ภาค 2 ไร้เทียมทานเย้ยยุทธจักร บทที่ 372 มารคลั่ง

จอมศาสตราพลิกดารา

ไอสังหารที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนอย่างหนึ่งไหลเวียนอยู่บนร่างของหลี่มู่

เขาซัดตราหยกออกมาอันหนึ่ง รัศมีกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้น ก่อนก่อเป็นเกราะแสงป้องกันคล้ายกำแพงแสงหยก ปกป้องไป๋เซวียนและร่างของคู่สามีภรรยาหนิงจิ้งเอาไว้ในนั้น

องค์รัชทายาทส่งคนไปจับคนรู้จักของหลี่มู่มา ตัวเลือกแรกแน่นอนว่าเป็นที่เมืองอำเภอขาวพิสุทธิ์ เพียงแต่ที่นั่นน่ากลัวกว่าที่เขาคาดเอาไว้ ต้องสูญเสียมากมายจากการฝืนโจมตี ขั้นเหนือมนุษย์สามคนเกือบตาย หลังจากจนปัญญาจึงมาเมืองฉางอัน สืบถามรอบหนึ่งแล้วก็จับมาหลายสิบคน บางคนเคยพบหลี่มู่เพียงครั้งเดียว และมีบางคนเป็นสหายของหลี่มู่จริงๆ

นอกจากสามคนนี้ยังมีชาวบ้านที่อาศัยในตรอกไล่หมูคนอื่นๆ ซึ่งถูกสังหารไปแล้วก่อนหน้า ส่วนบัณฑิตสำนักเสียงวิหคสวรรค์รวมถึงเหลยอินอินก็ถูกจับตัวมาเช่นกัน ถูกคุมตัวไว้อีกด้านหนึ่ง แต่ละคนล้วนตื่นตระหนกหวาดกลัว

ตอนนี้หลี่มู่เห็นซึ่งทุกสิ่งแล้ว

เขายกมือซัดตราหยกอีกหลายสายออกไป

พลังไร้รูปร่างกระแทกทหารเกราะที่ควบคุมตัวพวกเหลยอินอินจนกระเด็น พันธนาการวงแสงหยกที่ส่งออกไปปกป้องคนพวกนี้เอาไว้ข้างใน

ตั้งแต่ต้นจนจบ ‘ดาบจักรพรรดิ’ อิ้งซานเสวี่ยอิงหัวเราะเสียงเย็นพลางมองหลี่มู่ แต่ไม่ได้ขัดขวางอะไร

เพราะทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเขาแล้ว

ในสายตาของเขา หลี่มู่ก็เป็นลูกไก่ในกำมือ

ต่อให้หลี่มู่ปกป้องตัวประกันพวกนี้เอาไว้แล้วอย่างไรเล่า?

รอให้ฆ่าหลี่มู่เรียบร้อยแล้ว คนพวกนี้ก็ต้องตายอยู่ดี

ความรู้สึกพ่ายแพ้ที่หลี่มู่มอบให้เขาหลายวันมานี้ได้รับการชดเชยในชั่วเวลานี้เอง เขาเหมือนแมวหยอกหนู มองดูหลี่มู่ทำทุกสิ่งที่ ‘ไร้ประโยชน์’ นี้

ยิ่งใบหน้าของหลี่มู่ฉายแววโกรธแค้นเท่าไหร่ อิ้งซานเสวี่ยอิงยิ่งรู้สึกเบิกบานมากเท่านั้น

จนเมื่อหลี่มู่ปกป้องทุกคนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว อิ้งซานเสวี่ยอิงถึงหัวเราะเบาๆ “หึๆ ทำไปเพื่ออะไรกันล่ะ? พวกมันล้วนต้องตายเป็นเพื่อนเจ้าอยู่แล้ว”

หลี่มู่ถกแขนเสื้อขึ้นมา

“เจ้าพูดผิดแล้ว…พวกเขาจะดูเจ้าตายต่างหาก” หลี่มู่ทำทุกอย่างเสร็จสิ้นก็พลิกมือปักดาบวัฏจักรลงบนพื้นกระดาน จากนั้นลดไหล่ลงเล็กน้อยแล้วพุ่งไปข้างหน้า

พื้นไม้แตกทลายทุกย่างก้าวที่ย่ำไป

ตูม!

