บทที่ 39 ทุกบ้านต่างก็มีเรื่องทุกข์ใจเป็นของตนเองเช่นกัน

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

“ในฐานะที่เป็นครู แต่กลับไม่ตอบคำถามที่เป็นคนเอ่ยขึ้นมาเอง …” เขาเปลี่ยนลักษณะท่าทางและยังย้อนถามกลับอย่างเกียจคร้าน “คุณหญิงเชอร์รีนไม่รู้สึกว่าความรู้ของตนเองต้องปรับปรุงให้สูงขึ้นเหรอ?”

เชอร์รีน: “……”

คุณหญิงเชอร์รีน……

บริเวณจุดที่โดยแทงอย่างแสนสาหัสนั้น หยาดฝนได้แต่ยิ้มให้ แต่มีแค่เธอเท่านั้นที่รู้ ว่ามุมปากที่กำลังยิ้มอยู่นั้นมันชมชื่นขนาดไหน

หลังจากกลับมาถึงบ้านตระกูลสิริไพบูรณ์แล้ว เขาไม่เคยมองหน้าเธอสักครั้ง

ส่วนพวกเขาสองคน อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขถึงเพียงนี้…

หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ หยาดฝนพูดว่าจากที่นี่ห่างเทศบาลเมือง aaใกล้มาก เลยยืนกรานที่จะนั่งรถแท็กซี่ไป

เมื่อเห็นว่าเธอยืนกรานเช่นนี้ เชอร์รีนก็ไม่ได้รั้งเอาไว้ หลังจากบอกลากันแล้ว ก็ออกมาทันที

หยาดฝนใส่เสื้อกันลมสีดำ ด้านล่างเป็นกระโปรงยาว เวลาเดินเหิน มันพลิ้วไสวไปตามฝีเท้า สวยหยดย้อยดั่งออกมาจากภาพวาด

เชอร์รีนถึงกับออกปากชม นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่า กระทั่งการเดินเหินของผู้หญิงก็ยังสวยได้ถึงขั้นนี้ ขนาดตอนเดิน ดั่งภาพวาดในบทกวี

รถยนต์เคลื่อนตัวไปด้านหน้า เธอมองวิวทิวทัศน์รอบๆ จนมันดูแปลกพิกลขึ้นเรื่อย ๆ “มาทำอะไรที่บ้านฉันหรือคะ?”

“เดี๋ยวคุณก็จะเข้าใจเอง…” เขาไม่กล้าพูดอะไรมาก ถอยรถเข้าซอง จากนั้นก็เดินไปทางด้านหน้า

แม้ว่าในใจจะเต็มไปด้วยความสงสัยมากมายก็ตาม แต่เธอก็ไม่ได้ถามมากมายอะไร มีแค่เดินตามหลังเขาติดๆ

บ้านเธออยู่ชั้นสาม เขากลับไปหยุดลงตรงบันไดบริเวณชั้นสาม แต่กลับเดินขึ้นไปชั้นสี่แทน

ชั้นสี่เหรอ?

ชั้นสี่ คนที่เธอรู้จักมีแค่นลินคนเดียวเอง แต่ที่จุดประสงค์ที่เขาพาเธอมานั้น ก็เพื่อเป็นการตามหาตัวสร้างเรื่องในครั้งนี้

จู่ ๆ หัวใจของเธอก็เต้นโครมคราม และเร่งฝีเท้าทันที พลันคว้ามุมชายเสื้อของเขาเอาไว้ “มีหลักฐานไหม?”

“คุณหญิงเชอร์รีนคิดว่าอย่างไรล่ะ?” เขาไม่ตอบแต่ย้อนถามทันที

เธอจ้องมองเขาตาเขม็ง พร้อมทั้งกำมือไว้แน่น และเดินนำหน้า ผ่านตัวเขาไป

ประตูบ้านก็ไม่ได้ล็อก เมื่อผลักเล็กน้อยประตูก็เปิด เธอย่องเท้าเข้าไปด้านใน พลันมองเห็น นลินกำลังเก็บสิ่งของใส่กระเป๋าเดินทางอยู่

“คิดว่าจะไปไหนเหรอ?” เธอยืนอยู่ด้านหลังนลิน และพูดขึ้นมา

จู่ ๆ มีเสียงดังขึ้นจนทำให้นลินตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ เธอพยายามเรียกสติกลับคืนมา พลันหันตัวไป และแสร้งทำท่าทางเป็นห่วงออกนอกหน้า

“นี่แกมาได้อย่างไรเนี่ย? ร่างกายได้รับผลกระทบตรงไหนไหม? แกรู้หรือเปล่า วันนั้นฉันตกใจแทบตาย!”

