ตอนที่ 63 ใส่เสื้อตัวนี้ไปก่อน

ระบบอัจฉริยะที่ไม่มีใครเสมอเหมือน

เมื่อมองไปที่ชายสองคนที่กำลังวิ่งเข้ามาพร้อมกับมีดที่อยู่ในมือด้วยใบหน้าที่โหดร้าย เสี่ยวหลัวก็มีเส้นสีดำปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา เขาหันไปมอง จาง ซูซาน: “แกจะไม่ลง ไปจัดการพวกมันหน่อยเหรอ?”

“ทำไมต้องเป็นฉัน? แกต่างหากที่เป็นนักสู้ที่มีความสามารถมากที่สุด แกต่างหากที่ควรจะเป็นคนที่ลงไป! ฉันจะส่งเสียงเชียร์ให้แกจากในรถตรงนี้เอง” จาง ซูซาน ตอบกลับทันที

“แกคือคนที่บอกว่าจะช่วยชีวิตเธอ ฉันยังไม่ทันได้พูดอะไรเลยสักคำ” เสี่ยวหลัว ตอบกลับอย่างเหยียดหยาม

เมื่อเห็นชายทั้งสองคนเข้ามาใกล้มากขึ้น จาง ซูซาน ก็รู้สึกวิตกกังวลมาก “เฮ้พี่ชาย เรื่องนั้นมันไม่สำคัญอะไรแล้วตอนนี้ ถ้าพวกมันกรีดรถของฉันเป็นรอย ฉันจะฆ่าตัวตายต่อหน้าแกให้ดู”

“งั้นแกก็ตายให้ฉันดูสิ” เสี่ยวหลัว ยักไหล่ออกมาอย่างไม่แยแส

“ไอเจ้านี่นิ เรายังเป็นพี่น้องกันอยู่ไหม? การพูดอะไรทำนองนี้ มันจะทำให้แกโดนฟ้าผ่าตายได้ง่ายๆเลยนะ”

จาง ซูซาน เริ่มร้อนรนขึ้น แต่จากนั้นเขาก็ยิ้มแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร“เสี่ยวหลัวทุกคนต่างกระตือรือร้นที่จะเป็นฮีโร่ ที่ได้ช่วยชีวิตสาวงาม ตอนนี้โอกาสที่จะทำเช่นนั้นได้มาถึงแล้ว ทำไมแกไม่ออกไปหละ บางทีเธออาจจะเสนอร่างตัวเองตอบแทนให้กับเเกก็ได้นะ เมื่อพิจารณาจากรูปร่างของเธอแล้ว เธอก็เป็นคนที่สวยคนหนึ่ง หากเราสองคนคิดที่จะเข้าไปคุยกับเธอ ฉันสามารถบอกแกได้เลยว่าเธอจะต้องเมินพวกเราอย่างแน่นอน แกรู้ใช่ไหมว่าฉันกำลังพูดถึงเรื่องอะไร”

“แกทำงานที่ธนาคารจริงหรือเปล่าเนี้ย ทำไมแกถึงได้มีจินตนาการที่ละเมอเพ้อพกได้ถึงขนาดนี้” เสี่ยวหลัว เหน็บแนมเขา

จาง ซูซาน สับสน “งั้นฉันควรไปทำงานที่ไหน?”

“แกควรไปเป็นนักเขียนบทละครภาพยนตร์!” เสี่ยวหลัว ตะโกนใส่หน้าเขา

เมื่อพูดจบเขาก็เปิดประตูรถแล้วเดินลงมาจากรถ

ชายคนหนึ่งพุ่งเข้าใส่เขาในทันที อย่างไรก็ตามครู่ต่อมาวิสัยทัศน์ของมันก็กลับด้าน เท้าของเสี่ยวหลัวที่สวมรองเท้าผ้าใบสีขาวลงแนบลงบนหน้าอกของมันอย่างแรง วินาทีต่อมา ร่างของคนที่พุ่งเข้ามา ทันใดนั้นก็ตัวแข็งค้างราวกับว่าเขาถูกฟ้าผ่า หน้าอกของเขาปวดร้าวและรู้สึกเจ็บปวดราวกับว่าหัวใจของเขากำลังจะหยุดเต้น เลือดพุ่งออกมาจากปากของเขาในทันที

“อั๊ก!”

