บทที่ 478 กลับโรงพยาบาล

บทที่ 478 กลับโรงพยาบาล

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรแล้ว”

อวี้ฮ่าวหรานโผเข้ากอดหญิงสาวตรงหน้าแล้วปลอบประโลมอย่างอ่อนโยน

“ใน…ในที่สุดคุณก็มา ฉันเกือบ…เกือบตายแล้ว”

เฉิงชิวอวี้สะอื้นไห้ แม้เธอจะแข็งแกร่ง แต่ภายในใจกลับบอบบางเหมือนหญิงสาวคนอื่น ๆ

เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ระหว่างความเป็นและความตาย เธอจึงตระหนักได้ว่าตัวเองเป็นเพียงหญิงสาวตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งเท่านั้น

มันน่ากลัวเกินไป!

อวี้ฮ่าวหรานตบหลังอีกฝ่ายเบา ๆ ด้วยความอ่อนโยนก่อนกระชับอ้อมกอดให้แน่นกว่าเดิม

การโอบกอดสามารถทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้น ร่างกายแนบชิดกันและกัน อีกทั้งหน้าอกที่สะท้อนขึ้นลงถูกทาบทับด้วยแผ่นอกอบอุ่นของอีกฝ่าย

“ขึ้นไปที่ห้องนอนก่อนเถอะ ผมจะช่วยทำแผลให้”

ตอนนี้เลือดไหลอาบแขนและฝ่ามือของอีกฝ่าย เขาจึงให้ความสำคัญกับบาดแผลก่อน

“อืม”

เฉิงชิวอวี้พึมพำ

บาดแผลบนแขนค่อนข้างลึก ใบหน้าของเธอจึงซีดเผือดเพราะเสียเลือดมาก

ทั้งสองรีบเดินขึ้นไปบนห้องนอนอย่างรวดเร็ว

ภายในห้องนอนยังคงมีห้องร่องรอยของความโกลาหล กระจกบานใหญ่แตกละเอียด แถมประตูห้องนอนยังถูกแทะจนเป็นรูใหญ่อีกด้วย

เห็นได้ชัดว่าเป็นฝีมือค้างคาวปีศาจเหล่านั้น…

ถ้าเป็นมนุษย์ธรรมดา พวกเขาคงกำจัดค้างคาวพวกนั้นไม่ได้ง่าย ๆ แน่นอน

แต่สำหรับฮ่าวหรานแล้ว เขาสามารถบดขยี้สัตว์ปีศาจเหล่านั้นได้ภายในพริบตา

“คุณนอนพักก่อนเถอะ เดี๋ยวผมจะทำแผลให้”

อาการอีกฝ่ายไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่ แผลที่แขนลึกไปถึงเส้นเลือด ทำให้เสียเลือดมากระหว่างหลบหนี

ถ้าเขามาไม่ทัน กลัวว่าอีกฝ่ายจะหมดสติไปแล้ว ถึงค้างคาวจะพังประตูเข้าไปในห้องไม่ได้ แต่ยังไงซะเธอก็ต้องสลบเพราะเสียเลือดมากแน่นอน

“ฉัน…ฉันรบกวนคุณอีกแล้ว ขอโทษนะคะ”

เฉิงชิวอวี้นอนลงบนเตียงก่อนมองไปรอบ ๆ แล้วขอโทษด้วยความรู้สึกผิด

อวี้ฮ่าวหรานพูดไม่ออก เขาเต็มใจมาช่วยเธอโดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเป็นภาระหรือไม่

“พักผ่อนเถอะ อย่าคิดมากเลย”

ชายหนุ่มปลอบอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล จากนั้นพลังวิญญาณในมือเขาก็แทรกซึมเข้าไปในร่างกายเธอ

พลังวิญญาณแทรกซึมเข้าไปตามรอยแผลบนร่างกายหญิงสาว เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสต่าง ๆ ที่ติดมากับเล็บค้างคาว

จากนั้นจึงใช้พลังวิญญาณผสานหลอดเลือดเพื่อห้ามเลือด เขาใช้วิธีเดียวกันเพื่อห้ามเลือดที่บาดแผลบนฝ่ามือ

