ฮูหยินผู้เฒ่าตกตะลึงเมื่อมีข่าวดีมาถึงอย่างฉับพลัน ขณะที่นางถามอย่างรวดเร็วว่า “ข่าวดีคืออะไร?”
บ่าวรับใช้ “ท่านฮูหยินผู้เฒ่าไปดูที่ลานหน้าบ้านเถิดเจ้าค่ะ ขันทีนำพระราชโองการของฮ่องเต้มากำลังรออยู่ที่ลานหน้าบ้านเจ้าค่ะ ! ”
เมื่อได้ยินว่าจะมีพระราชโองการของฮ่องเต้ ฮูหยินผู้เฒ่าก็ตัวสั่น ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาตระกูลเฟิงได้รับพระราชโองการมากกว่าในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาและไม่เคยเป็นเรื่องดีเลยสักครั้ง แต่ถ้ามันเป็นเรื่องดีมันก็มักจะเกี่ยวข้องกับเฟิงหยูเฮง เมื่อคิดอย่างนี้นางก็รู้สึกว่าพระราชโองการนี้น่าจะเป็นของเฟิงหยูเฮง ดังนั้นนางจึงรีบแจ้งบ่าวรับใช้ว่า “ตอนนี้คุณหนูรองคงเดินไปได้ไม่ไกล รีบไปตามนางให้ไปที่ลานหน้าบ้านเร็ว”
บ่าวรับใช้ที่มาก็รีบแจ้ง “ท่านฮูหยินผู้เฒ่า พระราชโองการนี้เป็นของท่านฮูหยินเจ้าค่ะ ! มันเป็นเรื่องที่ดีมาก ! ”
ยายจาวรู้สึกทันทีว่ามีบางอย่างถูกปิดบังและถามอย่างรวดเร็ว “พูดให้ชัดเจน ข่าวดีอะไร ? ”
บ่าวรับใช้รีบพูดว่า “พระราชโองการมาจากพระราชวังเป็นของท่านฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าค่ะ บอกว่าท่านฮูหยินผู้เฒ่าได้รับการแต่งตั้งเป็นฮูหยินขั้นหนึ่ง ! ท่านฮูหยินผู้เฒ่ารีบไปที่ลานหน้าบ้านเพื่อรับพระราชโองการเจ้าค่ะ ! ”
“โอ้ ! ” ทั้งคู่ตกตะลึงในตอนแรกจากนั้นก็เปิดเผยความสุขของพวกเขา ยายจาวแจ้งบ่าวรับใช้ทันที “รีบไปเรียกบรรดาอนุและคุณหนูมาเร็วเพื่อรับพระราชโองการร่วมกัน ใช่ เจ้าต้องพาคุณหนูรองกลับมาด้วย นางออกไปได้ไม่นาน”
“เจ้าค่ะ ! ” บ่าวรับใช้วิ่งออกไปอย่างมีความสุขเพื่อสั่งความ
ยายจาวช่วยพยุงฮูหยินผู้เฒ่าลุกขึ้นยืน ในขณะที่ช่วยนางจัดเสื้อผ้าและผมให้เป็นระเบียบ นางกล่าวว่า “คฤหาสน์ของเราจะต้อนรับองค์หญิงใหญ่ของเฉียนโจวในไม่ช้า เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฮ่องเต้ทรงรู้สึกว่าท่านไม่มีตำแหน่งอันสูงส่งซึ่งเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ แต่เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ บ่าวรับใช้ผู้นี้รู้สึกว่าตำแหน่งอันสูงส่งนี้ได้รับช้าเกินไป ท่านฮูหยินผู้เฒ่าเป็นมารดาของขุนนางขั้นหนึ่ง ท่านน่าจะได้รับมานานแล้ว”