หลี่มู่ซัดหมัดหนึ่งออกไปทันที

หมัดยุทธ์แท้•ท่าเริ่มต้น•ค้อนทะยานฟ้า

กระบวนท่าเชื่อมต่อเป็นชุดรวดเดียว ตราประทับหมัดราวกับมังกร

อิ้งซานเสวี่ยอิงแค่นเสียงหัวเราะ ยกมือขึ้นมา ตราประทับฝ่ามือโปร่งแสงตรงไปรับหน้า

บึ้ม!

พริบตาที่หมัดและฝ่ามือปะทะกัน เรือวาฬทะยานฟ้าสั่นไหวรุนแรง

พลังปะทะอันน่าหวาดกลัวกลุ่มหนึ่งปะทุออกมาจากใจกลางการประมือของหลี่มู่กับอิ้งซานเสวี่ยอิง ตัวเรือที่วางพันธการลายดาราและการป้องกันเพิ่มพลังไว้ถี่ยิบส่งเสียงแกรกๆ ดังก้อง เหมือนจะแตกทลายจากตรงกลางได้ทุกเมื่อ

อิ้งซานเสวี่ยอิงขมวดคิ้วเล็กน้อย วงแสงสีดำอ่อนใต้ฝ่าเท้าแผ่ออกไปสลายพลังปะทะทำลายล้างกลุ่มนี้ รักษาเรือวาฬทะยานฟ้าเอาไว้ได้

“หึๆ กล้าตามข้าไปสู้กลางอากาศหรือไม่…” เขาเอ่ยปาก

หลี่มู่ยกมือ อีกหมัดหนึ่งก็โจมตีออกไป “หึๆ มารดาเจ้าสิ สู้กับแม่เจ้าน่ะสิ”

เขาอ้าปากพ่นคำหยาบ

หลี่มู่ประดุจมารคลั่ง หมัดยุทธ์แท้กระบวนท่าที่สอง•ลิ่มสวรรค์โจมตีออกไป

โทสะจางๆ ปรากฏบนใบหน้าชราของอิ้งซานเสวี่ยอิง เมื่อยกมือก็มาอีกฝ่ามือหนึ่ง กลางฝ่ามือมีลำแสงสีดำลอยอวล ละอองหนาทึบดุจหมอกส่องกะพริบ

ตูม!

การโจมตีที่สองระเบิดปะทุ

หลี่มู่ถูกสะเทือนลอยออกไปไกลหลายลี้

พื้นกระดานใต้ฝ่าเท้าอิ้งซานเสวี่ยอิงก็แตกร้าว เหมือนใยแมงมุมแผ่ลาม เศษชิ้นส่วนลอยปลิดปลิวไปเหมือนเถ้าธุลี พลังสะท้อนกลับที่น่าสะพรึงกลุ่มหนึ่งทำให้แขนของเขาเกิดเสียงกระดูกแตกอย่างที่ยากจะสังเกต ในขณะเดียวกัน เส้นเลือดบนแขนและฝ่ามือก็พันล้อมเหมือนรากไม้

“พลังมากขนาดนี้เชียว?”

อิ้งซานเสวี่ยอิงตะลึงในใจ

ปราณหมัดที่หลี่มู่สำแดงออกมาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ การโจมตีเมื่อครู่ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงพลังคุกคามรางๆ

ทว่าตอนนี้ หลี่มู่ที่อยู่ห่างออกไปหลายลี้ร่างกะพริบวูบ บุกมาถึงข้างกายอิ้งซานเสวี่ยอิงในชั่วพริบตา

ในดวงตาของเขาสะท้อนไฟแค้นถึงขีดสุด ราวมารคลั่งอย่างไรอย่างนั้น

หมัดยุทธ์แท้กระบวนท่าที่สาม•ทลายฟ้า

ตราประทับโจมตีออกมา พลังถล่มฟ้าทลายดินแปรเปลี่ยนเป็นตราหมัดขนาดมหึมา ทุกที่ที่พาดผ่านไปอากาศจะแตกร้าวเหมือนกระจก จากนั้นก็ถูกพายุหอบม้วนเอาไว้ เสมือนพายุหมุนกึ่งโปร่งแสงฉีกทึ้งทำลายท้องฟ้า บดขยี้ไปยังอิ้งซานเสวี่ยอิง

พลังของหมัดนี้ยิ่งน่ากลัวกว่าเดิม

ในดวงตาของอิ้งซานเสวี่ยอิงฉายประกายคมกริบ ไม่กล้าประมาทอีกต่อไป สองมือประสานขึ้นกลางอก สิบนิ้วขยับผสานเป็นตราประทับฝ่ามือประหลาดแล้วส่งไปต้านรับ “ฝ่ามือสังหารมายาพินาศ”

เขาใช้กลวิชาต่อสู้แล้ว 

ครืน!