ประมาณเจ็ดแปดนาทีต่อมา อวี้ฮ่าวหรานก็ถอนหายใจเบา ๆ

การใช้พลังวิญญาณรักษามนุษย์ธรรมดาเป็นเรื่องเสี่ยงอันตรายอย่างมาก เพราะร่างกายมนุษย์อ่อนแอเกินไป ถ้าการรักษาผิดพลาด คนคนนั้นอาจบาดเจ็บหนักกว่าเดิม

ถ้าเป็นผู้ฝึกตนธรรมดาคงทำไม่ได้ แต่สำหรับอวี้ฮ่าวหรานแล้ว วิธีนี้ง่ายกว่าปอกกล้วยเข้าปากซะอีก

ตอนนี้เฉิงชิวอวี้หลับไปแล้ว เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคืนนี้คงทำให้เธอรู้สึกอ่อนเพลียอย่างมาก

อวี้ฮ่าวหรานทำอะไรไม่ถูก ถึงเลือดจะหยุดไหลแล้ว แต่บาดแผลตามร่างกายยังไม่สมานดี ดังนั้นเขาจะปล่อยให้อีกฝ่ายที่มีสภาพแบบนี้อยู่ตามลำพังไม่ได้

หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็กอดอีกฝ่ายไว้ในอ้อมแขน…

ร่างกายอ่อนนุ่มและผิวเย็นเยียบและน้อยทำให้ร่างกายเขาร้อนรุ่มทันที

เฉิงชิวอวี้มีรูปร่างอรชร แม้จะได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ แต่ผิวขาวราวกับหิมะของเธอยังคงเย้ายวนใจเหมือนเดิม

“เฮ้อ… เป็นแบบนี้ไม่ดีแน่”

อวี้ฮ่าวหรานถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะหลับตาลงและหักห้ามใจ ไม่นานทุกอย่างก็กลับสู่สภาวะปกติ

ร่างกายบอบบางของคนตรงหน้าสวยงามราวกับเทพปั้น ถ้าได้ใกล้ชิดหญิงสาวแบบนี้ คงไม่มีผู้ชายคนไหนสามารถต้านทานความงดงามของเธอได้แน่นอน

หลังจากสงบอารมณ์แล้ว เขาจึงอุ้มเธอไปที่รถ

อวี้ฮ่าวหรานหันหลังกลับไปมองวิลล่าตระกูลเฉิงที่อยู่ในสภาพไม่น่ามอง ภายในบ้านมืดมิด หน้าต่างและประตูหลายบานพังลง ทำให้ดูน่ากลัวอย่างมาก

รถสปอร์ตสีเหลือสดใสเคลื่อนตัวออกจากวิลล่าอย่างรวดเร็ว

ขณะเดียวกัน หวังเหยียนและหลิวว่านฉิงยืนรอโจวเฟยหู่อยู่บนถนน ในที่สุดอีกฝ่ายก็พาลูกน้องมารับทั้งสองคนแล้ว

“พี่หวัง! พี่อยู่ในสภาพนี้ได้ยังไง? ขึ้นมาเร็วเข้า! รีบไปโรงพยาบาลก่อน”

เมื่อเห็นสภาพที่ผ่านการต่อสู้ของพี่ชาย โจวเฟยหู่ที่นั่งอยู่ในรถจึงถามเขาทันที

“เธอเป็นคนของลูกพี่อวี้”

หวังเหยียนดึงหลิวว่านฉิงขึ้นไปนั่งบนรถ

รถยนต์สีดำมุ่งหน้าไปโรงพยาบาลในใจกลางเมืองทันที คนร้ายถูกฆ่าตายและตอนนี้พวกเขาทุกคนก็ปลอดภัยแล้ว

ขณะนี้หน้าโรงพยาบาลมีรถตำรวจที่เปิดสัญญาณไฟหลายคันจอดอยู่หน้าโรงพยาบาล เห็นได้ชัดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ได้รับความสนใจจากตำรวจอย่างมาก

ครู่ต่อมา ภายในโรงพยาบาล…

“ร่างกายปกติดี มีแค่ปากแผลที่เปิดออก แค่กินยาก็หายแล้วค่ะ”

