เทาเท่ทำโทรศัพท์หาย หมายความว่าที่เขาคุยกับเจเทาวน์พังลง
เจเทาวน์ก็ไม่ได้โทรมาอีก โซเมนลูบคางแล้ววิเคราะห์อย่างมีความหมาย:“นักแสดงนำชายดีเด่นอย่างเจเทาวน์คิดแบบนี้กับหลินจือดูเหมือนว่าจะไม่ธรรมดา”
“ว่ากันตามเหตุผลแล้ว นายเป็นฝั่งนายทุน พวกเจเทาวน์แค่ทำให้นายพอใจก็พอ ถึงแม้จะขัดแย้งกับคนเขียนบทกับบท โดยพื้นฐานแล้วก็ต้องไล่คนเขียนบทไป มีที่ไหนกันที่ขอให้ฝ่ายนายทุนเปลี่ยนคนรับผิดชอบ?
สำหรับโซเมนแล้ว ที่เจเทาวน์แข็งใส่เทาเท่แบบนี้ ไม่เป็นเพราะหลินจือมีความสามารถมากจริงๆ ก็คงเป็นเพราะเจเทาวน์คิดอะไรเป็นพิเศษกับหลินจือ
ไม่ได้ปกป้องเธอจากมุมมองของเจ้านายกับลูกน้อง แต่เป็นมุมมองของชายหนุ่มที่รักหญิงสาว
เทาเท่ส่งสายตาอันเยือกเย็นให้เขา และหยิบขวดเหล้ามาเทให้ตัวเองดื่ม
เขามองออกนานแล้วว่าเจเทาวน์คิดไม่ซื่อกับหลินจือ แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่าเจเทาวน์จะสามารถต่อต้านเขาที่เป็นฝ่ายนายทุนเพื่อหลินจือได้
โซเมนเห็นเขาดื่มอย่างโหด จึงให้พนักงานบริการเอาเหล้าออกไป เขาจะได้ไม่ดื่มจนท้องเป็นอะไร ตอนนี้ก็ไม่มีใครดูแลเขาก่อนขึ้นเตียงและหลังลงเตียงแล้ว
ถึงแม้ตอนนี้ข้างกายเทาเท่จะมีซูซี แต่ซูซีเองเป็นผู้หญิงที่ทำอะไรไม่เป็นต้องคอยให้คนอื่นมาประเคนสุดๆ จะดูแลเทาเท่ได้ที่ไหน?
อย่ามองว่าตอนนี้ซูซีพักงานแล้วหันมาทำงานบ้านอะไรพวกนั้นทั้งวันจนดูเป็นภรรยาและแม่ที่ดี ที่จริงแล้วทั้งหมดล้วนเป็นเพียงการสร้างภาพ
หากมองอย่างละเอียดก็จะมองออกว่าซูซีจริงใจกับเทาเท่หรือไม่ ว่ากันว่าตอนนั้นที่หลินจือเพิ่งแต่งงานกับเทาเท่ยังทำอาหารไม่เป็น แต่หลังจากท้องของเทาเท่มีปัญหาเธอจึงเรียนทำอาหาร จากนั้นมาก็ตั้งใจเตรียมอาหารให้เทาเท่วันละสามมื้อ
ซูซีล่ะ?
โซเมนคิดว่าเธอแค่ทำแล้วอัปโหลดลงโซเชียลแบบนี้ก็เท่านั้น ส่วนอาหารที่ซูซีทำจะกินได้หรือไม่นั้นมีแค่ตัวเธอเองที่รู้
โซเมนไม่เชื่อว่าคนฉลาดอย่างเทาเท่จะมองการกระทำอย่างขอไปทีพวกนี้ของซูซีไม่ออก หรือเทาเท่แค่ชอบรูปลักษณ์ของซูซี?