เมื่อมองมาทางเธอ ก็ค่อยๆ พูดโพล่งออกมา “เป็นห่วงขนาดนั้นจริงๆ เหรอ?”

“แน่สิ!”

นลินตอบอย่างหนักแน่นมาก แต่กลับหลบสายตาแทน พลันก้มหน้า และประเมินร่างกายของเธอทั้งข้างบนข้างล่าง

แต่ว่า จังหวะที่หางตามองเห็นรูปร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านนอกประตู อย่างไม่ได้ตั้งใจนั้น ราวกับถูกไฟช็อตทันที และยืนตะลึงอยู่ตรงนั้น สีหน้าซีดเผือดไม่มีเลือดฝาดแม้แต่น้อย

ออกัสไม่ได้เดินเข้ามาในนั้น จึงยืนอยู่ด้านนอกประตูอย่างสบายใจเฉิบ

อากัปกิริยาของ นลินได้บอกทุกอย่างอย่างชัดเจนแล้ว เชอร์รีนปัดมือของเธอที่กำลังอยู่บนตัวเธอออก “ทำแบบนั้นทำไม ฉันอยากรู้เหตุผล”

เมื่อได้ยินดังนั้น นลินก็หัวเราะเบาๆ และพูดจาถากถางกลับ “อยากได้เหตุผลเหรอ แล้วทำไมไม่ถามตัวเองดูล่ะ?”

“เป็นเพราะว่าฉันโกหกแกครั้งนั้นนะเหรอ?” เธอพูดออกมา เพราะว่านี่เป็นเหตุผลเพียงสิ่งเดียวที่มาจากตัวเธอเอง

เรื่องถูกเปิดเผยจนรู้กันหมดแล้ว นลินก็ขอยอมแพ้เช่นกัน

เธอพยักหน้า เธอไม่ได้บอกว่ามันถูกหรือผิด “นี่มันเป็นแค่หนึ่งในเหตุผล แต่ไม่ใช่เหตุผลทั้งหมด”

งั้นเหตุผลทั้งหมดล่ะ? เชอร์รีนสูดลมหายใจเข้าลึก ในใจของเธอนั้นซ่อนความรู้สึกไม่พอใจกับตนเองสักกี่มากน้อย?

“แกรู้ใช่ไหมว่าฉันเกลียดแกเรื่องอะไรมากที่สุด? ฉันทำงานก็ไม่ได้น้อยกว่าแก อีกอย่างฉันมั่นใจว่าไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือรูปร่าง ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าแก แต่การชื่นชม มีคนมาชอบ ต้องไปที่แกหมด เรื่องนี้ฉันรับได้ สิ่งเดียวที่ไม่สามารถทนรับไว้ได้คือการที่แกมาโกหกฉัน!”

นลินแสยะยิ้ม และนั่งลงบนโซฟา “ฉันคิดเอาเองว่าแกเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับฉัน พอแกมีความทุกข์ร้อน มีครั้งไหนเหรอที่ฉันไม่เข้าไปช่วยแก?”

เธอมาโรงเรียนไม่ได้ เธอก็ไปช่วยสอนแทนเธอ ขอแค่เธอพูดออกมา เธอนลินก็ไม่เคยปฏิเสธสักครั้ง

ไม่มีที่พัก เธอก็รีบช่วยติดต่อให้เธอทันที กระทั่งช่วยลางานเพื่อที่จะช่วยเธอปัดกวาดห้องก็ตาม

“ตอนที่ฉันมีปัญหา ก็พูดขอร้องแก ทั้ง ๆ ที่แกรู้ว่ามีความสามารถอยู่แล้ว แต่กลับเอาคำโกหกคำโตมาพูดกับฉัน เชอร์รีน ตกลงว่าหัวใจของแกมันทำด้วยอะไร?”

แต่สิ่งที่ทำให้เธออับอายหนักก็คือ ตนเองได้เอาตัวเองใส่พานถวายให้ถึงที่ เขากลับไม่มองเธอเต็มตาสักครั้ง!

เธอจัดการเหยียบย่ำเกียรติและศักดิ์ศรีสุดท้ายของตนเอง เพื่อไปยั่วเขา แต่สิ่งที่ได้กลับมากลับไม่ได้เป็นไปตามคาด!

เกรงว่า ในใจของเขานั้น ผู้หญิงอย่างเธอก็เหมือนกับขยะ แต่มีตรงไหนบ้างที่เธอสู้เชอร์รีนไม่ได้!

ส่วนเชอร์รีนไม่รู้เรื่องมาตลอด ที่แท้ นลินทำแบบนี้ลับหลังเธอ!