ฮูหยินผู้เฒ่าเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น นางจะยังคงกังวลเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ เช่นนี้ได้อย่างไร ขณะที่นางผลักให้ยายจาวให้เร่งมือขึ้น จากนั้นนางก็พูดว่า “ไม่ว่าจะมาเร็วหรือช้าก็ตาม มันก็ดีกว่าไม่มา หากฮ่องเต้ตัดสินใจที่จะไม่มอบตำแหน่งนี้ก็ไม่มีอะไรที่เราจะทำได้ ! ”
ยายจาวกล่าวอย่างตั้งใจว่า “คิดถึงตอนที่เหยาซื่อได้รับตำแหน่งฮูหยินขั้นหนึ่ง บ่าวรับใช้ผู้นี้รู้สึกว่ามันน่าจะเป็นของท่านฮูหยินผู้เฒ่า”
ฮูหยินผู้เฒ่าก็รู้สึกผิดในเรื่องนี้ “อืม อาเฮงยังรู้จักขอตำแหน่งให้มารดาของนางเอง อย่างไรก็ตามบุตรชายของข้าไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้นเลย ! ” เมื่อเอ่ยถึงสิ่งนี้การแสดงออกของฮูหยินผู้เฒ่าก็ทรุดลง
ยายจาวแก้ต่างอย่างรวดเร็ว “มันเป็นความผิดของบ่าวรับใช้ผู้นี้ที่ไม่ระวังคำพูด ท่านฮูหยินผู้เฒ่าอย่าถือสาเลยเจ้าค่ะ ท่านใต้เท้าเป็นเสนาบดี ดังนั้นเขาจึงต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับขุนนางคนอื่น ๆ หากเขาเป็นเหมือนคนอื่น ๆ และจ้องหาผลประโยชน์เข้าตัวเอง มันจะไม่เป็นผลดีนะเจ้าคะ ! ”
ฮูหยินผู้เฒ่าก็คิดถึงเหตุผลนี้เช่นกัน และสีหน้าของนางก็ดีขึ้นเล็กน้อย
ยายจาวแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนหน้านี้มันอันตรายเกินไป ถ้าฮูหยินผู้เฒ่าโกรธเฟิงจินหยวนเพราะสิ่งที่นางพูดไป ความผิดของนางก็จะยิ่งมากขึ้น นางเริ่มขยับมือของนางเร็วขึ้นและแปรงผมของฮูหยินผู้เฒ่าอีกครั้งแล้วพูดว่า “ทุกอย่างพร้อมแล้ว ท่านฮูหยินผู้เฒ่ารีบไปที่ลานหน้าบ้านเถิดเจ้าค่ะ ! ”
ฮูหยินผู้เฒ่านำบ่าวรับใช้ของนางไปที่ลานหน้าบ้าน คนจากเรือนอื่น ๆ ก็เริ่มมุ่งหน้าไปที่ลานหน้าบ้าน เฟิงหยูเฮงซึ่งกำลังเดินกลับไปที่เรือนตงเซิงก็เดินกลับมาที่ลานหน้าบ้าน เรื่องที่กับฮูหยินผู้เฒ่าได้รับการแต่งตั้งเป็นฮูหยินขั้นหนึ่งนั้น นางไม่รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่เกินความคาดหมายของนาง
เฟิงจินหยวนเป็นเสนาบดีอยู่แล้ว ดังนั้นการได้รับตำแหน่งฮูหยินขั้นหนึ่งจึงเป็นเรื่องของเวลา ยิ่งกว่านั้นตำแหน่งฮูหยินขั้นหนึ่งเป็นเพียงรางวัลสำหรับครอบครัวของขุนนาง มันไม่มีจุดประสงค์ที่แท้จริง
แต่หวงซวนให้การวิเคราะห์บางอย่างโดยกล่าวว่า “เช่นนี้ท่านฮูหยินผู้เฒ่าจะได้ไม่เสียหน้าต่อหน้าองค์หญิงคังอี้มากเกินไปใช่ไหมเจ้าค่ะ”
เฟิงหยูเฮงหัวเราะ “หากสิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นไปด้วยดี นางจะเสียหน้าต่อหน้าข้า”
