ภาค 3 บทที่ 83 เทพเซียนรักษาได้ไหม

Jun Jiu Ling หวนชะตารัก

บทที่ 83 เทพเซียนรักษาได้ไหม โดย Ink Stone_Romance

 

หมอหลวงหลายคนมองเห็นสภาพนี้ของใต้เท้าน้อยหวงก็เหงื่อตกท่วมศีรษะ

“นี่ นี่ไม่มีหนทางแล้ว” หมอหลวงคนหนึ่งเอ่ย “นี่บาดเจ็บที่คอเชียวนะ”

“ใช่แล้ว ตามหลักก็คือตายแล้ว” หมอหลวงอีกคนหนึ่งเอ่ยเช่นกัน “แต่ใต้เท้าหวงใช้มือกดไว้ บังเอิญขัดไว้ ชีพจรถึงยังไม่ขาด”

“ที่ถึงชีวิตก็คือสิ่งนี้ ขอเพียงมีดดึงออกมาก็ขาดแล้ว” ทุกคนต่างเอ่ยปากเป็นเสียงเดียวกัน

นี่ไร้ทางแก้

“พวกเรารักษาไม่ได้แล้ว”

มีเพียงเทพเซียนถึงมีหนทางกระมัง

คนรอบด้านได้ยินมองไปทางใต้เท้าน้อยหวงบนพื้น เห็นดวงหน้าที่เดิมทีบำรุงแดงเรื่อของเขาตั้งแต่เกิดเรื่องเปลี่ยนเป็นซีดขาว เวลานี้จากซีดขาวเปลี่ยนเป็นเทาเขียวแล้ว ปากอ้าอยู่ส่งเสียงออกมาไม่ได้แล้ว หายใจกระชั้นทั้งยังออกมากเข้าน้อย

เห็นชัดว่าไม่ไหวแล้ว

ถึงกับจะตายเช่นนี้หรือ?

ใต้เท้าน้อยหวงที่สง่าราศีกำลังเฟื่องฟูโอหังจนไม่มีใครกล้าหาเรื่อง ตายต่อหน้าใต้เท้าเฒ่าหวง นอกจากนี้เพราะรักหยกถนอมบุปผาจึงถูกลอบสังหาร?

ชะตาคนผู้นี้บอกไม่ถูกว่าสูงศักดิ์หรือต่ำต้อยจริงๆ

ชั่วขณะคนในเหตุการณ์ในใจรสชาติแปลกแปร่ง คนที่อยู่ใกล้ย่อมล้วนโศกเศร้า แต่ในแววตาของชาวบ้านไกลออกไปที่ถูกทหารของกรมทหารม้าห้าเมืองกั้นไว้ล้วนปรากฏความยินดียากปิดบัง

และในเวลาเดียวกันนี้เองเสียงหัวเราะของสตรีผู้หนึ่งก็ดังขึ้น

เสียงกังวานใสดั่งระฆังเงิน ไพเราะก็ไพเราะอยู่ แต่เวลานี้นาทีนี้ไม่เหมาะแก่กาลเทศะเหลือเกิน

สายตาทั้งหมดล้วนมองไปยังที่ซึ่งเสียงหัวเราะอยู่

เด็กสาวที่แขนขาถูกทำให้พิการนอนพังพาบอยู่บนพื้นคนนั้นกำลังหัวเราะเสียงดัง ดวงหน้าที่เปรอะเปื้อนรอยเลือดท่ามกลางเสียงหัวเราะแลดูยิ่งประหลาด

“ท่านปู่ ท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านลุง ท่านป้าสะใภ้ ท่านอา” นางหัวเราะเสียงดัง น้ำตาไหลออกมา ไหลชะรอยเลือดบนใบหน้าเป็นสาย “พี่ชายพี่สาวทั้งหลาย พวกท่านเห็นแล้วใช่ไหม? พวกท่านเห็นแล้วใช่ไหม?”