“ฉันเคยบอกกับแกแล้ว เรื่องนั้นฉันไม่ได้มีเจตนาปกปิด แต่มันมีความทุกข์ใจจริงๆ!”

นลินเหมือนได้ยินเรื่องตลกอะไรบางอย่าง พลันหัวเราะเสียงดังลั่น “การได้แต่งงานกับท่านประธานของเมืองs แกพูดว่ามีความทุกข์ระทมเหรอ นี่แกจงใจโม้กันเล่น หรือว่าสร้างความเจ็บช้ำกันแน่?”

เมื่อได้ยินดังนั้นเชอร์รีน ถึงกลับหัวเราะเบาๆ

“พวกเราเป็นเพื่อนกันมาสามปีแล้ว ตอนแรกก็คิดว่าน่าจะรู้จักอีกฝ่ายดีแล้ว ไม่คิดเลยว่า ที่แท้มันก็คือการคิดเองเออเองและเรื่องตลกเท่านั้นเอง เรื่องความทุกข์ใจของฉันแกยังไม่เข้าใจเลย และรู้สึกเหมือนเป็นการเยาะเย้ย งั้นฉันก็ไม่คิดอธิบายแล้ว…”

“คำว่าเพื่อนคำนี้สำหรับพวกเราแล้วมันช่างไม่เหมาะสมอีกแล้ว ฉันก็แค่อยากพูดออกมาประโยค สำหรับคนอย่างแกนลิน ฉันเชอร์รีนไม่ได้ทำผิดอะไรด้วย!”

มีบางเรื่องที่ไม่ควรจะเอามาพูดกันบนโต๊ะได้ เพราะมันจะทำให้เกิดความเสียหายได้

เช่น ค่าเทอมสองปีสุดท้ายของเธอ และเช่น ค่าเทอมของน้องชายของเธอ…

เธอย่อมรู้นิสัยนลินดีว่าเป็นคนจองหอง ถ้าเรื่องแบบนี้ถูกพูดออกมา ศักดิ์ศรีของเธอก็ไม่อนุญาต ไม่สามารถรับสภาพได้ ความคิดจะบิดเบือนจนไม่สามารถเสริมอะไรได้

มาถึงวันนี้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องพูดคำพวกนั้นออกมาแล้ว

“แกคิดมาตลอดว่าฉันคอยขวางทางแก ให้แกเป็นเงาตามหลัง งั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะไปให้ไกล แกมีโอกาสที่เปิดเผยความสามารถของตัวเอง แต่ว่า –”

เธอหยุดคำพูดไว้ จากนั้นก็เดินไปทางด้านหน้า และเงื้อมือขึ้น และตบหน้านลินอย่างแรง จากนั้นก็พูดเน้นทุกคำ

“ตบนี้คือเป็นราคาที่แกต้องจ่ายในสิ่งที่ตัวแกเองเป็นคนก่อขึ้นมา!”

เมื่อสิ้นเสียง เธอไม่หันกลับไปมองนลินอีกเลย พลันเดินสาวเท้าออกจากห้องไปทันที

เมื่อเดินมาถึงชั้นสามนั้น เชอร์รีนหยุดฝีเท้า และหันไปมองออกัส “ฉันอยากกลับบ้านสักหน่อย”

เขาใช้สายตามองเธอ บริเวณแก้มเริ่มเขียวเล็กน้อย แต่อารมณ์กลับสงบนิ่งมาก ดวงตาทอประกาย จนชวนให้คนสัมผัสตาม

“อืม…” หลังจากจ้องมองเธอดีแล้ว เขาก็ส่งเสียงตอบรับอย่างแผ่วเบา พลันก้มหน้ามองเวลา “งั้นผมไปบริษัทนะ…”

“เดินทางระมัดระวังหน่อย ขอให้ปลอดภัย” เธออ้าปาก และสั่งกำชับทันที

เมื่อเห็นว่าร่างกายสูงใหญ่ของเขานั้นหายวับไปจากสายตาแล้ว เชอร์รีนก็ก้าวเท้า เดินไปทางด้านหน้า

คนที่เป็นคนเปิดประตูก็คือทับทิม เธอหน้าถอดสีทันที “ทำไมแกถึงมาอยู่ที่นี่?”

“ที่นี่เป็นบ้านฉัน ฉันไม่อยู่ที่ไหน ให้ไปอยู่ไหนล่ะ?” ทับทิมกำลังนั่งทาเล็บอยู่ จนมีกลิ่นแสบจมูก

เชอร์รีนเดินผ่านเธอไป และเดินเข้าในห้องของจักรกฤษ และถามทันที “พ่อ ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่ล่ะ? ตอนนี้พ่อกับแม่ตกลงฉันว่ายังไงนะ?”