แพทย์หญิงวัยกลางคนแจ้งหลังจากตรวจอาหารบาดเจ็บของหลิวว่านฉิงอย่างละเอียด

“ดีแล้ว”

หวังเหยียนถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อได้ยินอย่างนั้น ครั้งนี้เขาช่วยชีวิตอีกฝ่ายได้สำเร็จ

แต่เมื่อแพทย์หญิงมองมาที่เขา เธอกลับขมวดคิ้วมุ่น

“อาการบาดเจ็บของคุณรุนแรงกว่าเธอมาก คุณรีบไปทำแผลเถอะค่ะ”

เธอไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนยังนั่งนิ่งทั้งที่มีเลือดไหลอาบไหล่และมีบาดแผลตามร่างกายมาก่อน

“ฮ่า ๆ เรื่องเล็กน้อยครับ!”

หวังเหยียนหัวเราะร่า เขาไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตัวเองสักเท่าไหร่ ขอเพียงรู้ว่าหลิวว่านฉิงพอแล้ว

“คุณรีบไปทำแผลเถอะค่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันสบายดี”

หลิวว่านฉิงหว่านล้อมอีกฝ่ายอย่างจนปัญญา เธอรู้สึกปลื้มใจเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ห่วงใยตัวเองเป็นพิเศษ

หลิวว่านฉิงเป็นแค่หญิงสาวธรรมดา และไม่เคยได้รับความช่วยเหลือและความห่วงใยจากคนอื่นมาก่อน ดังนั้นเธอจึงไม่ชินสักเท่าไหร่

“เอ๊ะ? พี่หวัง ผู้หญิงคนนี้…หน้าเหมือนน้องสาวพี่เลย”

ในที่สุดโจวเฟยหู่ก็มีโอกาสมองหน้าหญิงสาวชัด ๆ แค่มองแวบเดียว เขาก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

“บังเอิญชะมัด ไม่แปลกใจเลยที่พี่หวังปกป้องผู้หญิงคนนี้สุดชีวิต

“น้องสาว?”

หลิวว่านฉิงรู้สึกงุนงงเล็กน้อย

จู่ ๆ เธอก็นึกคำพูดของเขาระหว่างหลบหนี ดูเหมือนว่าตอนนี้เธอเข้าใจเรื่องทุกอย่างแล้วจึงไม่ถามอีก

อีกด้านหนึ่ง อวี้ฮ่าวหรานกำลังมุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาล

ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว

“เอ่อ… เราจะไปไหนกันเหรอคะ?”

ใบหน้าเฉิงชิวอวี้ซีดเผือด เธอลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ

“ไปโรงพยาบาล คุณต้องเย็บแผลที่แขน”

อวี้ฮ่าวหรานลงจากรถและอุ้มอีกฝ่ายไว้ในอ้อมแขนโดยไม่ลังเล

“ฉัน…ฉันเดินเองได้ค่ะ”

เฉิงชิวอวี้สัมผัสได้ถึงแผ่นอกแข็งแกร่งและทรงพลัง พวงแก้มซีดขาวปรากฏรอยเลือดฝาดทันที

เธอไม่เคยถูกผู้ชายโอบกอดแนบชิดอย่างนี้มาก่อน

“อืม”

อวี้ฮ่าวหรานไม่คิดมาก เขาวางอีกฝ่ายลงหลังจากได้ยินอย่างนั้น

“อ๊ะ…”

เฉิงชิวอวี้เสียเลือดมากเกินไป ร่างกายจึงอ่อนแออย่างมาก ดังนั้นทันทีที่เท้าแตะพื้น เธอจึงเซเล็กน้อย

อวี้ฮ่าวหรานตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขายื่นมือออกไปประคองอีกฝ่ายเอาไว้

ด้วยความรีบร้อน เขาจึงไม่ได้ใส่ใจมากนัก มือทั้งสองข้างของชายหนุ่มจึงเผลอไปจับยอดเขาฝาแฝดบริเวณหน้าอกของเธออย่างเต็มมือ

ฝ่ามือเขาสัมผัสได้ถึงความหยุ่นนุ่มอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ทันที