ตอนที่ 431 ทำให้เย่เฉินเสียหน้า?
“วังเหม่ยฉีเหรอ? ฮ่าๆ…”
พอได้ยินชื่อนี้แล้ว สวี่เจี๋ยก็อดหัวเราะเสียงดังไม่ได้
คิดไม่ถึงว่าเย่เฉินจะบอกว่าลูกพี่ลูกน้องของเขาเป็นดาราในสังกัดตนเอง!
สวี่เจี๋ยดีใจเหลือเกินที่สามีของซูมู่ชิงคนนี้ชอบพูดโม้ อีกทั้งยังเป็นคำโกหกอย่างแรง คิดไม่ถึงว่าจะโดนเขาจับได้
หากว่าเย่เฉินพูดถึงดาราคนอื่น สวี่เจี๋ยอาจจะไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าที่อีกฝ่ายพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่
แต่วังเหม่ยฉีที่เย่เฉินพูดถึงนั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา อีกทั้งยังรับประทานอาหารอยู่ห้องข้างๆ!
สวี่เจี๋ยกล่าวพลางหัวเราะ “นี่นายบอกว่าเหม่ยฉีเป็นดาราในสังกัดนายใช่ไหม? นายไม่ได้เข้าใจผิดใช่ไหม?”
วันนี้จะเป็นก้าวแรกในการก้าวสู่วงการบันเทิงของเย่เฉิน เขาต้องการจะให้ทุกคนเชื่อว่าตนเองเป็นลูกพี่ใหญ่ในวงการบันเทิง
เย่เฉินกล่าวเสียงเรียบ “ผมไม่ได้เข้าใจผิดหรอก ถ้าคุณไม่เชื่อ ไว้ผมจะเรียกหล่อนมาพบให้พวกคุณได้ทำความรู้จัก”
“ฮ่าๆ”
เพื่อนผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งในห้องหลุดหัวเราะออกมา
ส่วนซูมู่ชิงพยายามดึงเสื้อเย่เฉินอยู่ใต้โต๊ะเพื่อส่งสัญญาณให้เขาหยุดพูด
ซูมู่ชิงอยู่กับเย่เฉินตลอดเวลา หล่อนรู้ดีว่าเย่เฉินไม่ได้เปิดบริษัทอะไรที่ว่านั่นเสียหน่อย
บริษัทที่เย่เฉินเปิดก่อนหน้านี้ล้วนแต่เป็นงานบริการอย่างส่งอาหารหรือพัสดุ อีกทั้งหลังจากที่ทรัพย์สินโดนอายัด ก็ถ่ายโอนกรรมสิทธิ์ เขาไม่มีตำแหน่งอะไรในบริษัทอีกแล้ว
สวี่เจี๋ยอดใจใรอไม่ไหวจึงรีบกล่าว “ไม่ต้องยุ่งยากหรอก หล่อนอยู่ในห้อง VIP นี่เอง เดี๋ยวฉันจะเรียกหล่อนมา”
สวี่เจี๋ยพูดพลางกดโทรศัพท์ไอโฟน 11 ของเขา
และในตอนนี้เองซูมู่ชิงก็กล่าว “หัวหน้าห้อง นายอย่าทำแบบนี้เลย…”
ซูมู่ชิงไม่อยากเห็นเย่เฉินเสียหน้า
ในเมื่อหญิงสาวขอร้องแทนเย่เฉิน สวี่เจี๋ยจึงจำใจต้องฟัง เขาวางโทรศัพท์ลงแล้วกล่าวกับเย่เฉิน
“เราทุกคนให้เกียรติซูมู่ชิงมาก ไม่เพียงเพราะที่บ้านหล่อนดีกว่าพวกเรา แต่เพราะ 11 ปีมานี้หล่อนเห็นเราเป็นเหมือนพี่น้องของหล่อนเลย เย่เฉินเห็นแก่ซูมู่ชิง ฉันไม่เรียกวังเหม่ยฉีมาฉีกหน้านาย แต่การที่นายคุยโวแบบนี้ทำให้เราเสียความรู้สึกมาก เอาแบบนี้แล้วกันนายดื่มเหล้าให้เราสามแก้วติดต่อกันแทนแล้วกันนะ!”
เพื่อนผู้ชายอีกคนก็กล่าวบ้างว่า “ฉันเองก็เกลียดคนขี้โม้ที่สุด อย่างมากคนกินเล้าแล้วโม้ก็พอเข้าใจ แต่นี่เหล้ายังไม่ได้กินสักแก้วก็เริ่มโม้แล้ว ฉันว่าอย่างน้อยๆ ต้องห้าแก้วนู่น”
แก้ว 125 มล.ให้กินสามแก้วติดต่อกันเนี่ยนะ?
