ตอนที่ 1726 ตบหน้า (3) / ตอนที่ 1727 ตบหน้า (4)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 1726 ตบหน้า (3)

จวินหลิงเอ๋อร์ก็ได้ยินข่าวลือนี้มาเหมือนกันและนางก็บอกเรื่องนี้กับเยี่ยฉีแล้ว แต่ว่าตอนนั้นเยี่ยฉีก็ไม่ได้สนใจเพราะอีกไม่กี่วันตระกูลจวินกำลังจะจัดงานเลี้ยงขึ้นและตอนนั้นความจริงก็จะถูกเปิดเผยเอง

ใครจะรู้ว่าในเวลาแบบนี้จะมีใครบางคนจากตระกูลเว่ยกล้าพูดเรื่องนี้มาเพื่อทำให้เยี่ยฉีอับอาย นี่จึงเป็นเหตุผลที่เยี่ยฉีอยากจะฉีกนางออกเป็นชิ้นๆ

เว่ยเย่ว์ทรุดตัวลงไปคุกเข่าที่พื้นจนเกิดเสียงดัง ร่างเล็กและบอบบางของนางก็สั่นไม่หยุด

“คุณหนูหลิงเอ๋อร์เจ้าคะ นั่นเป็นเพราะว่าช่วงนี้ข้าได้ยินข่าวลือพวกนี้แล้วกลัวว่าท่านจะถูกหลอกดังนั้นข้าจึงต้องการจะเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของสตรีผู้นี้เจ้าค่ะ ท่านต้องไม่โดนใบหน้าใสซื่อของนางหลอกนะเจ้าค่ะ”

จวินหลิงเอ๋อร์ชี้หน้าเว่ยเย่ว์ด้วยความโกรธขณะที่ริมฝีปากของนางสั่นที่แสดงให้เห็นว่านางกำลังโกรธจัด “เจ้ากำลังพูดอะไรไร้สาระ ฉีฉีเป็น…”

ก่อนที่นางจะพูดจบประโยค ก็มีน้ำเสียงอ่อนโยนดังขึ้นมาขัดนางไว้เสียก่อน

“หลิงเอ๋อร์เกิดอะไรขึ้น” จวินเซวี่ยนเดินยิ้มบางๆ เข้ามาหาบุตรสาวของเขาช้าๆ

“ท่านพ่อเจ้าคะ!” จวินหลิงเอ๋อร์หันไปหาจวินเซวี่ยนด้วยใบหน้าที่พองเพราะความโกรธ “ตระกูลเว่ยพูดจาให้ร้ายฉีฉีเจ้าค่ะ”

ด้วยอำนาจของตระกูลจวิน ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะสืบหาต้นตอของข่าวลือ แต่ว่าตอนนั้นทุกคนในตระกูลจวินต่างกำลังเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงเปิดตัวดังนั้นพวกเขาจึงวางเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้ววางแผนจะแก้แค้นตระกูลเว่ยทีหลัง!

เว่ยเย่ว์รีบคลานเข่าเข้าไปหาจวินเซวี่ยนแล้วก้มคำนับอย่างแรง “ท่านผู้นำตระกูล ได้โปรดให้อภัยข้าน้อยด้วยเจ้าค่ะ เพราะว่าได้ยินข่าวลือมา ข้าน้อยก็เลย…”

“ข่าวลือ?” ดวงตาของจวินเซวี่ยนขยับขณะที่เอ่ยปากถามพร้อมรอยยิ้ม “เจ้าบอกข้ามาสิว่าข่าวลืออะไร”

จวินหลิงเอ๋อร์กลอกตา บิดาของนางรู้เรื่องข่าวลือดีอยู่แล้ว การที่เขาไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องไม่จำเป็นหรอกหรือ

“เรื่อง…เรื่องเกี่ยวกับเยี่ยฉีเจ้าค่ะ…” ใบหน้าของเว่ยเย่ว์ซีดเผือด

จวินเซวี่ยนอาจจะมีรอยยิ้มที่อ่อนโยนแต่กลิ่นที่เขาแผ่ออกกลับแช่แข็งนางเอาไว้

“ชื่อเสียงของเยี่ยฉีแย่มากและนางก็มีชู้รักมากมายอยู่ข้างนอกเจ้าค่ะ ชู้รักพวกนั้นพยายามจะบุกเข้ามาด้วย ข้ายังได้ยินมาอีกว่านางเข้ามาที่ตระกูลเพราะมีเจตนาแอบแฝงเจ้าค่ะ”

จวินเซวี่ยนยิ้มแต่เขาก็ไม่พูดอะไรและหันไปมองจวินหลิงเอ๋อร์ จวินเฟิ่งหลิงและเยี่ยฉี “นี่ก็สายแล้ว งานเลี้ยงใกล้จะเริ่มแล้ว ท่านตากำลังรอเจ้าอยู่ที่ห้องจัดงานและเขาก็มีบางอย่างที่ตั้งใจจะประกาศทีหลัง”