“หืม?” หวงซวนรู้สึกสับสน “ฝ่าบาททรงคิดถึงคุณหนูเสมอ พระองค์จะอนุญาตท่านฮูหยินผู้เฒ่าทำอะไรข้ามหน้าข้ามตาคุณหนูได้อย่างไรเจ้าค่ะ ? ”
“เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าฮ่องเต้กำลังคิดอะไรอยู่ ? ” เฟิงหยูเฮงยกมุมปากของนางและพูดอย่างชั่วร้าย “บางทีมีคนพยายามประจบประแจง และทำดีที่สุดเพื่อประจบท่านย่า ! ”
“คุณหนูจะบอกว่าเป็นองค์หญิงคังอี้หรือเจ้าคะ ? ”
“รอดู ! “
ทั้งสองคุยกันจนกระทั่งพวกเขามาถึงลานหน้าบ้าน คนจากเรือนอื่น ๆ ก็รีบเร่งเช่นกัน หลังจากที่ทุกคนมารวมตัวกันแล้ว เฮ่อจงบอกขันที ขันทีจึงเปล่งเสียงของเขาและพูดเสียงดังว่า “ท่านฮูหยินผู้เฒ่าแห่งคฤหาสน์เฟิง หลี่ชิ มารับพระราชโองการ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วจากนั้นก็คุกเข่า พูดเสียงดัง “หญิงชราผู้ต่ำต้อยคนนี้รับพระราชโองการเจ้าค่ะ”
หลังจากที่นางคุกเข่า ทุกคนในตระกูลเฟิงก็คุกเข่าลงพร้อมกัน ขันทีก็เปิดพระราชโองการไว้ในมือของเขาและประกาศเสียงดังว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าแห่งคฤหาสน์เฟิง หลี่ชิเป็นผู้มีคุณธรรมและมีน้ำใจ ในครั้งนี้เจ้าได้รับพระราชทานตำแหน่งฮูหยินขั้นหนึ่งและได้รับชุดราชสำนัก ประกาศมาให้ทราบทั่วกัน ! ”
รอยยิ้มของฮูหยินผู้เฒ่าเบ่งบานเหมือนดอกไม้ในขณะที่นางตอบด้วยเสียงดังทันที “หญิงชราผู้ต่ำต้อยคนนี้รับพระราชโองการและขอบพระทัยสำหรับพระเมตตาขององค์ฮ่องเต้ ขอพระองค์ทรงพระเจริญ” จากนั้นนางยกมือทั้งสองขึ้นเหนือหัวและรับพระราชโองการไว้ในมือ บ่าวรับใช้ที่อยู่ด้านข้างก็ออกมาข้างหน้าและถือชุดราชสำนักกลับ
ยายจาวช่วยพยุงฮูหยินผู้เฒ่าลุกขึ้นมาจากนั้นมอบถุงเงินเล็ก ๆ ให้กับขันทีที่นำพระราชโองการมา ขันทีก็โยนถุงเงินเล็กน้อยจากนั้นก็พูดด้วยความพึงพอใจ “ขอแสดงความยินดีกับท่านฮูหยินผู้เฒ่าเฟิง ท่านฮูหยินผู้เฒ่ามีคำข้อซักถามเพิ่มเติมหรือไม่ หากไม่มีเราก็จะกลับพระราชวัง”
ฮูหยินผู้เฒ่าพูดอย่างรวดเร็วว่า “เราทำให้ท่านต้องลำบาก เชิญท่านเข้าไปเดิมชาก่อน”
“อ่า ! ไม่เป็นไร ! เราจะต้องกลับแล้ว ! ” ขันทีไม่ได้อยู่ต่อ หลังจากประกาศพระราชโองการและรับรางวัล เขาก็จากไปอย่างรวดเร็ว
เฟิงหยูเฮงมองพระราชโองการของฮ่องเต้ในมือของฮูหยินผู้เฒ่าและต้องการหัวเราะ นางเกือบจะนึกภาพออกว่าที่ฮ่องเต้จะต้องหงุดหงิดเมื่อส่งพระราชโองการนี้มา มันเป็นพระราชโองการง่าย ๆ ที่มีเพียงไม่กี่ตัวอักษร เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้ไม่ต้องการมอบตำแหน่งนี้
