ท่ามกลางท้องฟ้าสีเทาหม่น

ทั้งตะวัน จันทรา และหมู่มวลดาราได้หายไปสิ้น

เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำลอยขึ้นเหนือน้ำทะเลลึก แหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า

“หมอกแห่งความตาย…”

เขาพึมพำเบาๆ ในน้ำเสียงแฝงไปด้วยความไม่สบายใจอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

หมอกแห่งความตายจะค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในโลกสวรรค์ดึกดำบรรพ์ และเปลี่ยนแปลงให้เป็นสถานที่อันเหมาะสมสำหรับการเข้ามาอยู่อาศัยของมอนสเตอร์บรรพกาล

ใช่แล้วล่ะ หากเมื่อหมอกแห่งความตายปกคลุมโลกสวรรค์ดึกดำบรรพ์เอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ เหล่ามอนสเตอร์บรรพกาลทั้งหมดก็จะบุกเข้ามายังที่นี่

แท้จริงแล้วโลกบรรพกาล มันไม่สามารถนับรวมเป็น ‘โลก’ ได้ มันเป็นเพียง ‘กรง’ ที่มีไว้ใช้สำหรับขังมอนสเตอร์บรรพกาล เพื่อให้พวกมันปกป้อง ‘ประตู’ ก็เท่านั้นเอง

เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำถอนหายใจยาว

เขาเดินทางข้ามผ่านยุคภาพทับซ้อนมานับร้อยๆ ครั้ง เพื่อค้นหากู่ฉิงซานอย่างละเอียด จนเวลาล่วงเลยผ่านไปหลายวัน

และในอีกหลายวันต่อจากนั้น เทพวิญญาณโบราณตนอื่นๆ ก็ทุ่มเทพยายามอย่างเหน็ดเหนื่อย แต่ก็ยังไม่สามารถค้นพบร่องรอยของกู่ฉิงซานได้

กระทั่งเทพวิญญาณเปลวไฟทองคำ ก็ยังทุ่มเทพลังทั้งหมดที่เขามี

แต่ก็เหมือนกับตนอื่นๆ ไม่มีวี่แววว่าจะเจอตัวกู่ฉิงซานเลย

เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำบังเกิดความสงสัยว่า กู่ฉิงซานอาจจะถูกกินไปแล้วก็ได้

เขาเคยเล่าถึงข้อสันนิษฐานนี้ต่อร่างมนุษย์แสงแล้วเช่นกัน มนุษย์แสงตอบว่ามันจะไปตรวจสอบเรื่องนี้กับเผ่าพันธุ์บรรพกาลในยุคภาพทับซ้อนทันที

และนี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน แต่ล่วงเลยมาจนถึงวันนี้ เวลาก็เริ่มมืดค่ำแล้ว มนุษย์แสงก็ยังไม่กลับมา

เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำ ดำดิ่งลงไปในห้วงทะเลลึก เพื่อทำการค้นหาอีกครั้ง

เขายังคงไม่ยอมแพ้ เฝ้าพยายามค้นหาร่องรอยของกู่ฉิงซานด้วยกำลังทั้งหมดที่มีอย่างไม่ลดละ

หนึ่งชั่วยามต่อมา

เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำก็ผุดขึ้นมาเหนือผิวน้ำ

นั่นเพราะมันไม่มีสถานที่ใดในใต้ท้องทะเลเลย ที่จะสามารถใช้ซ่อนตัวได้

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ร่างมนุษย์แสงก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา

“ได้ความว่าอย่างไร? พวกเผ่าพันธุ์บรรพกาลว่าอย่างไรบ้าง?”

เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำเอ่ยถามทันที

“พวกมันรู้แค่ว่า หลายศพที่กินไปเป็นเผ่ามนุษย์ แถมยังไม่คิดสนทนากับข้า ขับไล่ข้าออกมาโดยตรง” ร่างมนุษย์แสงกล่าวเบาๆ

“ไอ้พวกเผ่าพันธุ์โง่เง่านั่น…” เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำกัดฟัน

“มันไม่สำคัญหรอก เพราะสุดท้ายอย่างไรวันสิ้นโลกก็จะมาถึงอยู่ดี เจ้าไม่จำเป็นต้องอารมณ์เสียไป” มนุษย์แสงกล่าว

“นี่มิใช่อารมณ์เสีย เพียงแต่พวกเราไม่ทราบว่ากู่ฉิงซานโดนพวกมันกินไปแล้ว หรือยังมีชีวิตอยู่กันแน่” เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำ กล่าว

“สำหรับคำถามนี้ บอกตามตรงว่ามันค่อนข้างเป็นปัญหาเล็กน้อย” ร่างมนุษย์แสงถอนหายใจ

เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง ปากเอ่ยกล่าว “ไม่ว่ากรณีใดๆ นี่คือยุคภาพทับซ้อน ดังนั้น พวกมันย่อมอ่อนแอกว่าข้า  มันจะเป็นการดีกว่าไหมหากเสาะหาร่องรอยของกู่ฉิงซานจากร่างของมัน”

“กล่าวเช่นนี้ เจ้ากำลังคิดกระทำสิ่งใด?” ร่างมนุษย์แสงถาม

เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำ “เผ่าพันธุ์บรรพกาลไร้ประโยชน์แล้ว ฉะนั้น พวกเราจะไปจับตัวผู้นำของมันมา แล้วเค้นความทรงจำ เพื่อตรวจสอบว่ากู่ฉิงซานอยู่ที่ไหน”

ร่างมนุษย์แสงเงียบงันไปชั่วขณะ ก่อนจะกล่าว “แบบนั้นก็ได้ แต่เจ้ามิอาจกระทำมันได้อย่างเปิดเผย มิฉะนั้น หากกู่ฉิงซานยังคงอยู่ในยุคภาพทับซ้อนใบนี้ พวกเราก็จะไม่อาจตามหามันได้อีก เพราะเผ่าพันธุ์โบราณคงตามไล่ล่าพวกเรา จนไม่อาจเจียดเวลาตามหามนุษย์จากอนาคต”

“ข้าทราบดี พวกเราคงต้องพิจารณาเพิ่มเติม เพื่อที่จะทำให้เรื่องทั้งหมดนี้เป็นไปอย่างราบรื่น” เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำกล่าว

สองวันต่อมา

ร่างของมอนสเตอร์ขนาดใหญ่ถูกโยนลงในทะเล ค่อยๆ จมสู่ก้นบึ้งเบื้องล่าง

นี่คือร่างศพของนายพลรบแห่งเผ่าพันธุ์บรรพกาล

เหนือผิวทะเล เจ็ดถึงแปดแสงจรัสที่กำลังสาดแสง ลอยนิ่งงันไม่ไหวติง

แผนการลักพาตัวนายพลบรรพกาลของพวกเขาประสบความสำเร็จ

เก้าเทพวิญญาณลงมือโดยพร้อมเพรียง แถมยังเป็นการเปิดโจมตีอย่างกะทันหัน พวกเขาจึงสามารถโค่นนายพลบรรพกาลได้ในที่สุด

ทว่าทันทีหลังจากที่การตรวจสอบสิ้นสุดลง คำตอบที่เทพวิญญาณได้รับก็ต้องทำให้พวกเขาผิดหวัง

นั่นเพราะเผ่าพันธุ์บรรพกาล มิได้มีข่าวคราวใดๆ ของกู่ฉิงซานเลย

หลายเทพวิญญาณก้มหน้าลง ขบคิดเป็นเวลานาน

ร่างมนุษย์แสงเอ่ยปาก “เผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่น่าจะสามารถทำได้ถึงขนาดนี้ พวกมันไม่มีทางที่จะสามารถหลบซ่อนตัวไปจากพวกเรา ยิ่งเป็นเผ่าพันธุ์บรรพกาลยิ่งแล้วใหญ่ หากกู่ฉิงซานอยู่ในเศษเสี้ยวยุคภาพทับซ้อนนี้จริงๆ มันไม่มีทางเป็นไปได้ที่เขาจะเล็ดลอดไปจากการค้นหาของพวกเรา”

จู่ๆ เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำก็กล่าวขึ้น “แล้วถ้าหากเขามิได้อยู่ในโลกสวรรค์ดึกดำบรรพ์เล่า?”