ใบหน้าและหุ่นของซูซีถือว่าดูดีท่ามกลางเหล่าผู้หญิง ถ้าเทาเท่จะสนใจแค่หน้าตากับหุ่นของซูซี ที่จริงก็ไม่แปลกอะไร
ผู้ชายนี่ กินกามเป็นสันดานปกติ
โซเมนเหลือบมองท่าทางเทาเท่ที่ดูไม่โอเคนัก จึงไม่พูดอะไรที่กระตุ้นเขา
ต้องยอมรับว่าประสบการณ์ของหลินจือในคืนนี้ค่อนข้างมีชีวิตชีวา เป็นทั้งคนที่ดาราเด็กชายมองหา และยังเป็นคนที่ดาราชายยอดเยี่ยมแอบสนับสนุนอีก ไม่รู้ว่าในใจเทาเท่ยังคิดว่าหลินจือกำลังใช้กลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อจับเขาอยู่หรือไม่
หลินจือพักที่บ้านนานิไปคืนหนึ่ง ทั้งสองดื่มไปไม่น้อย แต่ไม่ส่งผลต่อหลินจือที่ตื่นมาเตรียมอาหารเช้าให้นานิเต็มโต๊ะในเช้าวันถัดมา
นานิกินไปบ่นไป:“พูดขึ้นแล้วก็ต้องขอบคุณเทาเท่นะ ที่ตอนนี้ฉันได้ลิ้มรสฝีมือของเธอ ต้องบอกว่าเมื่อก่อนการทำอาหารนี้เธอทำให้แค่เทาเท่คนเดียว”
หลินจือได้แต่หัวเราะไม่พูดอะไร ตัวเธอเองก็รู้สึกว่าเมื่อก่อนที่เธอทำทุกอย่างจากใจเช่นนั้นให้เทาเท่มันโง่มาก ดังนั้นแค่ไม่พูดถึงก็พอ
นานิถามเธออีกว่า:“เธอตัดสินใจถอนตัวจากบทนี้จริงเหรอ?”
หลินจือหลับตาลงเบาๆ น้ำเสียงทั้งเยาะเย้ยตัวเองและเสียใจ:“ฉันใช้เวลาหนึ่งปีถึงเดินออกมาจากความเสียใจของการอกหักและหย่าร้าง คนพวกนั้นเรื่องพวกนั้นล้วนแต่เป็นฝันร้ายของฉัน เห็นพวกเขาแล้วฉันก็คิดได้ว่าเมื่อก่อนตัวเองต่ำต้อยแค่ไหน และฉันก็เกลียดชังตัวเองที่น่าผิดหวัง”
“ดังนั้นถอนตัวดีกว่า ไม่ข้องเกี่ยวกันก็ไม่มีอะไรกวนใจอีก”
หลินจือรู้ว่าเป็นเทาเท่ที่ลงทุนตั้งแต่แรกแต่ก็ยังเลือกบทนี้ เพราะเธอคิดว่าตัวเองสามารถแยกงานออกจากเรื่องส่วนตัวได้อย่างชัดเจน
แต่ใครจะไปรู้ว่าเพิ่งจะเริ่มก็เล่นลูกไม้มากมายขนาดนี้แล้ว และถึงเธอพยายามอย่างแยกชัดเจน แต่ซูซีดูเหมือนจะไม่
นานิยื่นมือมาจับมือของเธออย่างออกแรง:“ฉันสนับสนุนเธอนะ”
เพิ่งทานอาหารเช้าเสร็จ โทรศัพท์ของหลินจือก็ได้รับข้อความที่เจเทาวน์ส่งให้เธอ:“ทางฝั่งฟอเรนากรุ๊ปส่งข้อความมาหาผมแล้ว บทไม่ต้องเปลี่ยน ยังเอาตามพล็อตคุณตอนนี้”
“แล้วก็ ผู้รับผิดชอบทางฟอเรนากรุ๊ปก็เปลี่ยนเป็นผู้ช่วยพิเศษควีนของเทาเท่แล้ว ต่อไปคุณก็เขียนบทอย่างสบายใจได้เลย”
หลินจือบีบโทรศัพท์สักพักยังไม่ได้สติคืนมา ไม่ต้องเปลี่ยนบทเหรอ?
เธอคิดว่าเมื่อวานซูซีก่อเรื่องจนเป็นแบบนั้นแล้ว เทาเท่จะต้องง้อแน่ และค่าตอบแทนจากการง้อนี้ก็ต้องเปลี่ยนบทตามซูซี
แล้วก็ ทำไมฟอเรนากรุ๊ปถึงเปลี่ยนคนรับผิดชอบล่ะ?
เธอไม่อยากเจอเทาเท่เลยสักนิดจริงๆ ใครกันที่ใจตรงกันกับเธอขนาดนี้ถึงได้จัดการเช่นนี้ออกมา?