ท้องฟ้าสั่นไหว

ตราหมัดและตราฝ่ามือปะทะเข้าด้วยกันอีกครั้ง

หลังจากหยุดชะงักไปเพียงชั่วขณะหนึ่ง แสงบาดตาก็ระเบิดออก เศษชิ้นส่วนกึ่งโปร่งแสงแผ่นใหญ่ปานท้องฟ้าแตกกระจายระเบิดเข้ามา คลื่นพลังที่น่าสะพรึงกลัวแผ่ไปรอบทิศ ทุกที่ที่พาดผ่าน ทั้งเสากระโดงเรือ พื้นเรือ และห้องเรือล้วนถูกกระเทือนจนเป็นธุลีในพริบตา

ทหารเกราะบนพื้นเรือยังไม่ทันแม้แต่จะส่งเสียงร้องก็สลายเป็นฝุ่นธุลี

รูม่านตาของรัชทายาทฉินตะวนตกหดเล็กลง ดวงตาฉายแววหวาดกลัวอย่างสุดซึ้ง

“ปกป้ององค์รัชทายาท” เหยียนหรูอวิ๋นร้องสั่งเสียงดังเหมือนเป็ดแตกตื่น

เขาถูกพลังปะทะนี้หอบม้วน กระดูกตรงอกหักไปไม่รู้ต่อกี่ท่อนทันที เกราะเทพแสงบนร่างของเขาสลายไปดุจไม้ผุๆ จึงได้รับบาดเจ็บทันใด ในดวงตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

แค่เศษเสี้ยวพลังเท่านั้น ไม่นึกว่าตัวเองก็บาดเจ็บหนักขนาดนี้แล้ว?

ทำไมหลี่มู่ถึงแข็งแกร่งขนาดนี้?

ก้งเฟิ่งของราชวงศ์หลายสิบคนและเจ้าสำนักจากสำนักต่างๆ ที่ติดตามมาต่างแย่งกันมาอยู่เบื้องหน้ารัชทายาท กางเกราะป้องกัน ปราณแท้แผ่ระลอกต้านทานคลื่นพลังน่ากลัวนั้นเอาไว้ ใบหน้าของทุกคนต่างฉายแววตื่นตระหนกตกใจ

หลี่มู่ก็แค่ขั้นเหนือมนุษย์เท่านั้น ทำไมจึงสู้กับอิ้งซานกงกงได้ถึงระดับนี้ แค่คลื่นพลังควันหลงก็ทำให้พวกเขาแทบกระอักเลือดแล้ว นี่หากปะทะกับหลี่มู่ซึ่งหน้า เกรงว่าแค่เสี้ยวขณะเดียวก็ถูกเขาสังหารราวทำลายล้างแล้วกระมัง?

เพียงพริบตา ทุกอย่างบนพื้นเรือวาฬทะยานฟ้าลำนี้ก็แทบจะพินาศสิ้น

แขนเสื้อทั้งสองข้างของอิ้งซานเสวี่ยอิงกลายเป็นเศษผงโดยพลัน เผยให้เห็นแขนสีขาวเทาเหมือนผงปูน

นั่นเป็นแขนที่เป็นอย่างไรน่ะหรือ ก็เป็นแขนที่เห็นเส้นเลือดสีดำแต่ละเส้นชัดเจน ประหนึ่งแม่น้ำแห้งผากที่สูญเสียพลังชีวิตไปแล้วโดยสมบูรณ์ ผิวแห้งเหี่ยวย่นเหมือนเปลือกส้มตากแห้ง ไม่มีพลังชีวิตแม้แต่น้อย

นี่ไม่ใช่แขนที่คนเป็นๆ ควรจะมี

“เจ้าคู่ควรที่จะมีพลังเช่นนี้อย่างนั้นรึ?” อิ้งซานเสวี่ยอิงทั้งตกตะลึงทั้งโมโห เขาจ้องหลี่มู่ ดวงตาดั่งปีศาจร้ายเริ่มมีหมอกสีดำจางๆ หมุนวน ถามด้วยเสียงต่ำทุ้มน่ากลัว “เจ้าได้ของวิเศษของสำนักขุนคีรีมา?”