“นั่นเป็นไปไม่ได้ โลกอีกใบที่พวกเราสร้างขึ้น อยู่ภายใต้การควบคุมที่รัดกุมยิ่ง และพวกเราย่อมไม่มีทางปล่อยให้สิ่งมีชีวิตใดหลุดรอดเข้าไป” ร่างมนุษย์แสงกล่าว

เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำ “ข้ามิได้หมายถึงโลกใบนั้น หากแต่ต้องการจะสื่อว่า นอกเหนือไปจากโลกสวรรค์ดึกดำบรรพ์แล้ว มันยังมีโลกปีศาจดึกดำบรรพ์อยู่อีกไม่ใช่หรือ?”

โลกปีศาจดึกดำบรรพ์!

ถึงจุดนี้ เทพวิญญาณตนอื่นๆ เริ่มตกใจบ้างแล้ว

จริงสิ มันเป็นไปได้มากทีเดียว ที่ผู้ฝึกยุทธจะไปหลบซ่อนตัวอยู่ในโลกปีศาจ

นี่น่าจะเป็นคำอธิบายที่ดีที่สุดแล้วในปัจจุบัน

ร่างมนุษย์แสงเงียบไปครู่หนึ่งและกล่าว “โลกปีศาจดึกดำบรรพ์ถูกทำลายลงจนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ปัจจุบันมันกระจายตัวกลายเป็นโลกนับพัน ดังนั้น ต่อให้พวกเราและเผ่าบรรพกาลร่วมมือกันค้นหา บางทีอาจจะต้องใช้เวลากว่าที่คิด”

“เวลาไม่สำคัญ ตราบใดที่เราสามารถหามันเจอก็พอแล้ว” เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำกล่าว “แต่อันดับแรก คงต้องเริ่มจากตรวจสอบข้อมูลเสียก่อน ว่าเมื่อเร็วๆ นี้ ในโลกปีศาจมีเรื่องราวพิเศษใดเกิดขึ้นหรือไม่…”

“เรื่องนี้ง่ายที่จะทำ การซื้อข่าวจากปีศาจเป็นสิ่งที่ง่ายดายที่สุด”

ร่างมนุษย์แสงหยิบเอาอัญมณีที่เปล่งประกายไสวออกมา และกำมันไว้ในฝ่ามือของเขา

ปากเริ่มกระตุ้นร่ายคาถา

ไม่นานนัก

ปีศาจเขี้ยวตะปบที่มีขนาดเท่าฝ่ามือก็ปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า

เพียงหยั่งเท้าลงกลางอากาศ ปีศาจเขี้ยวก็กวาดสายตามองอัญมณี เพ่งมองมันด้วยความระมัดระวังทันที

“อัญมณีนี่เป็นของดี ข้ายอมรับมัน ไม่ทราบว่าพวกท่านต้องการล่วงรู้สิ่งใด ขอแค่เพียงเอ่ยถาม” ปีศาจเขี้ยวกล่าว

เมื่อไม่นานมานี้ มีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้นในโลกปีศาจหรือไม่?” ร่างมนุษย์แสงเอ่ยถาม

“เหตุการณ์ใหญ่? ทุกๆ วันในรอยต่อเขตชายแดนก็มีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้นเป็นประจำอยู่แล้ว ไหนจะเรื่องสมบัติอีก ท่านสมควรลงรายละเอียดให้มากกว่านี้” ปีศาจเขี้ยวกล่าว

“เมื่อเร็วๆ นี้ มีอะไรแปลกๆ แปลกชนิดเป็นประวัติการณ์ สั่นสะเทือนทั้งโลกปีศาจเกิดขึ้นบ้างหรือไม่?” เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำชิงถาม

ปีศาจเขี้ยวกล่าวโดยไม่ลังเล “โอ้ หากเป็นในกรณีที่ว่าก็มีอยู่เรื่องหนึ่ง”

“จงเร่งบอกมา!”