ถ้าเป็นคนอื่นคงจะเมาจนอ้วกออกมา
ถึงแม้ว่าเย่เฉินจะคอแข็ง แต่ทำไมเขาต้องยอมให้คนอื่นสั่งสอนเขาในวงเหล้าแบบนี้ด้วย?
เขาเกลียดคนที่บังคับให้คนทำนู่นทำนี่ในวงเหล้า เหมือนเขาเป็นลูกน้องของสวี่เจี๋ย เขาต้องการให้ตนเองดื่มเหล้า ตนเองก็ต้องดื่มอย่างไรอย่างนั้น
เย่เฉินหัวเราะ “ให้ผมดื่มเหล้าสามแก้วเหรอ? เหอะๆ ถึงผมจะชอบดื่มเหล้าก็เถอะนะ แต่ตอนผมไม่อยากดื่มไม่ว่าใครก็บังคับผมไม่ได้! คุณบอกว่าวังเหม่ยฉีอยู่ห้องข้างๆ ใช่ไหม? จริงหรือเปล่า?”
เพื่อนผู้หญิงกล่าว “จริงๆ ค่ะ หล่อนเป็นญาติห่างๆ ของสวี่เจี๋ยเขาเมื่อครู่ยังแวะมาดื่มเหล้ากับเราอยู่เลย”
ที่เย่เฉินเลือกพูดถึงวังเหม่ยฉีนั่นเพราะแค่พูดจาส่งๆ เพราะทั้งวงการบันเทิงเขารู้จักแต่วังเหม่ยฉี
เพราะเรื่องของวังเหม่ยฉีและหลิ่วอวี่เจ๋อทำให้เขาไปจับตัววังเหม่ยฉีมา แล้วใช้วิลล่าที่อวี๋ซานจ้างให้หล่อนแฉหลิ่วอวี่เจ๋อ
สวี่เจี๋ยกล่าวพลางระบายยิ้ม “คิดไม่ถึงว่าจะบังเอิญขนาดนี้ใช่ไหมล่ะ? นายดูนายเข้าจะอ้างใครไม่อ้างดันมาอ้างน้องฉัน ฮ่าๆ ถ้าเป็นอ้างถึงดาราคนอื่นก็คงไม่เสียหน้าแบบนี้หรอกนะ ฮ่าๆ”
เย่เฉินกล่าว “ในเมื่อเหม่ยฉีอยู่ห้องข้างๆ แล้วเป็นน้องสาวคุณก็เรียกมาสิ”
สวี่เจี๋ยชะงัก “นายแน่ใจนะ? นายกล้าเจอหล่อนจริงเหรอ?”
เย่เฉินยิ้ม “ไร้สาระ ผมเป็นเจ้านายหล่อน ทำไมต้องไม่กล้าเจอหล่อนด้วย? หล่อนต่างหากที่ต้องไม่กล้าเจอหน้าผม ยัยตัวแสบทั้งๆ ที่งานเต็มตารางยังจะแอบมากินข้าวที่นี่อีก”
สวี่เจี๋ยยิ้ม “ก็ได้ ในเมื่อนายเป็นคนพูดเอง งั้นอย่าโทษฉันแล้วกัน”
สวี่เจี๋ยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาวังเหม่ยฉี “เหม่ยฉีรบกวนเธอมาที่ห้องฉันอีกทีได้ไหม เร็วๆ ล่ะ”
ไม่ถึงสองนาทีวังเหม่ยฉีก็ผลักประตูห้องเข้ามา
จากหน้าตาของหล่อนก็พอจะมองออกว่า เจ้าหล่อนไม่ค่อยพอใจนัก
สำหรับดาราแล้วเบื่อสุดก็โดนลากให้มากินเหล้าด้วยนี่แหละ
ทันทีที่วังเหม่ยฉีเดินเข้ามาก็พบว่ามีผู้ชายมากขึ้นอีกหนึ่งคน ยิ่งพอมองดีๆ แล้วก็ต้องตกใจ!