“วิเศษปู่เจ้าสิ” หลี่มู่ตะโกนด่าพลางพุ่งไป

ทุกครั้งที่เขาถูกสะเทือนกระเด็นก็จะพุ่งกลับมาใหม่อีกครั้ง ราวกับไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ไม่รู้จักเจ็บปวด แสงสว่างเพียงกะพริบก็พุ่งกลับมาทันใด

“หึๆ…สุดยอด ฝ่ามือสังหารมายาพินาศ” จิตสังหารของอิ้งซานเสวี่ยอิงปะทุออกมา

เขาถูกหลี่มู่ยั่วโมโหโดยสมบูรณ์ ฝ่ามือทั้งสองประสานกลางอก พลังไร้รูปร่างหลอมรวมกัน พลังฟ้าดินรอบๆ ก่อตัวเป็นตาข่ายพลังงานซ่อนเร้นถี่ยิบปกคลุมเขาเอาไว้ทั้งร่าง แล้วเหนี่ยวนำพลังฟ้าดินในอาณาบริเวณสิบลี้มา ใช้เคล็ดวิชาต่อสู้กระตุ้น จากนั้นสำแดงกระบวนท่าโจมตีแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยใช้มา

หลี่มู่ไม่มีท่าทางจะหลบหลีกได้เลย

เขาตาต่อตาฟันต่อฟัน กระตุ้นพลังจักรพรรดิเพลิงแดนใต้และพลังจักรพรรดิเขียวแดนตะวันออก ปราณแท้ธาตุไฟและธาตุไม้หมุนวน มือทั้งสองยกขึ้นจากช่วงเชิงกรานช้าๆ ข้างหนึ่งยกขึ้นข้างหนึ่งกดลง ซ้ายขวาวาดโค้ง ด้านนอกวาดวงด้านในเก็บเข้ามา คล้ายกับนกยูงรวบเก็บหาง ฝ่ามือหันขนานเข้าหากัน วาดเป็นวงรีเบื้องหน้า

ฝ่ามือทั้งสองของอิ้งซานเสวี่ยอิงก็ประสานเข้าด้วยกัน ดาบมหึมาสีเลือดลอยอยู่ข้างหน้า แล้วพุ่งไปยังหลี่มู่ตามท่ามือของเขา

กระบวนท่านี้เป็นกระบวนท่าสุดยอดของเขา

เขาตัดสินใจจะสังหารหลี่มู่ให้สิ้น

ส่วนหลี่มู่ก็พุ่งโจมตีไปข้างหน้า มือซ้ายมีแสงสีเขียวหมุนวน มือขวาเปลวไฟโหมร้อนแรง วงรีเบื้องหน้าปะทะกับประกายแสงจากกระบวนท่าสังหารของศัตรูและโอบล้อมมันไว้ข้างใน ตรงหน้าอกเหมือนมีฟ้าดินอีกผืน ประดุจหุบเหวไร้ก้นบึ้ง โอบพลังที่น่ากลัวนี้ไว้ข้างใน จากนั้นฝ่ามือทั้งสองก็บิดเหมือนพลิกหมุนอะไรสักอย่าง…

“หมัดยุทธ์แท้•รวบหางยูง!”

เสื้อผ้าทั่วร่างหลี่มู่กลายเป็นเศษผงโดยพลัน กล้ามเนื้อทั้งตัวของเขาโดยเฉพาะแขนทั้งสองเกิดรอยเลือดเป็นชั้นๆ เหมือนรับพลังมหาศาลที่น่าเหลือเชื่อบางอย่างไว้ ละอองเลือดสาดกระจาย…

ทว่า สุดท้ายแล้วพลังในอ้อมแขนของเขาก็โหมซัด บิดหมุน คล้ายกับวิชาดาวเคลื่อนดาราคล้อยของมู่หรงฟู่ ซัดกระบวนท่าสังหารสุดยอดของอิ้งซานเสวี่ยอิงกลับไป…

“ย้ากกกก…ไอ้หมาแก่ ตายไปซะๆๆๆ”

หลี่มู่คำรามลั่น

เขาพุ่งไปอย่างบ้าคลั่ง

พลังน่าพรั่นพรึงในอ้อมแขนบิดเบี้ยวพันคว้า ปะทุแล้วทิ่มแทงไปยังอิ้งซานเสวี่ยอิงราวกระบี่เทพ