ปีศาจเขี้ยวกลั้วคอและกล่าว “มีกษัตริย์ปีศาจตนหนึ่ง ได้ทำการผสานรวมโลกปีศาจกว่าสิบเอ็ดใบเข้าด้วยกันอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาอันสั้น และสิ่งที่แปลกก็คือ กษัตริย์ปีศาจตนนั้นมิได้ริเริ่มก่อสงครามแต่อย่างใด ทว่ากลับสามารถฉกชิงแหล่งกำเนิดธาตุจากโลกปีศาจตนอื่นๆ มาไว้ในกำมือได้”

“ที่แปลกยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ไม่มีกษัตริย์ปีศาจ หรือราชาภูตตนใดกล้าที่จะคิดล้างแค้นเขา ทั้งพวกมันยังปิดหูปิดตา ราวกับไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้”

“นอกจากนี้ ในสถานที่ชื่อว่าโลกปีศาจของซี่ฉี เมื่อไม่นาน มีข่าวแว่วมาว่าได้เกิดทัณฑ์สวรรค์ขึ้นมากกว่า ‘สาม’ ครั้ง”

“พวกท่านทราบเกี่ยวกับทัณฑ์สวรรค์หรือไม่? มันคือสิ่งที่ผู้ฝึกยุทธเผ่าพันธุ์มนุษย์จักต้องพบเผชิญ ซึ่งนี่ไม่นับรวมกษัตริย์ปีศาจและราชาภูต แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดทัณฑ์สวรรค์จึงไปปรากฏขึ้นที่โลกปีศาจ”

“ข้าถึงขั้นทุ่มเค้นถามกษัตริย์ปีศาจตอนเมามายมาแล้ว”

“แต่กษัตริย์ปีศาจก็เอาแต่พูดซ้ำๆ ว่าเขามิใช่มนุษย์ ดังนั้นข้าจึงไม่ได้รับข้อมูลที่มีค่าอื่นใดอีก”

เหล่าทวยเทพรับฟังอย่างตั้งใจ

“ย่อมเป็นเขา” เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำ กล่าวเสียงต่ำ

ร่างมนุษย์แสงกล่าวทันที “เราต้องการคาถาเข้าสู่โลกปีศาจซี่ฉี”

ปีศาจเขี้ยวอึ้งงันไปชั่วครู่ สุดท้ายยินยอมบอกคำร่ายคาถาไป

ร่างมนุษย์แสง เทพวิญญาณเปลวไฟทองคำ และเทพวิญญาณตนอื่นๆ เริ่มพากันเปล่งคำร่ายคาถาพร้อมกัน

ในเสี้ยววินาที พวกเขาทั้งหมดก็หายวับไปจากโลกสวรรค์ดึกดำบรรพ์

ในสถานที่เดิม เหลือเพียงปีศาจเขี้ยวถูกทิ้งเอาไว้

ปีศาจเขี้ยวก้มลงมองท้องทะเลที่ว่างเปล่า จากนั้นเหลียวไปมองศพเผ่าบรรพกาลที่กำลังจมลง ก็เริ่มเข้าใจถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นตามมา

มันสบถ “บ้าจริง ข้าเพียงแค่ต้องการขายข่าว แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่ามันจะเป็นการชักนำหายนะมาเยือนเสียแล้ว”

“แบบนี้ไม่ดีแน่ คงต้องรีบหาที่หลบซ่อนตัวทันที”

