บทที่ 71การณ์อัศจรรย์
ต่งรั่งหลินจับขาไว้ แล้วเห็นเลือดสดไหลออกมาจากแผลไม่หยุด ก็รู้ว่าเย่เฉินไม่ได้โกหกตัวเอง
ทว่า ให้เธอถอดกางเกงต่อหน้าผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่ง ภายในใจของเธอรู้สึกฝืนทนอย่างมาก
ต่อหน้าความเป็นความตาย ต่งรั่งหลินลังเลไปสักพัก สุดท้ายก็ประนีประนอม
เธอไม่อยากตาย และยังไม่อยากกลายเป็นพิการ
หน้าของต่งรั่งหลินแดงก่ำ แล้วเงยหน้ามองเย่เฉิน หัวใจเต้นตุกๆ ทั้งเรือนร่างน่าแปลกประหลาด
ท้ายที่สุด เธอก็พูดด้วยเสียงเบา “ฉันรู้แล้ว ขอบคุณคุณจริงๆ”
เย่เฉินพยักหน้า แล้วคุกเข่าใช้สองมือจับกางเกงของเธอไว้ แล้วใช้แรงฉีกออก
แค่ได้ยินเสียง “ฉึก” ดังขึ้น กางเกงจึงฉีกเป็นเสี่ยงๆ จากนั้นก็เผยให้เห็นถึงขาดั่งหยกที่ขาวผ่องไร้ที่ติทั้งสองข้าง
ต่งรั่งหลินหยุดหายใจ ใบหน้ารู้สึกร้อนแผ่วอย่างมาก หัวใจเต้นแรงมากยิ่งขึ้น แล้วก้มหัวไม่กล้ามองเย่เฉิน
แววตาของเย่เฉินนิ่งเฉย พอเห็นแผลที่ได้รับบาดเจ็บจากมีดอยู่ขาซ้าย นิ้วชี้นิ้วกลางติดกัน แล้วจับจุดเส้นลมปราณไว้แล้วก็กดลงไป
มีพลังเรกิปล่อยออกมาจากนิ้วมือของเขาแล้วซึมเข้าสู่แผล
ตรงหน้าเป็นทิวทัศน์อันงดงามของฤดูใบไม้ผลิ ทว่าแววตาของเย่เฉินยังคงจับต้องแผลเอาไว้ และไม่เคยมองที่อื่นแม้แต่พริบตาเดียว
ท่าทางของเขาเหมือนสามารถโบยบินได้ หลังจากนิ้วไม่กี่นิ้ววางลงไป เลือดของแผลก็ค่อยๆ หยุดลง
ตามวิชาการแพทย์บนตำราเสวียนเทียน เขาสามารถทำให้แผลของต่งรั่งหลินสมานได้ เส้นเอ็นงอกขึ้นมาใหม่ แม้กระทั่งบาดแผลยังสามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมทันที ทว่าเย่เฉินกลับไม่อยากทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกตกตะลึง
เขาแค่ใช้นิ้วเป็นเข็ม ช่วยต่งรั่งหลินห้ามเลือด เส้นเอ็นสมานแล้วถึงหยุดท่วงท่าของมือ ที่เหลือเป็นการบาดเจ็บของผิวหนัง เธอแค่ต้องให้หมอทำแผลให้ก็พอ ก็จะสามารถออกจากโรงพยาบาลในเร็ววัน
ต่งรั่งหลินรู้สึกว้าวุ่นในใจ และรู้สึกได้หลังจากที่เย่เฉินใช้นิ้วไม่กี่นิ้วกดแล้ว กลับทำให้ความเจ็บปวดเบาลง เลือดก็ถูกห้าม ภายในใจรู้สึกแปลกพิลึกมาก
นึกไม่ถึงว่าแพทย์แผนจีนที่ครอบครัวตัวเองนึกว่าไม่มีประโยชน์ กลับได้ประโยชน์ยิ่งกว่าการแพทย์ทางตะวันออก!
“พอเถอะ” เย่เฉินพูดด้วยความเรียบเฉย แล้วลุกขึ้นโดยที่สายตาไปเหลือบมองไป” คุณลองลุกขึ้นดู”
ต่งรั่งหลินลองลุกขึ้น น่องขาสามารถห้ามเลือดได้อย่างที่คาด ทันใดนั้นก็ทำให้ทั้งรู้สึกตกใจและดีใจ
เธอเงยหน้าขึ้นอย่างหน้าแดง แล้วพูดด้วยความเก้อเขิน” ไหนๆ คุณก็ไม่ยอมเปิดเผยชื่อแล้ว ยังไงก็ต้องให้โอกาสฉันได้ขอบคุณคุณหน่อยไหม?”
