่เป็นไร วันนี้ผมจะระบายความโกรธของพวกคุณให้!”

“ตระกูลจ้าวของผมถูกส่งไปประจำการที่หลงเจียง และมันเริ่มต้นด้วยการตัดหัวของฉินเทียน!”

หยวนเป้าพูดอย่างโกรธเคือง: “ยังยืนงงอะไรอยู่ รีบโทรสิ!”

“ถ้าฉินเทียนไม่มา ฉันจะฆ่าพวกแกให้หมด!”

พี่น้องเลือดของพวกเขาพิการและกลายเป็นคนง่อยก็เพราะฉินเทียน

พวกเขาทนความแค้นนี้มานานแล้ว

ตอนนี้ที่ฉินเทียนอยู่ข้างหน้าพวกเขา พวกเขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไป

เถียหลินเฟิงดูตกใจมาก กลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ พร้อมกับกดเบอร์โทรหาฉินเทียน

“ฮัลโหล่ คุณฉิน—”

“สามาคมของเรามีทานอาหารเย็นที่หอว่างเยว่ เพื่อหารือเกี่ยวกับการพัฒนาครั้งต่อไปของหลงเจียง”

“เลยอยากเชิญคุณมาด้วยครับ”

ในไม่ช้า บอดี้การ์ดชั้นล่างก็รายงานว่า ฉินเทียนมาแล้ว!

เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาของหยวนหู่และหยวนเป้าก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที

พวกเขาแทบรอไม่ไหว ที่จะรีบออกไป และเป่าหัวของฉินเทียนให้กระจุยในทันที

จ้าวซวู่ก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเช่นกัน หลังจากวางแผนกันมานาน ในที่สุดก็จะได้ผลแล้ว

เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ และพูดว่า “อย่าหุนหันพลันแล่น ให้เขาขึ้นมา!”

“ฉันอยากจะดูให้ชัดว่า เมื่อความตายใกล้เข้ามา เขายังจะพูดอะไรอีก!”