เมี่ยวเอ๋อร์ก้มศีรษะลงแล้วตอบว่า “หลายวันนี้ ฝ่าบาททรงเสียพระทัยที่เว่ยอ๋องเสียลูกชาย วันนี้ก็ยังทอดถอนใจอย่างใจหาย เว่ยอ๋องกำลังปลอบขวัญ สองพระองค์พูดคุยกันอย่างอบอุ่น หม่อมฉันไม่กล้ารบกวน ก็เลยออกมาก่อน และหลายวันนี้ หม่อมฉันอยู่รับใช้พระที่นั่งหย่างซินเตี้ยน จนไม่ได้น้อมทักทายฮองเฮา หม่อมฉันจึงใช้โอกาสนี้มาขอโปรดให้อภัยหม่อมฉันเพคะ”
เจี่ยงฮองเฮาขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินว่าฝ่าบาทกับเว่ยอ๋องคุยกันแบบส่วนตัว และฟังออกว่าหญิงสาวตรงหน้าคล้ายอยากจะพูดบางอย่างเกี่ยวกับเว่ยอ๋องกับตน มาถึงที่ขนาดนี้ ก็คงเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ต่อตนเป็นแน่
นางยกแขนขึ้นและส่งสายตาอันเป็นสัญญาณให้บ่าวใช้ทุกคนออกไป
แม้จะเกลียดผู้หญิงตระกูลอวิ๋นมาก แต่ก็ไม่มีผลกระทบอันใดต่อการใช้พวกนางเป็นเครื่องมือในการกำจัดเว่ยอ๋อง
คืนนั้น เมื่อความมืดเข้ามาแทนที่ ทั้งทางเดินด้านนอกและด้านในพระที่นั่งหย่างซินเตี้ยน ต่างก็จุดไฟเพิ่มความสว่าง
เว่ยอ๋องรับใช้ฮ่องเต้เสวยพระกระยาหารและโอสถต้มเหมือนทุกวัน จากนั้นเหยาฝูโซ่วก็รายงานการเสด็จของเจี่ยงฮองเฮา
เขารู้สึกกลัว จึงถอยไปยืนข้างๆ
เมื่อเจี่ยงฮองเฮาเข้ามายังพระที่นั่ง นางนั่งลงบนเก้าอี้เดินโค้งพนักเท้าแขนอันวิจิตรที่อยู่ข้างเตียงไม้ และถามไถ่สุขภาพของฮ่องเต้จากเว่ยอ๋อง
เว่ยอ๋องรู้ดีว่าสายตาที่ทอดมานั้นไม่ใช่เรื่องดีแน่ เมื่อก่อนมีเสด็จแม่คอยกันให้ แต่วันนี้ไม่มีใคร เขารู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก เขาปาดเหงื่อที่หน้าผากออก แล้วนางก็ลุกขึ้นและหันไปทางฮ่องเต้ กล่าวว่า “เรื่องที่พระชายารองอวิ๋นแท้ง ฝ่าบาทอย่าทรงเสียพระทัยไปเลยนะเพคะ”
หนิงซีฮ่องเต้กลั้นความเสียพระทัยไม่ไหวเมื่อได้ยินนางเอ่ยถึง แต่ก็ตรัสออกไปว่า “ฟ้าสวรรค์กำหนดแล้ว จะทำอย่างไรได้”
เจี่ยงฮองเฮาตรัสเสียงเบา “ฝ่าบาท เกรงว่าไม่ใช่ฟ้าสวรรค์กำหนด แต่เป็นฝีมือของคนเพคะ”
เว่ยอ๋องหน้าซีดทันที ส่วนฮ่องเต้ก็ตกใจไม่น้อย “ฝีมือคน”
เจี่ยงฮองเฮาตรัสต่อ “ได้ยินว่าก่อนพระชายารองอวิ๋นแท้ง มีนักร้องงิ้วชายในจวนเว่ยอ๋องหายตัวไป” นางเหลือบมองเว่ยอ๋อง “ด้วยเหตุนี้ เว่ยอ๋องจึงสั่งให้คนทั้งจวนออกตามหา เหมือนว่าเคยสงสัยพระชายารองด้วย หาว่านางเป็นคนใส่ร้ายนักร้องงิ้วชายคนนั้น หลังจากนั้นไม่กี่วัน ศพของชายผู้นั้นก็ถูกพบที่สระน้ำในจวน เว่ยอ๋องเคยคุยเป็นการส่วนตัวกับพระชายารอง จากนั้นนางก็เดินออกมาพร้อมกับรอยข่วนตรงข้อมือ พอนางกลับเข้าเรือนไม่กี่ชั่วยามนางก็แท้งเลยเพคะ”