มันกุมอัญมณีไว้ในมือ และเจาะตัวหายเข้าไปในมิติที่ว่างเปล่า

ณ โลกปีศาจซี่ฉี

พระราชวังถูกสร้างขึ้นมาใหม่อย่างโอ่โถงและงดงาม

นี่คือที่พำนักของกษัตริย์ปีศาจ

อย่างไรก็ตาม เวลานี้ กู่ฉิงซานมิได้อยู่ในพระราชวัง

แต่เขาอยู่ในบาร์ชนบท ซึ่งห่างออกมาจากพระราชวังกว่าหลายร้อยลี้

กู่ฉิงซานกำลังนั่งอยู่ริมหน้าต่าง ดื่มด่ำไปกับไวน์ของโลกปีศาจ

ทันใดนั้นเขาก็รับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง

กู่ฉิงซานวางขวดลง ตบลงในถุงสัมภาระอย่างไม่ลังเล และหยิบกล่องหยกออกมา

กล่องหยกถูกเปิดออก ใบหยกถูกยกขึ้น สองมือค่อยๆ กุมมันอย่างแผ่วเบา

หลังเสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมดนี้ กู่ฉิงซานก็เดินออกจากบาร์ เงยหน้ามองไปบนท้องฟ้า

เห็นแค่เพียงเจ็ดถึงแปดแสงจรัสกำลังลดระดับลงมาจากขอบฟ้าที่อยู่ไกลออกไป

เป็นเทพวิญญาณ!

เทพวิญญาณได้เดินทางเข้าสู่โลกปีศาจแล้ว!

รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายที่พิเศษออกไปของเหล่าทวยเทพ โลกปีศาจทั้งใบก็พลันถูกโยนลงสู่ความสับสนวุ่นวาย

เสียงคำรามด้วยความโกรธดังออกมาจากพระราชวังของกษัตริย์ปีศาจ

“เทพวิญญาณตัวร้าย! เหตุใดพวกเจ้าจึงย่างกรายเข้ามาในโลกปีศาจ!?”

กษัตริย์ปีศาจที่สวมชุดเกราะ และหลายสิบปีศาจทรงอำนาจพลันทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที

เนื่องจากนี่มิใช่เป็นมอนสเตอร์บรรพกาลบุกเข้ามา แต่เป็นเพียงเทพวิญญาณแค่ไม่กี่ตน ดังนั้นพวกมันหาหวาดกลัวไม่!

บนท้องฟ้า เสียงเปี่ยมบารมีของเทพวิญญาณดังขึ้น

“กษัตริย์ปีศาจ จงอย่าได้ขัดขวางเราเทพวิญญาณ มิฉะนั้นเจ้าจะต้องพบเผชิญกับชะตากรรมที่มิอาจคาดเดาได้!”

ระหว่างกล่าว เหล่าทวยเทพก็เริ่มเปิดฉากโจมตีทันที

ลอบโจมตีอย่างกะทันหัน สมกับที่เป็นตัวโกงโดยแท้

กู่ฉิงซานปะปนอยู่ในฝูงปีศาจ เฝ้าชมการต่อสู้บนท้องฟ้าอย่างเงียบๆ

คาดว่าคงจะเป็นทัณฑ์สวรรค์ ที่ได้เปิดโปงสถานะมนุษย์ของเขา

หลังจากเสร็จสิ้นการยกระดับขอบเขตใหญ่ไปกว่าสามครั้ง และผสานรวมโลกเข้าด้วยกันไปนับสิบใบ ตัวตนของเขาจึงถูกเผยออกมา

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้กู่ฉิงซานไม่ได้มีตำแหน่งเป็นกษัตริย์ปีศาจ

เขาประเมินการผสานรวมโลกปีศาจต่ำเกินไป ไม่คาดคิดว่ามันจะก่อให้เกิดปีศาจที่ทรงพลังยิ่งกว่าขึ้น