“เย่…เย่…เย่…”
วังเหม่ยฉีติดอ่าง
เย่เฉินเห็นอีกฝ่ายเลยกล่าว “เหม่ยฉีเอ๊ย อยู่ข้างนอกไม่ต้องเรียกผมคุณเย่แล้ว เรียกพี่เย่เฉินก็ได้”
วังเหม่ยฉีรีบร้อนเรียกเขา “พี่เย่เฉิน”
สวี่เจี๋ยพบว่าหลังจากที่ญาติห่างๆ ของเขาคนนี้พบหน้าเย่เฉิน ร่องรอยหวาดกลัวก็พาดผ่านบนใบหน้าแถมยังดูหวาดกลัวเหมือนว่าหล่อนยำเกรงอีกฝ่ายจริงๆ
วังเหม่ยฉีจะกลัวเย่เฉินก็เป็นเรื่องปกติ
ก็เจอกันเมื่อคราวก่อนเย่เฉินจับตัวหล่อนมา แล้วทำหล่อนตกใจเกือบตายแถมยังคิดว่าเย่เฉินอยากจะนอนกับหล่อน
ทว่าหล่อนไม่ได้นับถือเขา แต่ซาบซึ้งต่างหาก!
เพราะเย่เฉินให้วิลล่าราคาสองร้อยล้านให้กับหล่อน
หลังจากที่มีเรื่องขย่มรถคราวนั้น หล่อนก็ไม่ค่อยดัง ทั้งละคร โฆษณาก็หายไปมาก
ดังนั้นหล่อนจึงเอาวิลล่าไปขาย ตอนนี้ต่อให้ไม่มีงานก็ไม่มีอะไรต้องกังวล
พูดได้ว่าเย่เฉินเป็นผู้มีพระคุณของหญิงสาว เขาบอกให้หล่อนทำอะไร ขอแค่หล่อนทำได้หล่อนจะต้องทำแน่
สวี่เจี๋ยรีบร้อนถาม“เหม่ยฉี คนชื่อเย่เฉินเขาบอกว่าเขาเป็นเจ้านายของเธอจริงเหรอ? ฉันจำได้ว่าเจ้านายเธอแซ่หลงไม่ใช่เหรอ? แล้วก็เป็นผู้หญิงด้วย”
เย่เฉินกล่าวพลางระบายยิ้ม “คุณหลงที่คุณพูดถึงเป็นลูกน้องผมอีกที ผมเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง เหม่ยฉีจริงไหม?”
วังเหม่ยฉีนิ่งไปแต่หล่อนเป็นคนฉลาด เพียงครู่เดียวก็เข้าใจได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
สวี่เจี๋ยเรียกตนเองมา ไม่ได้ให้มาดื่มเหล้าแต่ให้มาพิสูจน์ว่าเย่เฉินเป็นใคร
และในตอนนี้เย่เฉินและสวี่เจี๋ยต่างก็รอคอยคำตอบจากหล่อน!
ฝั่งหนึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องที่เป็นญาติห่างๆ แถมยังไม่ค่อยสนิทเท่าไหร่ ส่วนอีกฝ่ายเป็นผู้มีพระคุณที่เคยให้เงินตนเองถึงสองร้อยล้าน
วังเหม่ยฉีย่อมเลือกเย่เฉิน!
วังเหม่ยฉีลังเลเพียงชั่วขณะแล้วกล่าว “ค่ะ จริงๆ! คุณหลงทำงานให้คุณเย่! คุณเย่เป็นบอสใหญ่ของเรา!”
พวกสวี่เจี๋ยรวมถึงซูมู่ชิงต่างก็อ้าปากค้าง
เย่เฉิน…เป็นเจ้าของบริษัทผลิตภาพยนตร์ ละครจริงๆ เหรอ?
“ทำไมเป็นแบบนี้…”
ซูมู่ชิงสับสนอย่างมาก เมื่อครู่หล่อนยังเป็นห่วงเขา กลัวว่าเขาจะเสียหน้าอยู่เลย
ส่วนสวี่เจี๋ยไม่เชื่อคำพูดของวังเหม่ยฉีและเย่เฉิน เขากับแม่น้องสาวคนนี้ไม่ค่อยสนิทสนมกัน
บางทีญาติเขาคนนี้อาจจะรู้จักกับเย่เฉินจริงๆ ทั้งสองคนอาจจะร่วมมือกันหลอกลวงพวกเขาก็ได้!
สวี่เจี๋ยยังคงทำให้เย่เฉินลำบากใจ ด้วยการซักไซร้เขาต่อ “เย่เฉิน นายบอกว่านายเป็นเจ้าของบริษัทงั้นบริษัทนายคงมีผู้กำกับเยอะเลยล่ะสิ? ใครบ้างเล่าให้ฟังหน่อย!”