ในประโยค คำว่า ‘นักร้องงิ้วชาย’ ถูกพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ ราวกับมีนัยแฝง
ฮ่องเต้ตะลึง ในประโยคเหมือนไม่มีอะไร แต่ก็เหมือนจะชัดเจนทุกอย่าง
นักร้องงิ้วชายคนหนึ่งเท่านั้น เหตุใดเหลาอู่[1]ถึงต้องใช้คนทั้งจวนออกตามหา แล้วเหตุใดอวิ๋นหว่านถงถึงใส่ร้ายนักแสดงโดยไม่มีเหตุผล
นี่หมายความว่า——นักแสดงนั่นเป็นคนของเหลาอู่ อวิ๋นหว่านถงเกิดอิจฉา จึงทำร้ายนักร้องนั่น แล้วนางก็ถูกเหลาอู่ทำร้ายจนแท้งอย่างนั้นรึ
เรื่องที่เหลาอู่หาหนุ่มรูปงามเข้ามาอยู่ในจวน ก็พอได้ยินเรื่องนั้นอยู่บ้าง แต่มเหสีรองเหวยบอกว่าเหลาอู่ชอบดูการแสดง คนเหล่านั้นเป็นเพียงนักแสดงที่เรียกมาแสดงก็เท่านั้น และไม่เคยได้ยินว่าลูกชายคนนี้จะมีข่าวฉาวอะไร เขาเลยไม่ได้สนใจ ยิ่งเห็นเหลาอู่รับพระชายารองและนางกำนัลถวายตัวเข้ามา ก็ยิ่งไม่มีความสงสัย โดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นหว่านถงตั้งครรภ์ ก็ยิ่งรู้สึกว่าข่าวฉาวเหล่านั้นช่างน่าขำยิ่งนัก!
แต่มาวันนี้ หนิงซีฮ่องเต้หันไปถามเว่ยอ๋องอย่างเย็นชาราวกับทำสงครามเย็น “ใช่เรื่องจริงหรือไม่!”
เว่ยอ๋องหน้าซีดและคุกเข่าฟุบด้วยความหวาดกลัว “ไม่ ไม่จริงพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ”
เจี่ยงฮองเฮาปรบมือแปะๆ ชายหนุ่มสวมใส่ชุดชิงอี[2]คนหนึ่งเดินเข้ามายังพระที่นั่งและถอดหมวกออก เขากล่าวอย่างตัวสั่น “ถวายบังคมฝ่าบาท ฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ”
“นี่ใคร!” หนิงซีฮ่องเต้ถามออกไปด้วยเสียงสั่นเครือ ท่าทางคล้ายว่าเข้าใจบางอย่าง เมื่อทอดสายตาไปยังชายหนุ่มผิวพรรณนวลผ่อง รูปร่างผอมเพรียวตรงหน้า เวลาพูด มีเสน่ห์คล้ายอย่างกับผู้หญิง
เจี่ยงฮองเฮาส่งสายตาเย็นชาใส่ชายผู้นั้น “ยังไม่พูดอีก”
ชายหนุ่มตอบเสียงสั่น “หม่อมฉันชื่อหยางซิ่ว เป็นเถ้าแก่หอลั่วหยางชุน”
หอลั่วหยางชุน หนิงซีฮ่องเต้เคยได้ยินชื่อนี้ มันคือที่ที่เลี้ยงเสี่ยวกวน[3] ฮ่องเต้โกรธจนหน้าสั่น
ส่วนเว่ยอ๋องกลัวจนกัดฟันแน่น
“แล้วเย่หนานเฟิงเป็นใคร” เจี่ยงฮองเฮาถามต่อ
หยางซิ่วกล่าวต่อ “…เดิมทีเป็นหนุ่มอันดับหนึ่งของหอลั่วหยางชุน หลังจากนั้นก็ถูกคนจากจวนใช้เงินจำนวนมากไถ่ตัวไปอย่างลับๆ” พอพูดถึงตรงนี้ เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ จากนั้นชี้ไปยังเว่ยอ๋องและพูดว่า “ได้ยินว่าไถ่ตัวไปเพื่อเอาใจองค์ชายห้าพ่ะย่ะค่ะ”