เมื่อพิจารณาถึงกรณีนี้ เฟิงจินหยวนไม่ได้ขอตำแหน่งให้กับมารดาของเขาหลังจากผ่านมาหลายปี นี่ก็เพียงพอแล้วสำหรับฮ่องเต้ที่จะเห็นว่าครอบครัวของเสนาบดีคนนี้ไม่คุ้มค่าที่จะเหลือบมอง เขาไม่ได้ทำมันเร็วหรือช้าเกินไป เขารอจนกระทั่งจะแต่งคังอี้เข้าคฤหาสน์จึงมอบตำแหน่งนี้ให้ แม้ว่านางจะคิดด้วยนิ้วหัวแม่เท้าของนาง นางก็ยังคิดออกว่าตำแหน่งนี้ได้มาอย่างไร
แน่นอนหลังจากขันทีออกไป แต่บ่าวรับใช้ในพระราชวังที่มาด้วยกันก็ไม่ได้จากไป หัวหน้าเดินหาฮูหยินผู้เฒ่าและโค้งคำนับ “บ่าวรับใช้ผู้นี้ขอคารวะท่านฮูหยินผู้เฒ่า ขอแสดงความยินดีกับท่านที่ได้รับพระราชทานตำแหน่งฮูหยินขั้นหนึ่งเจ้าค่ะ”
เมื่อฮูหยินผู้เฒ่ามองดี ๆ สักพักก็จำนางได้ “เจ้าเป็นนางกำนัลจากเฉียนโจวใช่หรือไม่ ? ”
บ่าวรับใช้กล่าวว่า “เจ้าค่ะ ท่านฮูหยินผู้เฒ่าจำได้ด้วยหรือเจ้าค่ะ” ในขณะที่พูดสิ่งนี้ ความเป็นมิตรทำให้นางต้องประหลาดใจ “ข้าสงสัยว่าท่านฮูหยินผู้เฒ่าพึงพอใจกับของขวัญชิ้นใหญ่นี้ที่องค์หญิงใหญ่ของเราส่งมาหรือไม่เจ้าคะ ? ”
ฮูหยินผู้เฒ่าตกใจ “ของขวัญชิ้นใหญ่อะไรหรือ ? ”
บ่าวรับใช้ยิ้ม และพูดว่า “พระราชโองการของฮ่องเต้ ! องค์หญิงของเราบอกว่าท่านฮูหยินผู้เฒ่าเป็นผู้นำของครอบครัว ดังนั้นท่านควรมีสถานะสูงสุด นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมองค์หญิงใหญ่ถึงไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ต้าชุนเป็นการส่วนตัว และขอตำแหน่งนี้ให้แก่ท่านฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าค่ะ“
ฮูหยินผู้เฒ่าตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ ตำแหน่งนี้ได้มาจากการร้องขอของคังอี้ ? คิดอีกเล็กน้อยว่าเป็นกรณีนี้ ถ้าเฟิงจินหยวนไปขอมันแน่นอนเขาจะบอกนางล่วงหน้า พระราชโองการนี้มาถึงทันที ก่อนหน้านี้นางมีแต่ความรู้สึกที่มีความสุขเท่านั้น ตอนนี้นางเริ่มรู้สึกว่าสิ่งต่าง ๆ เริ่มแปลกมากขึ้น
บ่าวรับใช้เห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่าเงียบไปนาน ดังนั้นนางจึงพูดอย่างรวดเร็วว่า “องค์หญิงใหญ่ของเราบอกว่าเพราะเรื่องระหว่างองค์หญิงกับใต้เท้าเฟิงเกิดขึ้นกะทันหัน และเฉียนโจวอยู่ไกลจากราชวงศ์ต้าชุนมาก เพื่อเตรียมสินสอดทองหมั้น ดังนั้นองค์หญิงใหญ่จึงคิดว่าพระองค์จะทำอะไรให้ท่านฮูหยินผู้เฒ่าได้ นอกจากนี้องค์หญิงรุ่ยเจียของเรายังมีบางสิ่งที่ต้องการมอบให้ท่านเจ้าค่ะ ! ”