หลินจือคิดไม่ออก ดังนั้นจึงรีบโทรหาเจเทาวน์
เจเทาวน์กลับไม่ปิดบัง:“ผมรู้ว่าคุณไม่อยากข้องเกี่ยวกับเขา ดังนั้นเมื่อคืนผมเลยบอกเขาไปตรงๆว่า ไม่คุณออกไปจากโครงการนี้แล้วเปลี่ยนคนเขียนบท ก็ให้เขาเปลี่ยนคนรับผิดชอบไป”
หลินจือ:“……”
เธอต้องยอมรับว่า เจเทาวน์ช่างแข็งใส่จริง
ในฐานะพนักงาน เจเทาวน์สนับสนุนเธอแบบนี้ทำให้เธอประทับใจมาก
“ประธานเจเทาวน์ ขอบคุณค่ะ”หลินจือพูดขอบคุณเจเทาวน์อย่างรู้สึกขอบคุณมาก แต่เธอไม่คิดว่าคนเย่อหยิ่งอย่างเทาเท่แบบนั้นจะดันประนีประนอมได้
เจเทาวน์ปลอบเธอด้วยรอยยิ้ม:“ไม่เป็นไรเลย ผมเสนอไปแบบนี้เพราะมีความมั่นใจว่า บทของพวกเราดี ถึงความร่วมมือกับเขาจะพังลง ผมก็ค่อยหานักลงทุนคนใหม่”
เจเทาวน์ชื่นชมบทของเธอแบบนี้ หลินจือก็ประทับใจจนไม่รู้จะพูดอะไร
ในใจเธอแอบสาบาน จะต้องทำบทนี้ให้เพอร์เฟค แบบนี้ถึงจะตอบแทนความชื่นชมที่เจเทาวน์มีต่อเธอได้
เจเทาวน์ไม่พูดอะไรอีก กำชับให้เธอรีบเขียนบทเสร็จก็วางสาย
หลังจากวางสายแล้วหลินจือก็ดีใจจนกอดนานิร้องเฮอยู่นาน ดีมากเลยไม่ต้องเปลี่ยนบท ไม่ต้องเห็นเทาเท่แล้วช่างดีเสียจริง
นานิที่ถูกเธอกอดก็อดอย่างไม่เข้าใจ:“คนอย่างเทาเท่นั่นประนีประนอมเป็นด้วย?เหลือเชื่อเลย”
นานิอยู่ในวงการบันเทิง เคยสัมผัสกับเทาเท่อยู่บ่อยครั้ง ถึงแม้ฟอเรนาเอนเตอร์เทนเมนต์เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรธุรกิจฟอเรนากรุ๊ปที่ไม่โดดเด่นที่สุด แต่เทาเท่ยังมีมุมมองจากภาพยนตร์และโทรทัศน์ลงไปที่ไม่แข็งกร้าวมากไป พวกเขาจะรับผิดชอบกระบวนการทุกอย่างของโครงการที่พวกเขาเข้าร่วม คนนอกแค่เชื่อฟังพวกเขาเท่านั้น
คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะดันประนีประนอมเพื่อ ไม่สิ เป็นไปได้ว่าอาจจะประนีประนอมเพื่อหลินจือ
ไม่รู้ว่าเทาเท่กังวลอะไร
จากนั้นนานิก็ออกไปถ่ายทำการแสดง หลินจือก็เรียกรถกลับที่พักของตัวเอง
เมื่อคืนหลังจากเธอไปไม่นานนักโจมอนก็ไป ได้ยินว่าบริษัทของเขาคิดหาวิธีดึงดูดแฟนคลับจากนั้นให้เขาปลีกตัวไปอย่างสำเร็จ
หลินจือแค่อยากบอกโจมอนว่าต่อไปอย่าก่อเรื่องให้เธออีก เธอจะเก็บตัวเขียนบทแล้ว
โจมอนเก็บถุงขนมของกินเล่นใบใหญ่ที่เขาเอามาไว้ ในนั้นยังมีครีมทาแผลไหม้ถลอกด้วย
หลินจือมองแผลบนแขนของตัวเอง ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ คิดไม่ถึงว่าถึงแม้โจมอนจะอายุน้อยแต่ก็ใส่ใจในรายละเอียดมาก