สีหน้าของหนิงซีฮ่องเต้จากซีดขาวกลายเป็นม่วงดำ ทรงทอดสายตาอันกริ้วโกรธมองไปยังเว่ยอ๋อง
เจี่ยงฮองเฮาสั่งให้หยางซิ่วออกไป และกล่าวเสียงเบา “ ‘นักร้องงิ้ว’ ที่จมน้ำตายในจวน ก็คือเสี่ยวกวนอันดับหนึ่งของหอลั่วหยางชุน บัดนี้ ฝ่าบาททรงเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้วใช่ไหมเพคะ เว่ยอ๋องซุกซ่อนผู้ชายไว้ในจวน เสี่ยวกวนนั่นแก่งแย่ง หึงหวงกับพระชายารอง ผู้ซึ่งได้รับการแต่งตั้งพระยศอย่างเป็นทางการจากราชสำนัก อีกทั้งยังเป็นผู้ที่ได้มีการบันทึกไว้ที่แผนภูมิหยกประจำราชวงศ์ พระชายารองอวิ๋นจับตัวมาให้จมน้ำตาย เว่ยอ๋องเสียพระทัยเพราะสูญเสียคนรัก ด้วยความโกรธ จึงได้ทุบตีรัชทายาทในครรภ์ของพระชายารองจนถึงแก่ชีวิต แล้วยังโกหกฝ่าบาทว่าอวิ๋นซื่อแท้งเพราะหกล้ม” ฮองเฮาหันไปหาเว่ยอ๋อง “คิดไม่ถึงว่าเว่ยอ๋องจะจริงใจกับชายผู้นั้นได้ถึงเพียงนี้ ช่างน่าสะเทือนฟ้าสะท้านดินจริงๆ หลายปีมานี้ เว่ยอ๋องรับเข้ามาแล้วกี่คนล่ะ เว่ยอ๋องมีนิสัยชอบพอในผู้ชาย ฝ่าบาทคงมีวิธีจัดการแล้วใช่ไหมเพคะ”
องค์ชายที่ชอบผู้ชาย คิดอยากจะเป็นองค์รัชทายาท ฝันไปเถอะ
เรื่องของเย่หนานเฟิงคงแก้ตัวไม่ได้แล้ว เว่ยอ๋องคุกเข่าอยู่ตรงนั้น “เสด็จพ่อ มีแค่เย่หนานเฟิงคนเดียว! ไม่มีคนอื่นแล้วพ่ะย่ะค่ะ! ลูกทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ เที่ยวๆ เล่นๆ ก็เท่านั้น ลูกแก้นิสัยนี้ได้พ่ะย่ะค่ะ! เสด็จพ่อทรงทอดพระเนตรดูสิ ในจวนของลูกมีทั้งพระชายารองและนางกำนัลถวายตัว อวิ๋นหว่านถงเองก็เคยตั้งครรภ์ ต่อแต่นี้ไปลูกมีรัชทายาทมากมายให้กับตระกูลซย่าโหวได้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”
หนิงซีฮ่องเต้ถอนหายใจอยู่หลายครั้ง จนเมี่ยวเอ๋อร์ถึงกับรีบเข้าไปลูบที่หลังให้ นางยื่นน้ำชาร้อนๆ ไปให้ ส่วนนางเองก็ตกใจไม่ต่าง
เดิมทีนึกว่าอวิ๋นหว่านชิ่นแค่ต้องการทำให้ท้ายเรือนของจวนเว่ยอ๋องวุ่นวาย แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นการเปิดเผยเรื่องที่เว่ยอ๋องชอบในผู้ชาย
ถ้าหากเว่ยอ๋องมีนิสัยชอบผู้ชายตามนั้นจริง แม้ว่าจะเป็นที่ชื่นชอบก็ตาม แต่ก็คงถูกลบชื่อออกจากรายชื่อองค์รัชทายาทแน่
ผู้นำที่ไร้ซึ่งผู้สืบทอดหรือมีผู้สืบทอดน้อย ย่อมเป็นความผิดใหญ่เหนือสิ่งอื่นใด แล้วฮ่องเต้จะให้ลูกชายที่ไม่แตะเนื้อต้องตัวผู้หญิงมาสืบทอดดูแลบ้านเมืองได้อย่างไร
แต่ว่า การที่เว่ยอ๋องอธิบายว่าเป็นแค่เรื่องสนุกๆ ถือว่าเป็นการแก้ตัวที่ไม่เลว
มีนิสัยชอบผู้ชายกับเล่นสนุก ต่างกันลิบลับ!