เมื่อเลือดของเขาไหลออกมา ร่างกายของเขาก็บินลอยไปข้างหลังราวกับว่าวที่เชือกขาด จากนั้นร่างของเขาก็ลอยตกลงไปที่พื้นห่างออกไปสี่ถึงห้าเมตร

ชายอีกคนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาตะโกนเสียงดังพร้อมกับแทงมีดที่อยู่ในมือของเขาไปที่เสี่ยวหลัว

เสี่ยวหลัว ย่อตัวขาของเขาเล็กน้อยแล้วกระโดดขึ้นไปในอากาศ พร้อมกับตีลังกา 360 องศากลางอากาศ เขาหมุนเท้าขวาของเขาเพื่อหลบมีดที่พุ่งเข้ามา จากนั้นก็เหวี่ยงเท้าซ้ายของเขาไปที่ร่างของฝ่ายตรงข้าม

“ปัง!”

ชายคนนั้นพุ่งบินถอยกลับไปด้านข้าง เขาบินข้ามหลังคารถ โยต้า โคโลล่า ของ จาง ซูซาน และลอยพุ่งชนเข้าไปที่กำแพงซอย ร่างของเขาติดอยู่กับผนังราวกับก้อนโคลนครึ่งวินาที ก่อนที่มันจะค่อยๆลื่นไถลลงไปที่พื้น

“เชี้..ยไรเนี้ย? พละกำลังของเจ้านี่ทำไมถึงได้มากมายมหาสารขนาดนี้!”

จาง ซูซาน จ้องมองไปที่เสี่ยวหลัวอย่างตกตะลึงจากภายในรถ เพื่อนของเขาจัดการกับชายสองคนที่ถือมีดได้ในพริบตา การเคลื่อนไหวของเขานั้นน่ากลัวมาก “โอ้ม๊ายก๊อด หลังจากเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์เสี่ยวหลัวก็ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน? ทำไมเขาถึงดุร้ายดุอย่างกับเสือเช่นนี้”

จาง ซูซาน ที่ว่าตกใจมากแล้ว แต่ชายทั้งสามคนที่เหลือต่างหากที่เป็นคนที่ตกใจมากที่สุด ตอนแรกพวกเขาคิดว่าพวกเขาแค่พบเจอเรื่องยุ่งยากเล็กน้อย พวกเขาไม่คิดเลยว่าจะไปเตะเข้ากับแผ่นเหล็กหนาเข้าเช่นนี้

เมื่อเสี่ยวหลัวเดินเข้าไปหาพวกเขาประสาทของชายทั้งสามคนก็เกร็งในทันที พวกเขาไม่สามารถมองไม่เห็นใบหน้าของเสี่ยวหลัวได้อย่างชัดเจน พวกเขาเห็นเพียงเงารางๆที่เดินเข้ามาอย่างช้าๆ

เป็นเพราะพวกเขามองเห็นได้ไม่ชัดเจน มันทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวและวิตกกังวลมาก มันราวกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้านี้เป็นวิญญาณชั่วร้ายที่กำลังเดินเข้ามาใกล้พวกเขาเรื่อยๆ พวกเขามองไปที่พรรคพวกทั้งสองคนที่นอนอยู่บนพื้น ที่กำลังส่งเสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดอออกมา ทันใดนั้นก็มีเม็ดเหงื่อขนาดเท่าเม็ดถั่วไหลออกมาจากหน้าผากของพวกเขาโดยไม่รู้ตัว

ชายผู้ที่เพิ่งจะรูดซิปกางเกงของเขาลง เขาฟื้นคืนสติของเขากลับมาหลังจากสบัดหัวหลายครั้ง เขาชี้กริชไปที่เสี่ยวหลัวขณะกล่าวเตือนอย่างรุนแรง“หยุดอยู่ตรงนั่น! อย่าเข้ามาใกล้! ไม่งั้นแกตาย!”