คำพูดนี้ทำให้บรรดาคนตระกูลหวงโกรธจัด ข้ารับใช้ของตระกูลคนหนึ่งเตะทีหนึ่งเข้าไปที่หน้าของนาง

เด็กสาวคนนั้นพ่นเลือดออกมาจากมุมปาก ฟุบลงไปกับพื้นไม่ขยับแล้ว

“อย่าตีตาย” ใต้เท้าเฒ่าหวงหันหน้ามา เอ่ยเสียงแหบ “ไม่อาจให้นางตายไปง่ายๆ เช่นนี้ได้”

ชาวบ้านรอบด้านได้ยินสีหน้าอดรนทนไม่ไหว

ใต้เท้าถังที่ยืนอยู่ด้านข้าง บนหน้าดำๆ สีหน้าหวาดผวาทั้งยังมึนงง

ถึงกับจะตายไปเช่นนี้?

ถ้าอย่างนั้นเรื่องวันพรุ่งนี้จะทำอย่างไร?

ใต้เท้าถังเป็นศิษย์ของนักปราชญ์ ทั้งยังเป็นผู้ตรวจการ เรื่องที่ว่าอย่าคุยโม้อะไร กรรมตามสนองอะไรล้วนไม่เชื่อ

แต่เวลานี้นาทีนี้อย่างไรก็รู้สึกว่าในใจขลาดกลัวอยู่บ้าง

“ให้คนยกกลับไปก่อนเถอะ”

“ยังไงก็ไม่อาจให้อยู่บนถนนใหญ่นี่…”

“หมอหลวง หมอหลวง พวกท่านลองคิดหาหนทางอีกหน่อย…”

“ไม่มีหนทางแล้วจริงๆ อาการบาดเจ็บนี่พวกเรารักษาไม่ได้…”

เสียงในเหตุการณ์เอะอะวุ่นวาย ท่ามกลางความวุ่นวายนี้ลู่อวิ๋นฉีกระแอมเบาๆ ทีหนึ่ง

“พวกเจ้ารักษาไม่ได้เป็นเรื่องดี” เขาเอ่ย

คำพูดนี้ทำให้เสียงที่เอะอะอยู่เงียบลงทันที ใต้เท้าเฒ่าหวงสีหน้าทะมึนมองไปทางเขา

“ใต้เท้าลู่ นี่ท่านหมายความว่ายังไง?” เขาเอ่ยถามเย็นชา

ลู่อวิ๋นฉี คนที่ตายคือลูกชายข้า ไม่ใช่ข้า

เจ้าก็แค่สุนัขตัวหนึ่งของฮ่องเต้ ยามที่ไม่ได้ให้เจ้าเห่าก็อย่าเห่า

ส่วนคุณหนูจวินที่ยืนอยู่ในฝูงชนในใจเต้นตึกตักทีหนึ่ง

ไม่ดีแล้ว

เจ้าหมอนี่ที่แท้คิดจะทำเช่นนี้

ความคิดนางแล่นผ่านไป ลู่อวิ๋นฉีด้านนั้นก็เอ่ยปากแล้ว

“ความหมายของข้าก็คือ ในเมื่อเหล่าหมอหลวงรักษาไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นคุณหนูจวินของโรงหมอจิ่วหลิงผู้รักษาเฉพาะโรคที่รักษาไม่ได้ฝีมือเยี่ยมโรคร้ายหายดีก็ออกรักษาได้แล้ว” สีหน้าเขานิ่งสนิทเอ่ย ในเวลาเดียวกันก็ยื่นมือชี้มาทางฝูงชนด้านนี้ “ท่านดู คุณหนูจวินมาแล้ว”

คุณหนูจวิน

โรงหมอจิ่วหลิง

คำพูดนี้ทำให้ที่เกิดเหตุเงียบไปอีกครั้ง

ดวงตามืดมัวของใต้เท้าเฒ่าหวงทอประกายสว่าง เขาย่อมรู้จักโรงหมอจิ่วหลิง แม้เขาไม่ได้ออกจากบ้าน แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รู้ความเป็นไปของโลก