“ไม่ต้องแล้ว” เย่เฉินพูดด้วยความนิ่งเฉย เขาไม่ได้อยากจะเปิดเผยฐานะที่แท้จริงของตัวเอง
” คุณเป็นคนช่วยฉัน หากแม้แต่ขอบคุณฉันยังทำไม่ได้ ชาตินี้ฉันคงรู้สึกผิดกับคุณมาก”
ต่งรั่งหลินพูดอย่างดื้อดึง จากนั้นก็ดึงสร้อยคอหนึ่งเส้นบนคอลงมา “นี่เป็นของขวัญตอน
พิธีบรรลุนิติภาวะคุณปู่ของฉันให้ฉัน คุณช่วยชีวิตฉันไว้ ฉันอยากจะให้สิ่งนี้กับคุณ”
เธอถือมันไว้ในมือ เป็นสร้อยคอทองขาวหนึ่งเส้น จี้เป็นเพชรสีชมพูที่เนื้อดูใสบริสุทธิ์หนึ่งเม็ด
ทีแรกเย่เฉินอยากปฏิเสธ ทว่ากลับสามารถสัมผัสได้ถึงพลังเรกิอันเปราะบางที่อยู่บนเพชรสีชมพูนี้ เขากำลังครุ่นคิดในใจ จึงได้รับมันมา
เขาพยักหน้า แล้วถอดเสื้อคลุมบนเรือนร่างลง พร้อมเอาไปคาดบนเอวของเธอ แล้วพูดขึ้น “ต้องขอโทษจริงๆ ที่ฉีกกางเกงของคุณขาดไป คุณใช้เสื้อของผมคาดไว้ก่อน เมื่อกี้ผมใช้มือถือของคุณ แล้วโทรหาโรงพยาบาลในแถวนี้โดยการโทรฉุกเฉินไปแล้ว อีกไม่กี่นาทีรถพยาบาลก็คงมาถึง คุณปลอดภัยแล้ว ผมยังมีธุระ ขอไปก่อนล่ะ”
พูดจบ หัวของเย่เฉินไม่ได้หันไปมอง เรือนร่างเซไปเซมา จากนั้นก็หายไปจากที่สูงตระหง่านอย่างเงียบๆ
“นี่ คุณรอก่อน…….” ต่งรั่งหลินเพิ่งจะเรียกขึ้น เงาของเย่เฉินที่หายไปต่อหน้าต่อตา
นอกสวนสาธารณะในเวลานี้ ก็มีเสียงรถโรงพยาบาลดัง “วี๊หว่อ”
เธอก้มหน้ามองท่อนล้างที่คาดด้วยเสื้อคลุม แล้วมองทิศทางที่เย่เฉินหายไป จู่ๆ ก็รู้สึกหวาดผวาขึ้นมา
วินาทีต่อมา จู่ๆ เธอก็รู้สึกว่าตอนที่เงาๆ นั้นของฝ่ายตรงข้ามจากนั้น ดูคุ้นเคยมากๆ
ต่งรั่งหลินจึงนึกย้อนไปสักพัก จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ เรือนๆ นี้ เหมือนท่านประธานเด๊ะๆ !
“หรือว่าจะเป็นท่านประธานของตี้เหากรุ๊ป? ” ต่งรั่งหลินมีความคิดแบบนี้ผุดขึ้นมา
ทว่าก็ไม่ได้ถามชื่อของฝ่ายตรงข้าม ยิ่งไม่ได้เห็นหน้าตาของฝ่ายตรงข้าม ก็ไม่รู้ว่าตัวเองเดาผิดไปหรือไม่?
และในเวลานี้ ต่งรั่งหลินจู่ๆ ก็สังเกตเห็น เมื่อกี้ที่เย่เฉินนั่งไป มีหินกรวดแม่น้ำสีเทาอยู่หนึ่งก้อน บนก้อนหินเขียนไว้ว่า “สุขสันต์มั่งมี” สี่คำนี้
ก้อนหินก้อนนี้ เกรงว่าเขาคงไม่ได้ตั้งใจให้มันตกออกมาหรือเปล่า?