เสี่ยวหลัวยังคงนิ่งเงียบ เขายังคงเดินหน้าต่อไป เสียงฝีเท้าของเขาดังเจาะทะลุเข้าไปในโสทประสาทของทุกคนเพราะซอยที่เงียบสงบนี้

“แต๊ก … แต๊ะ … แต๊ะ”

สำหรับผู้ชายทั้งสามคน เสียงฝีเท้าเหล่านี้ราวกับเป็นเสียงระฆัง ที่เคาะดังอยู่ในจิตวิญญาณของพวกเขา

“ฉันบอกให้หยุด! แกไม่ได้ยินหรือไง?! ฉันบอกว่าให้แกหยุด!” ผู้ชายคนนั้นตวาดเสียงดังซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เสี่ยวหลัวทำเสียงฮึดฮัดและหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา: “รีบจบเรื่องนี้กันเถอะ เพราะฉันกำลังรีบ!”

“แก … ”

ด้วยประโยคนี้มันทำให้ชายที่เป็นหัวหน้ารู้สึกโกรธ เขากัดฟันของเขาด้วยความโกรธและออกคำสั่งกับชายสองคนที่จับตัวหญิงสาวไว้ “พวกแก ไปฆ่ามันให้ฉันเดี๋ยวนี้!”

ชายทั้งสองคนปล่อยมือของพวกมันออกจากหญิงสาวและส่งเสียงคำราม พร้อมกับวิ่งตรงไปที่เสี่ยวหลัว หนึ่งในนั้นเคลื่อนไหวได้รวดเร็วมาก ระยะห่างระหว่างชายสองสั้นลงในทันที มีดอันเฉียบคมเป็นราวกับสายฟ้ามันพุ่งเข้าไปเฉือนที่ศีรษะและต้นคอของเสี่ยวหลัว เสี่ยวหลัวยกมือของเขาขึ้นแล้วยื่นมือซ้ายของเขาออกมา ทันใดนั้นวิสัยทัศน์ของผู้ชายก็พร่ามัว เขาถูกตบหน้าเข้าอย่างแรง มันไม่ทันที่เขาจะได้เห็นฝ่ามือของเสี่ยวหลัวอย่างชัดเจนเลยด้วยซ้ำ

“เปี๊ยะ!”

เสียงตบดังขึ้น แก้มของชายคนนั้นบวมเป็งและร่างกายของเขาก็ถูกส่งบินลอยออกไป พร้อมกับฟันที่เปื้อนเลือด ตอนนี้เขาดูน่าสมเพชมาก

หลังจากกำจัดไปได้หนึ่งคน เสี่ยวหลัวก็ไม่ได้หยุดมือแต่อย่างใด มือยักษ์ของเขากลายเป็นกรงเล็บและคว้าไปที่คอของคนที่เหลือด้วยความดุร้ายราวกับนกอินทรี เพียงแค่เหวี่ยงแขน ผู้ชายคนนั้นก็กรีดร้องออกมา ในขณะที่ตัวของเขาถูกยกลอยเหวี่ยงขึ้นไปบนอากาศ ภายใต้อิทธิพลของแรงโน้มถ่วงร่างของเขาตกลงมาที่พื้นอย่างแรง ขาขวาที่ตกลงมาหักลงในทันทีเมื่อชนกับพื้น เสียงร้องโหยหวนของความทุกข์ทรมานดังสะท้อนออกมาจากตรอกซอยที่มืดมิดแห่งนี้

แข็งแกร่ง!

หญิงสาวที่ถูกละเมิดเบิกตากว้าง เธอไม่คิดเลยว่าเสี่ยวหลัวจะทรงพลังขนาดนี้

ชายคนที่เป็นหัวหน้า เมื่อเห็นว่าพรรคพวกของเขาถูกเล่นงานไปจนหมดแล้ว เขาหันหลังกลับและวิ่งหนีออกไปในทันทีด้วยความหวาดกลัว

เสี่ยวหลัวมองลงไปที่ก้อนอิฐที่อยู่บนพื้น จากนั้นเขาก็ง้างขาออกมาและเตะไปที่ก้อนอิฐอย่างสุดแรง

“ปัง!”