ไม่ผิด โรงหมอจิ่วหลิง

เขามองตามที่ลู่อวิ๋นฉีชี้นิ้วไป คนอื่นก็มองตามเขาไปด้วย

และนิ้วเดียวของลู่อวิ๋นฉีก็ประหนึ่งดาบเล่มหนึ่งฟันผ่าน ฝูงชนกระจายพรึบออกไป เผยคุณหนูจวินสองนายบ่าวต่อหน้าผู้คน

“เอ๋! มองเห็นแล้ว!” หลิ่วเอ๋อร์ที่กำลังเขย่งเท้ามองเรื่องสนุกด้านนี้ฉับพลันสายตาเปิดโล่งร้องตะโกนดีใจทันที “ตายหรือยัง ตายหรือยัง?”

คำพูดนี้ทำให้บรรยากาศนิ่งเงียบชะงักไปวูบหนึ่ง

ตั้งตารอคนตายเช่นนี้ ไม่ค่อยดีกระมัง

แม้ในใจทุกคนก็ล้วนตั้งตารอเช่นนี้ แต่พูดออกมาน่าจะทำให้คนไม่พอใจกระมัง?

ทว่าใต้เท้าเฒ่าหวงที่ได้ยินคำพูดนี้กลับไม่โกรธแค้นสักนิด ตรงกันข้ามเผยความคาดหวังและความกระตือรือร้นออกมา

“คุณหนูจวิน!” เขาตะโกนเสียงแหบพร่า “คุณหนูจวินรีบช่วยชีวิตด้วย”

รีบช่วยชีวิตด้วย

คุณหนูจวินได้ยินประโยคนี้กลับไม่ขยับ ราวกับตกใจนิ่งอึ้งไปแล้ว

อย่างไรก็เป็นเด็กสาวคนหนึ่งผู้ไม่เคยเห็นการฆ่าคน กลัวแล้วหรือ?

“คุณหนูจวินช่วยได้หรือไม่” ลู่อวิ๋นฉีเอ่ยเรียบเฉย

นี่ช่วยได้หรือไม่ได้?

สายตาทั้งหมดรวมอยู่ที่ตัวคุณหนูจวิน

“นี่เป็นถึงคนที่กำลังจะตายหรือคนที่ตายไปแล้วคนหนึ่ง หากคุณหนูจวินช่วยได้ ถ้าอย่างนั้นย่อมเป็นความสามารถปลุกตายกลับเป็นแล้ว” หัวหน้ากองร้อยเจียงที่ยืนอยู่ด้านข้างลู่อวิ๋นฉีคล้ายหัวเราะคล้ายไม่หัวเราะเอ่ย “ชื่อเสียงของโรงหมอจิ่วหลิงคงยิ่งโด่งดัง ผู้คนแย่งกันดั่งเป็ด เมืองหลวงนี่ขาดท่านไม่ได้แล้วจริงๆ”

ไม่กี่วันก่อนเฉินชียังพูดกับฟางจิ่นซิ่วว่า บรรดาขุนนางที่ถูกลู่อวิ๋นฉีขู่ให้กลัวเหล่านั้นไม่กล้ามาให้คุณหนูจวินรักษา ก็เพราะชั่งน้ำหนักดีร้าย รู้สึกว่าทิ้งชีวิตเพื่อรักษาโรคทำไม่ลง

แต่หากคุณหนูจวินมีวิชาฟื้นตายกลับเป็นได้เล่า?

ตาชั่งของทุกคนย่อมต้องเอนเอียงมายังคุณหนูจวินฝั่งนี้แล้ว

คิดไม่ถึงว่าเร็วเช่นนี้ก็มีโอกาสแล้ว

นอกจากนี้ครั้งนี้ลู่อวิ๋นฉีไม่เพียงไม่ขวาง กลับเป็นฝ่ายส่งคำเชิญมาตรงหน้า

ตั้งใจสร้างความลำบากหรือ

ก็ไม่ใช่

บุรุษคนนี้เจ้าช่วยได้หรือไม่?