ต่งรั่งหลินจึงเหมือนได้ของล้ำค่ามา แล้วจับมันในมือไว้แน่นๆ
หากไม่ได้เจอเขาอีก งั้นก้อนหินก้อนนี้ ก็จะเป็นหลักฐานยืนยันเพียงหนึ่งเดียวที่เขาทิ้งไว้ให้กับตัวเอง
ต่งรั่งหลินถูกรถพยาบาลส่งไปด้านหลังโรงพยาบาล หลังจากวินิจฉัยอาการเสร็จ บาดแผลก็ไม่ได้เป็นอะไรหนักมาก
หมอที่รักษาไม่รู้ว่าเธอผ่านการรักษาขั้นแรกของเย่เฉินแล้ว จึงรู้สึกตกตะลึงในบาดแผลของเธออย่างมาก
ดูจากการบาดเจ็บโดนถูกมีดฟันนี้ คงง่ายต่อการทำให้กล้ามเนื้อฉีกขาด และเส้นเอ็นได้รับบาดเจ็บอย่างแสนสาหัส
ทว่าต่งรั่งหลินนอกจากบาดเจ็บแค่เนื้อหนังแล้ว กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นข้างในกลับไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ แล้วพูดความจริงว่านี่ก็เหลือเชื่อจริงๆ คุณได้ทำการรักษาบาดแผลเป็นพิเศษหรือไม่? ”
ภายในใจของต่งรั่งหลินนึกถึงบุคคลลึกลับนั่น ทว่าปากกลับพูด “ฉันไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษค่ะ”
หมออุทานขึ้น “งั้นก็อัศจรรย์เกินไปแล้ว! ”
พูดไป หมอก็พูดขึ้น “ใช่แล้ว ทางเราได้ติดต่อกับตำรวจแล้ว พวกเขาจะมาเดี๋ยวนี้ ถึงเวลาคุณก็บอกทุกอย่างที่คุณเจอให้พวกเขาหน่อย”
ต่งรั่งหลินพยักหน้าเบาๆ
ตำรวจมาอย่างว่องไว
ในเขตครึกครื้นก็ได้ใช้มีดในการทำร้ายผู้คน อีกอย่างยังทำร้ายคนชั้นสูงในตี้เหากรุ๊ป พวกเขาให้ความสำคัญกับพวกนี้มาก
ตำรวจที่มาเยือน มีคนรู้จักคนในตระกูลเซียว รู้ว่าเธอเป็นแขกของตระกูลเซียว ดังนั้นจึงได้แจ้งตระกูลเซียวไป
ตอนนี้ในวิลล่าของตระกูลเซียว ทุกคนกำลังปรึกษาหารือว่าจะเอายังไงต่อดี
เซียวไห่หลงบอกพวกเขาว่าต่งรั่งหลินเกิดเรื่องแล้ว ทว่ายังไม่ได้บอกว่าเรื่องนี้เป็นเพราะตัวเอง นายหญิงใหญ่เซียวก็รู้สึก นี่เป็นโอกาสดีที่ตระกูลจะแสดงผลงานออกมา ต้องคิดหาวิธีตามหาต่งรั่งหลินให้ได้ แล้วต้องช่วยเธอออกมา อีกอย่างเซียวไห่หลงเพิ่มบทบาทพิเศษ เพื่อช่วยให้เขาได้ใจต่งรั่งหลินมา
พอได้ยินว่าเธอกำลังอยู่ในโรงพยาบาล นายหญิงใหญ่ก็รู้สึกผิดหวังทันที แล้วอุทานขึ้น “ถ้าเป็นไห่หลงสามารถคว้าโอกาสเป็นฮีโร่ช่วยผู้หญิง งั้นก็คงจะดีมาก! ”
พูดจบ ก็รีบพูดกับทุกคน “ไป พวกเรารีบไปโรงพยาบาลกันเถอะ! ”
เซียวไห่หลงรู้สึกไม่มั่นใจมาก ทว่ายังคงตามคนในครอบครัวมุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาลอย่างหน้าด้านๆ
ตอนที่อยู่ในระหว่างทาง เซียวไห่หลงก็ได้เตรียมคำพูดไว้แล้ว และไม่รู้ว่าต่งรั่งหลินจะยินยอมไหม