อิฐที่ถูกวางอยู่บนพื้นอย่างนิ่งสงบ ในตอนแรก พุ่งบินออกไปจากใต้ฝ่าเท้าของเขา มันหมุนด้วยความเร็วอันมหาศาล สร้างวิถีโคจรที่น่าหวาดหวั่นเช่นเดียวกับดาวตก ในท้ายที่สุดมันก็พุ่งเข้าไปกระแทกที่ด้านหลังของคนที่กำลังวิ่งหนี

“อ๊ากกก!”

ชายคนนั้นล้มถลาลงไปพื้นเขาขดตัวและร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด

มันไม่มีความยากลำบากอะไรเลย ภายใต้แรงกดดันของเสี่ยวหลัว เขาเก็บกวาดพวกอัธพาลพวกนี้ได้อย่างง่ายดาย

จาง ซูซาน ที่เห็นกระบวนการทั้งหมดตั้งแต่ต้น เขารู้สึกราวกับเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องจริง เสี่ยวหลัวน้องชายของเขากระโดดเข้าสู่การต่อสู้แบบหนึ่งต่อห้า ยิ่งไปกว่านั้นเขากลับจัดการพวกอันธพาลทั้งห้าที่มีอาวุธได้จนราบคาบ ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที เขาก็จัดการพวกมัน จนพวกมันนอนร้องคร่ำครวญ กระจัดกระจายกันอยู่เต็มพื้น ใครจะเชื่อเรื่องนี้ถ้าเขาเล่าออกไป?

เสี่ยวหลัวถอดเสื้อผ้าของชายที่เป็นหัวหน้า และเดินไปเข้าไปหาหญิงสาวที่ยังคงตกตะลึง จากนั้นทั้งสองคนก็มองหน้ากัน และตกใจกับสิ่งที่พวกเขาเห็น

“เธออีกแล้วงั้นเหรอ” เสี่ยวหลัว ขมวดคิ้ว

ดวงตาของหญิงสาวเบิกตากว้างแล้วพูดออกมาอย่างไม่น่าเชื่อว่า “เสี่ยวหลัว”

เส้นผมของเธอปลิวไสว เธอมีคิ้วที่เรียวงาม ดวงตาที่สดใส จมูกโด่งแก้มที่แดงอมชมพูและริมฝีปากที่เย้ายวน แน่นอนว่าผู้หญิงคนนี้ก็คือ ฮวาง รั่วหราน นั่นเอง ตอนนี้เธอแต่งกายด้วยเสื้อผ้าธรรมแทนชุดของพนักงานเสิร์ฟ

ฮวาง รั่วหราน เธอไม่เคยคิดเลยว่าจะได้พบเจอกับอันธพาลห้าคน ในระหว่างที่เดินทางกลับไปที่มหาลัย เธอไม่คิดเลยว่าจะได้พบกับเสี่ยวหลัวอีกครั้ง และเขาก็เป็นคนที่เข้ามาช่วยชีวิตเธอ และทำให้เธอหลุดพ้นออกจากความสิ้นหวังนี้! ในขณะนี้ภายในจิตใจของเธอรู้สึกสับสนและความรู้สึกของเธอก็ซับซ้อนจนไม่สามารถที่จะบรรยายออกมาได้

เสี่ยวหลัวสงบสติอย่างรวดเร็วแล้วโยนเสื้อผ้าไปให้ร่างกายที่เปลือยเปล่าของ ฮวาง รั่วหราน “ใส่เสื้อตัวนี้ไปก่อน แล้วจัดการกับตัวเธอก่อนเถอะ”

ฮวาง รั่วหราน รีบห่อตัวเองด้วยเสื้ออย่างรวดเร็ว เธอเงยหน้าขึ้นมองเสี่ยวหลัวด้วยความขอบคุณแล้วพูดออกมาซ้ำๆว่า “ขอบคุณ … ขอบคุณ … “