ขณะที่เขาพูดอย่างนั้น จวินเซวี่ยนก็ขยิบตาให้จวินเฟิ่งหลิงด้วยดวงตาที่เป็นประกายเย้ยหยัน

เขาอยากเห็นสีหน้าของคนที่ปล่อยข่าวลือจริงๆ ว่าจะมองหน้าน้องสาวของเขาอย่างไรหลังจากที่ได้ยินเรื่องที่ตาแก่ประกาศ…

“คุณหนู” เว่ยเย่ว์พยายามยืนขึ้นจากพื้นแล้วหันไปหาเว่ยหลิงด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ

เว่ยหลิงเงียบไปชั่วครู่ “พวกเราเองก็เข้าไปกันเถอะ”

ถึงอย่างไรวันนี้เป็นวันเฉลิมฉลองของตระกูลจวิน ดังนั้นก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่าเหตุใดจวินเซวี่ยนถึงไม่ได้เตะจวินเฟิ่งหลิงและบุตรสาวของนางออกไป เขาทำแบบนี้เพื่อรักษาหน้าของจวินหลิงเอ๋อร์ หลังจากที่งานเลี้ยงจบแล้ว วันของจวินเฟิ่งหลิงและบุตรสาวก็คงไม่ได้เป็นไปด้วยดี …

สุดท้ายพิธีเปิดตัวก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากงานเลี้ยงทั่วไป วัตถุประสงค์ของงานนี้ก็คือการแนะนำจวินเฟิ่งหลิงให้โลกได้รับรู้ภายในงานเลี้ยงครั้งนี้และเพิ่มชื่อนางในแผนผังตระกูลดังนั้นจึงถูกเรียกว่าพิธีการ

ความขัดแย้งด้านนอกก็ไปถึงหูของจวินหลิงเทียนและใบหน้าสูงวัยของเขาก็เปลี่ยนเย็นชาทันที เขาหัวเราะเบาๆ อย่างเย็นชาก่อนจะพูดขึ้น “ดูเหมือนว่างานเลี้ยงนี้จะมีชะตากรรมที่ไม่สงบสุขเสียแล้ว!”

เมื่อได้ยินคำพูดของจวินหลิงเทียน นิ้วของอวิ๋นเวียวที่กำลังปอกเปลือกองุ่นให้อวิ๋นลั่วเฟิงก็หยุดมือ แต่เขาก็รีบปลออกเปลือกออกอย่างชำนาญแล้ววางองุ่นใสและเป็นประกายใส่ปากของอวิ๋นลั่วเฟิง

…………………………

ตอนที่ 1727 ตบหน้า (4)

สมาชิกของตระกูลเยี่ยและตระกูลอวิ๋นนั่งลงหมดแล้วและแขกคนอื่นๆ ก็เข้ามาในห้องโถงจัดงานเรียบร้อยแล้ว อีกอย่างที่นั่งที่สงวนไว้ให้เจ้าเมืองแต่ละเมืองก็เต็มหมดแล้ว

“เจ้าเมืองประจิมมาถึงแล้ว!”

“เจ้าเมืองทักษิณมาถึงแล้ว!”

“เจ้าเมืองเมืองหลวงมาถึงแล้ว!”

“เจ้าเมืองบูรพามาถึงแล้ว!”

“เจ้าเมืองอุดรมาถึงแล้ว!”

เจ้าเมืองของแต่ละเมืองก็ถูกประกาศการเข้างานทีละเมือง

สายตาของทุกคนก็พุ่งไปที่ประตูทันทีด้วยความตื่นเต้น

การที่ได้เห็นเจ้าเมืองมากขนาดนี้ในวันเดียวเป็นสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นมาหลายร้อยปีแล้ว วันนี้พวกเขาได้เปิดประสบการณ์แล้ว

“ฮะๆ ยินดีกับอดีตผู้นำตระกูลจวินด้วยที่หาบุตรสาวสุดที่รักเจอ!”

ชายวัยกลางคนหลายคนเดินเข้ามาในห้องโถงและทุกคนต่างก็มีรอยยิ้มบนใบหน้ายกเว้นเจ้ามืองอุดรที่มีสีหน้าเย็นเยียบ

อวิ๋นลั่วเฟิงสังเกตเห็นหงหลวนที่เดินตามเจ้าเมืองบูรพามาติดๆ และไม่ได้สนใจคนอื่นอีก

หงหลวนเองก็รับรู้ได้ถึงสายตาของอวิ๋นลั่วเฟิงและขยิบตามาให้ รอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าของนาง

อาจจะเป็นเพราะพวกนางทั้งคู่ไม่เคยคิดว่าการต่อสู้ในครั้งนั้นจะทำให้พวกนางได้ทำความรู้จักกันและกลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน

“ตาแก่มู่ เจ้าเองก็มาเหมือนกันงั้นหรือ” จวินหลิงเทียนหัวเราะเสียงดังเมื่อเขาเห็นมู่ต้งเดินตามหลังพวกเขาเข้ามา

มู่ต้งยิ้ม “งานเฉลิงฉลองในวันนี้จัดเพื่อตระกูลจวินแล้วข้าจะไม่มาได้อย่างไร”

“พวกบ่าว พาทุกคนไปนั่งสิ” จวินหลิงเทียกำลังร่างเริงและมีสีหน้าอิ่มเอิบ ท่าทางไม่พอใจในตอนแรกของเขาหายไปแล้ว

“นอกจากนครสัตว์อสูรแล้ว เจ้าเมืองทุกเมืองก็มาที่นี่แล้ว” ใครบางคนพูดขึ้น

“นครสัตว์อสูรงั้นหรือ นครสัตว์อสูรไม่ได้ปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับมนุษย์อยู่แล้ว ดังนั้นไม่มีทางที่พวกเขาจะปรากฏตัว” อีกคนพูดขึ้นจากมั่นใจและส่ายหน้า

แต่ว่าทันทีที่เขาพูดจบ ก็มีเสียงมังกรคำรามดังมาจากไกลๆ และสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งท้องฟ้า

“เผ่ามังกรจากนครสัตว์อสูรมาแสดงความยินดีกับตระกูลจวินที่ตามหาบุตรสาวที่รักเจอ”

เผ่ามังกรจากนครสัตว์อสูรงั้นหรือ ทุกคนหน้าเปลี่ยนสี โดยเฉพาะคนจากเมืองอุดร

เผ่ามังกรคืออะไรงั้นหรือ พวกเขาได้แค่แข็งแกร่งแต่ยังหยิ่งทระนงมาก พวกเขาไม่คิดเลยว่าเผ่ามังกรจากนครสัตว์อสูรจะมาที่จวนตระกูลจวิน

ใบหน้าของเจ้าเมืองอุดรมืดครึ้มมากขึ้นช้าๆ เขายังพูดกับตัวเองในใจเพื่อเพิ่มความมั่นใจ “ต่อให้ตระกูลจวินมีเผ่ามังกรปกป้องแล้วอย่างไร ความแข็งแกร่งของเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ก็น่ากลัวเหมือนกัน พวกเขาไม่มีทางแพ้เผ่ามังกรแน่”

แต่ว่าก่อนที่ความคิดของเขาจะจบ เสียงที่ดังมากจนเกือบทำให้หูหนวกก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง

“ข้าไม่คิดเลยว่าเผ่ามังกรจะมาถึงก่อน ข้า ผู้อาวุโสของเผ่าวิหคเพลิงมาแสดงความยินดีกับตระกูลจวินตามคำสั่งของหัวหน้าเผ่า”

เผ่าวิหคเพลิงงั้นหรือ สวรรค์ แม้แต่เผ่าวิหคเพลิงจากนครสัตว์อสูรก็มาเหมือนกันหรือ…

ตกลงว่าตระกูลจวินมีพันธมิตรมากแค่ไหนกัน

สัตว์อสูรวิญญาณจากนครสัตว์อสูรแตกต่างจากคนอื่น คนอื่นมาแสดงความยินดีกับตระกูลจวินตามพิธีแต่นครสัตว์อสูรเป็นเมืองที่ซื่อตรงและไม่มีทางเดินทางมาไกลเพื่อเรื่องแค่นั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นเผ่ามังกรและเผ่าวิหคเพลิงที่มา

ทันใดนั้นร่างทั้งสองก็บินลงมาจากฟ้าแล้วเดินเข้าไปหาอวิ๋นลั่วเฟิงกับอวิ๋นเซียวอย่างรวดเร็ว หนึ่งในพวกเขาสวมชุดสีน้ำเงินที่ไม่มีแขนเสื้อและมีใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติขณะที่อีกร่างสวมชุดคลุมสีแดงที่ดูยั่วยวนมาก

“ข้าน้อย หลงซี จากเผ่ามังกรทำความเคารพนายท่านและนายหญิงขอรับ”

“ข้าน้อย เฟิ่งชี จากเผ่าวิหคเพลิงทำความเคารพนายท่านและนายหญิงขอรับ”

ทุกคนตะลึงจนพูดไม่ออกเหมือนโดนฟ้าผ่าขณะที่พวกเขาเห็นบุรุษทั้งสองคุกเข่าลงตรงหน้าอวิ๋นลั่วเฟิง

เจ้าเมืองอุดรตัวสั่นไปสองสามครั้งแต่ก็ต้องขอบคุณที่เขาหลิงซวงที่อยู่ข้างหลังที่พยุงไม่ให้เขาล้ม