ดังนั้น ณ ตอนนี้ กษัตริย์ปีศาจในโลกใบนี้จึงไม่ใช่เขา

ทว่ากู่ฉิงซานก็ยังคงสามารถอาศัยอยู่ในโลกใบนี้ได้ เนื่องจากผลงานอันใหญ่หลวงที่เขาได้กระทำต่อโลกปีศาจ

เขาเปลี่ยนร่างเป็นปีศาจที่มีพลังต่ำต้อย หลบเร้นออกจากสายตาของปีศาจตนอื่นๆ

ในเวลานี้ กู่ฉิงซานกำลังเฝ้ามองดูเทพวิญญาณบนท้องฟ้าอย่างเป็นจริงเป็นจัง

มองไปยังกษัตริย์ปีศาจที่กำลังต้านทานร่างมนุษย์แสงและเจ็ดถึงแปดเทพวิญญาณ

สลับไปมองเทพวิญญาณที่บนหน้าผากลุกไหม้ไปด้วยเปลวไฟทองคำ

ซึ่งตนนี้แตกต่างออกไป มันมิได้เข้าร่วมการต่อสู้ ทว่ากำลังสาดเส้นแสงไสวออกมา กวาดลงบนพื้นดิน คล้ายกำลังตรวจสอบบางอย่าง

กู่ฉิงซานเฝ้ามองมันอย่างรอบคอบ พยายามสัมผัสพลังบนร่างกายของมัน และได้ข้อสรุปว่า

แข็งแกร่งเกินไป…

แม้ว่าตนจะประสบความสำเร็จ ยกระดับขึ้นสู่ ‘ขอบเขตเบิกเนตรมิติ’ แล้วก็ตามที แต่ก็ยังห่างชั้นกับฝ่ายตรงข้ามอยู่ดี

กู่ฉิงซานส่ายหัวด้วยความเสียดายเล็กน้อย

ตนเองจำเป็นต้องแข็งแกร่งขึ้น อาจต้องยิ่งกว่าเซี่ยกู่หงส์ จึงค่อยมอบความปราชัยให้แก่ฝ่ายตรงข้ามได้

หมายความว่า…ยังต้องการเวลาอีกมาก…

กู่ฉิงซานถอนสายตาของเขา

ในระหว่างที่ปีศาจทั้งหมดหลั่งไหลออกจากบาร์ กู่ฉิงซานกลับทำตรงกันข้าม เขาเดินกลับไป และหยิบขวดไวน์ปีศาจขึ้นมา

เขาเดินไปแอบที่มุมหนึ่ง ซ่อนตัวชั่วคราวโดยใช้ค่ายกลปกปิด

ยกขวดกระดกขึ้นดื่มไวน์อีกรอบ กู่ฉิงซานจึงค่อยเอื้อมมือไปสัมผัสลงบนใบหยก

ผนึกบนใบหยกถูกทำลาย กระจายหายไปในทันใด

ใบหยกสัมผัสได้ถึงความผันผวนทางพลังวิญญาณที่เกินกว่าข้อที่กำหนดไว้ของกู่ฉิงซาน

จึงบังเกิดระลอกคลื่นกระจ่างใสแผ่ออกมา โถมเข้าปกคลุมกู่ฉิงซาน และชักนำตัวเขาออกไปจากโลกปีศาจอย่างเงียบๆ

ไม่สิ ไม่น่าจะเรียกว่าหายไปจากโลกปีศาจ

แต่ภายใต้การชักนำของใบหยก เขาได้ออกไปจากภาพทับซ้อนยุคโบราณนี้ เดินทางข้ามผ่านห้วงมิติเวลา มุ่งหน้าสู่ภาพทับซ้อนลับต่อไปของเผ่าพันธุ์มนุษย์

และกระบวนการทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นในบาร์ที่อยู่ห่างจากวังปีศาจไปหลายร้อยลี้

ด้วยเหตุนี้เอง จึงไม่มีเทพวิญญาณตนใดสามารถตระหนักได้ถึงมัน…

………………..