รวบหางยูงทั้งป้องกันทั้งโจมตี ใช้วิธีของศัตรูโจมตีศัตรูกลับ

ในหมัดยุทธ์แท้ทั้งสี่กระบวนท่า สามกระบวนท่าแรกเป็นวิชาหมัดรุนแรงทรงพลัง มีเพียงท่านี้เท่านั้นที่แฝงด้วยวิถีแห่งเต๋า นุ่มนวลพลิ้วไหว เอาชนะด้วยไม้อ่อน แต่กลับแฝงด้วยความสมดุลของหยินหยางและหลักการวิถียุทธ์ ล้ำลึกเป็นที่สุด

หลังจากที่หลี่มู่ผลักดันหมัดยุทธ์แท้มาจนถึงกระบวนท่านี้ก็ไม่เคยใช้สู้จริงๆ เลย เพราะยังบรรลุแก่นแท้ของหมัดได้ไม่ลึกซึ้งพอ ไม่กระจ่างแจ้งพอ โดยเฉพาะเมื่อเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งที่พลังแก่กล้ากว่าตน หากบุ่มบ่ามลงมือก็จะทำไม่สำเร็จและย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองได้ง่ายนัก

แต่วันนี้ ภายใต้การผลักดันของความโกรธแค้นประดุจมารคลั่ง เขาทิ้งความว้าวุ่นทุกอย่าง ไม่สนใจทุกสิ่ง กลับผลักดันกระบวนท่านี้ไปได้ถึงระดับสมบูรณ์แบบสุดยอด

พลังที่ย้อนโจมตีกลับไปจากท่ารวบหางยูงนั้นเพิ่มทบทวี

ศัตรูยิ่งแข็งแกร่ง การโจมตีของรวบหางยูงที่ปะทุในตอนสุดท้ายก็ยิ่งทรงพลัง

“นั่นอะไร?” อิ้งซานเสวี่ยอิงตื่นตะลึง ยากจะใช้คำพูดบรรยายได้

ทำแบบนี้ได้ด้วย?

วันนั้นเขารู้ซึ้งถึงหมัดยุทธ์แท้ที่หลี่มู่สำแดง ถึงแม้แก่นแท้จะล้ำลึก แต่พลังแท้จริงของหลี่มู่ไม่มากพอ ไม่สามารถสร้างภัยคุกคามให้เขาได้เลย ดังนั้นเขาจึงไม่มองไว้ในสายตา ทว่าในตอนนี้ วิชาหมัดเดียวกันที่สำแดงจากหลี่มู่อีกครั้งกลับทำให้เขาสัมผัสได้ถึงการคุกคาม

แต่ว่า ใช้วิชาหมัดของเขามาโจมตีเขาเองหรือ?

อ่อนหัด

อิ้งซานเสวี่ยอิงหัวเราะหยัน

เขาโคจรพลังปราณ ยกมือขึ้น ฝ่ามือลูบไปเบาๆ เหมือนลูบหัวสัตว์เลี้ยงของตน คิดจะลองใช้พลังของตัวเองกลุ่มนี้ควบคุมมันอีกครั้ง

ทว่า…

พรึ่บ

มีแสงสีส้มที่เล็กเหมือนเข็มเรียวแหลมปะปนอยู่ในพลังนี้ด้วย โจมตีออกไปในเสี้ยวพริบตา ก่อนหน้านี้อิ้งซานเสวี่ยอิงไม่ได้สังเกตเลย จนเมื่อตั้งสติได้ แม้วิชาป้องกันกายจะตอบสนองโดยอัตโนมัติก็ไม่อาจต้านทานเข็มเล่มนี้ได้…

อิ้งซานเสวี่ยอิงตัวแข็งทื่อไปในทันที

“ไฟจักรพรรดิ!” หลี่มู่คำราม

นี่คือพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา

พลังของไฟจักรพรรดิระเบิดขึ้นในร่างอิ้งซานเสวี่ยอิง

เขารู้สึกแค่ว่าเหมือนร่างระเบิดออก ไม่อาจควบคุมพลังเพลิงทำลายล้างที่ปะทะเข้ามาได้ ทั้งตัวกระเด็นออกไปเหมือนไม้ผุๆ ท่อนหนึ่งที่ถูกน้ำป่าโหมซัด

“ตายซะ” หลี่มู่ราวกับสายอัสนี ไล่ตามไปถึงในชั่วพริบตา หมัดหนึ่งโจมตีไปที่หน้าด้านซ้ายของอิ้งซานเสวี่ยอิงอย่างรุนแรง

‘ดาบจักรพรรดิ’ ที่ชื่อเสียงบารมีสะท้านไปทั่วฉินตะวันตกคนนี้ถูกโจมตีกระเด็นอีกครั้ง

……………………………………………………