เมื่อพูดอย่างนี้นางโบกมือ และนางกำนัล 2 คนก็ออกมาทันทีพร้อมด้วยกล่องไม้ 2 กล่อง กล่องหนักมาก และนางกำนัลถือไม่ไหว พวกเขาต้องเอาร่างกายเข้าช่วย
“นี่เป็นผ้าไหมตำหนักจันทรา 2 พับที่ฮ่องเต้มอบให้องค์หญิงรุ่ยเจียวันขึ้นปีใหม่ องค์หญิงบอกว่าพระองค์รู้สึกสนิทสนมกับท่านฮูหยินผู้เฒ่าตั้งแต่วินาทีแรกที่องค์หญิงเห็นท่าน ในวันที่องค์หญิงอาศัยอยู่ในคฤหาสน์นี้ องค์หญิงรู้สึกดีมากขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่าท่านเป็นยายขององค์หญิง ตอนนี้ความปรารถนาขององค์หญิงเป็นจริงแล้ว องค์หญิงพูดว่าสิ่งนี้ได้รับการพิจารณาว่าเป็นของขวัญแห่งการอวยพรให้กับท่านฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าค่ะ ! ”
สิ่งนี้ทำให้ฮูหยินผ้เฒ่าเริ่มยิ้มอย่างแท้จริง นางไม่เพียงได้รับตำแหน่งฮูหยินขั้นหนึ่งและชุดราชสำนักเท่านั้น แต่ตอนนี้นางได้รับผ้าไหมตำหนักจันทรา 2 ผืน นี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงอย่างแท้จริง
ดวงตาที่มองไปที่กล่องไม้ 2 กล่องกำลังส่องแสงในขณะที่นางพูดซ้ำ ๆ ว่า “องค์หญิงทั้งสองสุภาพเกินไป”
บ่าวรับใช้ก็พูดเก่ง “อีกไม่นานองค์หญิงทั้งสองจะเป็นครอบครัวเดียวกัน องค์หญิงปรารถนาที่จะทำพิธีอันยิ่งใหญ่และมอบของกำนัลให้ท่านผู้หญิงอาวุโส” นางสั่งให้ผ้าไหมตำหนักจันทรา 2 พับมอบให้กับฮูหยินผู้เฒ่าแล้วกล่าวว่า “พวกเราต้องกลับไปรายงานตัวกับองค์หญิงใหญ่ก่อน เราขอตัวกลับพระราชวังก่อนเจ้าค่ะ ท่านฮูหยินผู้เฒ่าต้องดูแลตัวเองด้วยนะเจ้าค่ะ องค์หญิงใหญ่กล่าวว่าหลังจากที่องค์หญิงแต่งงานกับตระกูลเฟิง องค์หญิงจะดูแลท่านฮูหยินผู้เฒ่าทุกวันอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”
คำพูดของนางกำนัลนั้นอ่อนหวานจนทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ความเป็นปรปักษ์ที่นางมีต่อคังอี้นั้นถูกกำจัดไปอย่างสิ้นเชิง นางได้ลดความระมัดระวังและหันมาคาดหวังอย่างเต็มที่
เมื่อนางกำนัลจากเฉียนโจวจากไป คนที่เหลืออยู่ในลานเป็นคนในตระกูลเฟิง เมื่อเห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่ากำลังมีความสุข เฟิงเฉินหยูก็คิดอย่างรวดเร็วและก้าวไปข้างหน้าคุกเข่าลงบนพื้นแล้วพูดว่า “หลานแสดงความยินดีกับท่านย่าที่ได้รับพระราชทานตำแหน่งฮูหยินขั้นหนึ่ง ! ”