พอถึงโรงพยาบาลปุ๊บ แล้วเห็นต่งรั่งหลิน ใบหน้าของเซียวไห่หลงเผยยิ้มอันแข็งแกร่งและตื่นเต้นดีใจออกมา แล้วรีบเดินมาข้างหน้าด้วยความถ่อมตน “รั่งหลิน คุณไม่เป็นไรใช่ไหม? ผมกำลังเรียกพ่อของผม พาคนไปช่วยคุณแน่ะ”
“ช่วยฉัน? ” ใบหน้าของเลือดเย็นของต่งรั่งหลินเปล่งประกายความเย้ยหยันออกมา แล้วพูดด้วยเสียงเรีบ “คุณเกือบจะถูกคุณทำให้ตายแล้ว! ”
เซียวไห่หลิงพลันอธิบายขึ้น “รั่งหลิน คุณอย่าเข้าใจผิดเด็ดขาด ตอนนั้นผมอยากจะทำให้ดึงดูดความสนใจของพวกเขา อย่างไรคนที่พวกเขาต้องการหาคือผม ไม่ใช่คุณ ผมก็นึกว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรคุณ”
ต่งรั่งหลินทำเสียงเย็นชา แล้วขี้เกียจไปทะเลาะถกเถียงกับเซียวไห่หลง เพราะว่าเธอมองออกอย่างทะลุปรุโปร่งเกี่ยวกับนิสัยของคนๆ นี้ แค่อยากจะหนีออกห่างจากเขาให้พ้นไปไกลๆ
เซียวไห่หลงเห็นต่งรั่งหลินไม่ได้โทษตัวเอง และยังนึกว่าเธอเชื่อในคำพูดของตน ดังนั้นจึงสังเกตมองต่งรั่งหลิน พอเห็นกลับมีเสื้อคลุมผู้ชายที่คลุมอยู่ตรงท่อนล่างเธอ จึงขมวดคิ้วเป็นปมทันที “รั่วหลิน กางเกงของคุณล่ะ? พวกเขาไมได้ทำอะไรคุณใช่ไหม? ”
ภายในใจของต่งรั่งหลินรู้สึกเคืองแค้นมา แล้วไม่อยากไปสนใจเขา แค่พูดขึ้นด้วยเสียงเรียบเฉย “ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคุณ! ”
นัยน์ตาของนายหญิงใหญ่เซียวเคล้าด้วยความมีชีวิตชีวาพลางกวาดมองเรือนร่างของต่งรั่งหลิน แล้วจับจ้องไปยังเสื้อคลุมผู้ชายที่อยู่บนเรือนร่างของเธอ จึงเดินเข้าไปถาม “รั่งหลิน มีอะไร คุณสามารถบอกคุณย่าว่าคนพวกนั้นไม่ได้ทำอะไรเธอใช่ไหม? ”
ต่งรั่งหลินทำสีหน้าที่ไม่สื่ออารมณ์ใดๆ “พวกเขาใช้มีดแทงฉันหนึ่งครั้ง ยังดีที่มีชายหนุ่มที่ผ่านทางคนหนึ่งช่วยฉันไว้ เพราะว่าน่องฉันมีแผล ดังนั้นเขาเลยรักษาให้ฉันหน่อย จึงฉีกกางเกงของฉันให้ขาด เขาจึงถอดเสื้อคลุมมาให้ฉันใช้ ทำไม มีปัญหาหรอ? ”
“ชายหนุ่ม? ” นายหญิงใหญ่เซียวรู้สึกตกตะลึงในใจ
มีบุรุษคนหนึ่งช่วยชีวิตต่งรั่งหลินไว้ นี่ไม่ค่อยอัศจรรย์เลย! หากต่งรั่วหลินเกิดมีความรู้สึกที่ดีกับชายหนุ่มคนนั้น หลานชายที่รักของตนเองเซียวไห่หลงคงจะไม่มีโอกาสแล้วใช่ไหม
เซียวไห้หลงรู้สึกอิจฉาในตอนนี้ “รั่งหลิน ฝ่ายตรงข้ามรักษาอาการของคุณได้ยังไง? เขาถอดกางเกงรักษาให้คุณหรอ? ”
ต่งรั่งหลินยิ้มอย่างเย็นชา แล้วพูดด้วยความดูหมิ่น “นี่มันเกี่ยวอะไรกับคุณ?