ภาค 3 ธาตุแท้ของวีรบุรุษ บทที่ 243 เดรัจฉานเฒ่า ลาก่อน!

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ชายชราผู้นี้ก็คือหัวหน้าค่ายชื่อหลิง เขาจ้องมองเยี่ยนจ้าวเกอราวจะขย้ำ มุมปากเผยรอยยิ้มเหี้ยมโหด

หัวหน้าค่ายชื่อหลิงเหยียบย่างอากาศ ยืนอยู่ด้านหน้าประตูลอยฟ้า ขวางหนทางกลับสู่โลกแปดพิภพของเยี่ยนจ้าวเกอกับอาหู่ไว้

ขณะนี้มิติต่างแดนสั่นไหวไม่หยุด ถึงขนาดที่เส้นแบ่งเขตฟ้าดินเริ่มบิดเบี้ยวเปลี่ยนรูป กลายเป็นทัศนียภาพวันสิ้นโลกที่แผ่นฟ้าพังผืนดินทลายฉากหนึ่ง

ฟ้าดินพังทลายอย่างแท้จริง ท้องฟ้าครอบปฐพีถล่มทลายลง เผยรอยรอยแตกของมิติสีดำหลายสาย แผ่นดินกว้างก็เป็นลักษณะเช่นเดียวกัน แตกกระจายไม่เป็นชิ้นเป็นอัน

ร่างเยี่ยนจ้าวเกอลอยตัวขึ้นสูง หลบหลีกแสงเพลิงสายหนึ่งที่พลิกม้วนมาทางตน มาทางประตูมิติ

ครั้นก้มศีรษะมองไป ประตูมิติถูกทะเลเพลิงผืนหนึ่งโอบล้อมไว้

หัวหน้าค่ายชื่อหลิงยิ้มเย็นพลางมองเยี่ยนจ้าวเกอ ถึงแม้ว่าตำแหน่งชัยภูมิของชายหนุ่มจะอยู่ด้านบน ทว่าประกายตาของอีกฝ่ายที่มองยังเขาบัดนี้ เปี่ยมไปด้วยแววของการเย้ยหยัน

ตอนนี้เขาไม่เร่งลงมือแล้วเช่นกัน เพียงครองบริเวณที่ประตูลอยฟ้าตั้งอยู่

เพราะหลินโจว มิติต่างแดนแห่งนี้จึงมีทางเข้าออกมากกว่าหนึ่ง และหัวหน้าค่ายชื่อหลิงก็เข้ามาจากทางเข้าที่หลินโจวเปิดไว้

ทว่าตอนนี้มิติต่างแดนกำลังจะถล่มทลายสูญสิ้น ไม่มีเวลาพอให้เยี่ยนจ้าวเกอได้เปลี่ยนความคิดแล้ว เขาหันกลับผ่านทั้งมิติต่างแดนอีกครั้ง ไปทางประตูอีกบานหนึ่งเพื่อออกจากมิติต่างแดน

หลักการเหมาะจะใช้กับหัวหน้าค่ายชื่อหลิงเช่นเดียวกัน

สำหรับทั้งสองฝ่ายแล้ว หากไม่ออกจากประตูบานตรงหน้านี้ ก็ต้องถูกฝังไปพร้อมกับมิติต่างแดนแห่งนี้ สูญสิ้นไปในความว่างเปล่าไปพร้อมกับมัน

หัวหน้าค่ายชื่อหลิงยิ้มเย็นพลางมองเยี่ยนจ้าวเกอ “ไอ้เด็กนอกคอก เจ้าตัดสินใจเสียว่าจะจบเห่ไปพร้อมกับมิติต่างแดนแห่งนี้ หรือจะตายด้วยหมัดข้า?”