คุณหนูจวินมองบุรุษหายใจติดขัดที่นอนอยู่บนพื้น

บุรุษคนนี้นางยังช่วยได้จริงๆ

นี่เขาหวังดีหรือ?

แน่นอนย่อมไม่ใช่

คุณหนูจวินเข้าใจเจตนาของเขา

“แต่คุณหนูจวินคงไม่อยากช่วยกระมัง?” เสียงของหัวหน้ากองร้อยเจียงดังขึ้นอีกครั้งท่าทางจริงใจอยู่หลายส่วน ชี้บุรุษที่นอนอยู่บนพื้น “ใต้เท้าหวงคนนี้ความชั่วยาวเป็นหางว่าว ชื่อเสียงเลวร้ายอย่างที่สุด ไม่รู้คนเท่าไรอยากให้เขาตายไปเสีย ช่วยคนเช่นนี้ อนาคตไม่รู้คนเท่าไรจะต้องตายในมือเขาอีก เช่นนี้คุณหนูจวินใยไม่ใช่ผู้ร่วมกระทำความผิดด้วย?”

คำพูดนี้ออกมา คนในเหตุการณ์สีหน้าล้วนเปลี่ยนไป

เวรตะไล! เจ้าคนแซ่เจียงนี่บ้าไปแล้วหรือ? คนตระกูลหวงสีหน้าคล้ำเขียว มารดามันนี่หมายความว่าอย่างไร? พวกเขากำลังจะออกปากด่า ใต้เท้าเฒ่าหวงกลับห้ามไว้

ใต้เท้าเฒ่าหวงเข้าใจความหมายของเขา

เรื่องชู้สาวชายหญิงระหว่างลู่อวิ๋นฉีกับคุณหนูจวินคนนี้เขาได้ยินบุตรชายเล่ามาก่อน เรื่องนี้เขาไม่สนใจแล้วก็ไม่ใส่ใจ

ตอนนี้ลู่อวิ๋นฉีถึงกับคิดอาศัยบุตรชายเขาทำลายชื่อเสียงของคุณหนูจวินคนนี้ ให้นางถูกชาวบ้านรังเกียจเดียดฉันท์ เขาก็ไม่สนใจ

ขอแค่บุตรชายเขารอด สนทำไมพวกเจ้าในใจหวังอะไร สนไปใยพวกเจ้าจะเป็นหรือจะตาย

“อย่าพูดเช่นนี้” ลู่อวิ๋นฉีเอ่ยปากอีกครั้ง ตำหนิลูกน้อง มองไปทางคุณหนูจวิน “คุณหนูจวินเป็นหมอใจเมตตา มองทุกคนเมตตาเท่าเทียม อีกอย่างคุณหนูจวินยังมีกฏ”

เขามองไปทางใต้เท้าเฒ่าหวงอีกครั้ง

“ใต้เท้าหวงน่าจะออกค่ารักษาของคุณหนูจวินไหว”

ใต้เท้าเฒ่าหวงเก็บซ่อนความชิงชังในดวงตาไป ที่มาแทนที่คือความโศกเศร้าเจ็บปวดและวิงวอนร้องขอ ข้ารับใช้ประคองโขยกเขยกมาข้างหน้า

“คุณหนูจวิน ขอร้องท่าน” เขาเอ่ย บนดวงหน้าแก่ชราของผู้เฒ่ารอยน้ำตาเปรอะเต็ม เสียงแหบพร่าสั่นระริก “โปรดช่วยลูกชายข้า ไม่ต้องพูดถึงตระกูลข้า ต่อให้เป็นชีวิตของข้า ข้าก็ให้ท่านได้”

เขาเอ่ยวาจาคุกเข่าดังตึกให้คุณหนูจวิน

……………………………………….