การที่เขาพูดถึงอวิ๋นหว่านถงเคยตั้งครรภ์ ก็มั่นใจได้ว่าเขาสามารถมีรัชทายาทไว้สืบทอดได้จริง และคงไม่หลุ่มหลงในผู้ชายจนหัวปักหัวปำ ดูจากความรักที่หนิงซีฮ่องเต้มีต่อเขาแล้ว ไม่แน่ อาจจะปล่อยผ่านไปได้
แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง เมี่ยวเอ๋อร์สังเกตเห็นสีหน้าของหนิงซีฮ่องเต้ดูอ่อนโยนขึ้น ได้ยินเพียงเสียงฮึ่มและตรัสว่า “แน่ใจนะว่าแค่เรื่องสนุกเท่านั้น”
เว่ยอ๋องแทบจะสาบานต่อฟ้า “แน่ใจพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ! ตอนนั้นลูกรับเย่หนานเฟิงเข้ามา ลูกมองว่าเขาเป็นแค่นักแสดงคนหนึ่งเท่านั้น ลูกไม่รู้เลยว่าเป็นเสี่ยวกวน”
เจี่ยงฮองเฮาหัวเราะเบาๆ จากนั้นนางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างบอกไม่ถูก “ในเมื่อเว่ยอ๋องพูดถึงเรื่องพระชายารองตั้งครรภ์ หยุดพูดเรื่องที่เว่ยอ๋องชอบในผู้ชายไว้ก่อนก็ได้ มาคุยเรื่องตั้งครรภ์กันเสียหน่อยก็แล้วกัน มีคนอยู่ตรงนั้นไหม นำตัวหญิงสาวเหล่านั้นเข้ามาทุกคน!”
ขันทีประจำตำหนักเฟิงจ๋านำตัวหญิงสาวกลุ่มหนึ่งเข้ามายังพระที่นั่ง และยืนอยู่ด้านนอกผ้าม่าน
เหยาฝูโซ่วตกใจมาก มีหญิงสาวทั้งหมดหกคน อายุราวสิบแปดสิบเก้าจนถึงยี่สิบสี่ยี่สิบห้า ดูจากทรงผมแล้ว ล้วนแต่เป็นหญิงสาวออกเรือนแล้ว ดูจากเสื้อผ้าที่สวมใส่ น่าจะเป็นหญิงในครอบครัวที่ยากจน
[1] เหลาอู่ ในที่นี้หมายถึง เว่ยอ๋อง (เหลาอู่ ในภาษาจีนเขียนว่า 老五คำว่า 五 หมายถึงห้า ลำดับที่ห้า ซึ่งเว่ยอ๋อง เป็นองค์ชายห้าของฮ่องเต้)
[2] ชิงอี หมายถึง เสื้อผ้าที่คนทั่วไปสวมใส่
[3] เสี่ยวกวน หมายถึง คำเรียกในกลุ่มชายรักชาย