ในเมื่องนางทำสิ่งนี้ลงไป แล้วทุกคนจะมัวแต่ดูต่อไปได้อย่างไร อันชิผลักเฟิงเซียงหรูลงไปคุกเข่าอยู่ข้างหลังเฟิงเฉินหยูอย่างรวดเร็ว
เฟิงหยูเฮงและเฟิงเฟินไดคุกเข่าในภายหลัง แต่พวกเขาก็ถือได้ว่าเป็นไปตามลำดับเหตุการณ์ หลังจากนี้มันเป็นอนุที่คุกเข่ารวมถึงฮันชิที่ยังตั้งท้อง แต่ฮูหยินผู้เฒ่าก็ไม่รีบที่จะยืน
แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ตระกูลเฟิงคุกเข่าให้นาง แต่คราวนี้ก็แตกต่างกัน นางเป็นขุนนางที่มีอันดับ จากช่วงเวลานี้ต่อไปนับจากนี้ นางไม่จำเป็นต้องอิจฉาผู้หญิงในครอบครัวอื่นอีกต่อไป และนางก็ไม่จำเป็นที่จะหลีกเลี่ยงงานเลี้ยงที่ต้องอับอายเพราะไม่มีตำแหน่ง
ด้วยความคิดที่ไร้สาระเช่นนี้นางปล่อยให้ทุกคนคุกเข่าในช่วงเวลาหนึ่ง จากนั้นนางก็พูดว่า ”เอาล่ะทุกคนลุกขึ้นยืนได้แล้ว มันเป็นเพียงตำแหน่งของผู้หญิงผู้สูงศักดิ์ ไม่จำเป็นต้องคุกเข่าเช่นนี้” คำพูดนี้ชัดเจนว่าไม่ตรงกับสิ่งที่นางรู้สึก แม้แต่คนโง่ก็สามารถเห็นได้ว่าทุกคนยิ้ม
หลังจากเฟิงเฉินหยูยืนขึ้น นางก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวแล้วพูดพร้อมกับยิ้มว่า “ในอนาคตท่านย่าจะเป็นคุณนายผู้สูงศักดิ์ เมื่อใดก็ตามที่ท่านย่าเข้าไปในพระราชวัง ท่านยายจะต้องสวมชุดราชสำนัก ช่างน่าเชื่อถือจริง ๆ! ข้าไม่เคยคิดเลยว่าองค์หญิงใหญ่จะต้องลงทุนอย่างนั้น ตอนนี้ท่านย่าเป็นขุนนางถึงแม้ว่านางจะเป็นองค์หญิงของเฉียนโจว เฉียนโจวก็ยังคงเป็นเพียงรัฐบริวาร การเปรียบเทียบแบบนี้อันดับของนางจะต่ำกว่าท่านย่า” หลังจากพูดอย่างนี้นางลดเสียงของนางลง และพูดออกมาในระดับที่นางและฮูหยินผู้เฒ่าได้ยิน “ท่านย่าเป็นฮูหยินขั้นหนึ่ง และน้องรองคือองค์หญิงขั้นสองของมณฑล องค์หญิงใหญ่ได้ทุ่มเทอย่างมากเจ้าค่ะ ! ”
ดวงตาของฮูหยินผู้เฒ่าสว่างขึ้น ถูกต้อง! นางมักอิจฉาสถานะของเฟิงหยูเฮงในฐานะองค์หญิงแห่งมณฑล ตอนนี้นางมีตำแหน่งฮูหยินขั้นหนึ่ง นางก้าวข้ามหัวเฟิงหยูเฮง !
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้รอยยิ้มของฮูหยินผู้เฒ่าก็กว้างขึ้น
เฟิงหยูเฮงยืนอยู่ข้าง ๆ แม้ว่านางจะไม่ได้ยินสิ่งที่เฟิงเฉินหยูพูด แต่นางก็สามารถเห็นการเคลื่อนไหวของริมฝีปากได้อย่างชัดเจน และนางก็สามารถเข้าใจเนื้อหาของสิ่งที่เฟิงเฉินหยูพูด นางอดไม่ได้ที่จะยิ้มให้กับตัวเอง ฮูหยินขั้นหนึ่งต้องการที่จะปราบปรามองค์หญิงแห่งมณฑลที่ได้รับพระราชทานที่ดิน ครอบครัวนี้คิดอะไรกันแน่ ?