เขาชูมือข้างหนึ่งขึ้น กำมือเป็นหมัดเหยียดออกไปข้างหน้า

ฉับพลันนั้นเพลิงคุโชนหาที่สิ้นสุดไม่ได้โหมซัดสาด แผ่กระจายออกไปโดยรอบทั้งสี่ทิศ ตามการขยับของกำปั้นนี้

เยี่ยนจ้าวเกอมองดูหัวหน้าค่ายชื่อหลิงที่ขวางประตูอยู่เบื้องล่าง บนดวงหน้าพลันเผยรอยยิ้มออกมา “เดรัจฉานเฒ่า เจ้าผิดแล้ว ตำแหน่งของเจ้าถือมั่นคงนัก”

มือข้างหนึ่งเยี่ยนจ้าวเกอคว้าอาหู่เอาไว้ มืออีกข้างหนึ่งพลันควักหยิบกระบองสั้นยาวราวหนึ่งฉื่อออกมาท่อนหนึ่ง

หัวหน้าค่ายชื่อหลิงเพ่งมองกระบองหินสั้นท่อนนั้น ในใจไหววูบฉับพลัน ผุดลางสังหรณ์ขึ้นมา

ชายหนุ่มยิ้ม จากนั้นก็กระพือปีกเซียนกระเรียน พุ่งพรวดไปทางหัวหน้าค่ายชื่อหลิง

กระบองสั้นในมือ ยามปะทะลมพลันขยายยาว กลายเป็นเสาหินขนาดมหึมาหนาหนักท่อนหนึ่งในชั่วพริบตา ตามความคิดสั่งของเยี่ยนจ้าวเกอ!

ขณะหัวหน้าค่ายชื่อหลิงตื่นตกใจ เยี่ยนจ้าวเกอย่างเหยียบไปบนเสาหิน จากนั้นเผ่นโผนทุบลงไป!

“เจ้าเด็กชั่วช้า!” หัวหน้าค่ายชื่อหลิงร้องตะโกนด้วยความเดือดดาลครั้งหนึ่ง ไม่ได้หลบหลีก ครั้นเขาหลีกถอย ก็เท่ากับเปิดทางสู่ประตูลอยฟ้าให้กับเยี่ยนจ้าวเกอ

ชายชรายืนอยู่กับที่ เรือนผมสีแดงปลิวไหวประหนึ่งเพลิงลุกโชน ฝ่ามือหนึ่งพุ่งออกไปเหนือศีรษะ ยันรองเสาหินใหญ่ยักษ์ที่ร่วงลงมาจากฟากฟ้าไว้

ทว่าเมื่อฝ่ามือเพิ่งจะสัมผัสถูกเสาหิน เขาก็รู้สึกถึงความหนักอึ้งในมือ แทบจะยันเอาไว้ไม่ได้

ร่างกายของเขาที่แต่เดิมยืนมั่นอยู่ในอากาศ ก็พลันยืนไม่อยู่ จมลงไปอย่างไม่อาจควบคุมเช่นกัน

“หนักขนาดนี้เชียวรึ?” หัวหน้าค่ายชื่อหลิงเบิกตาโพลง

พลังฝึกปรือของเขาสูงกว่าอาหู่ที่อยู่ในขั้นฝ่านภาระยะต้นมากนัก พลังก็แกร่งกว่ายิ่งเช่นกัน หากแต่ยังคงรู้สึกว่ามีแรงกดดันมหาศาล

ไม่ว่าจะน้ำหนัก หรือระดับความแข็งแรงของเสาหิน ล้วนเหนือความคาดหมายของเขาทั้งสิ้น

เดิมนึกว่าจะสามารถโจมตีเสาหินให้แหลกได้ด้วยฝ่ามือเดียว พร้อมอัดเยี่ยนจ้าวเกอกระเด็นออกไปด้วย ทว่าผลลัพธ์กลับเป็นเขาถูกเสาหินทับกดอยู่เบื้องล่าง

อีกทั้งเสาหินนั่นยังแฝงไว้ด้วยพลังปรามปราบอันพิเศษจำเพาะอีกด้วย ทำให้แม้เวลานี้หัวหน้าค่ายชื่อหลิงอยากจะหลีกออกไปด้านข้าง ก็ไม่อาจกระทำได้ดั่งใจอยากเช่นกัน

พื้นที่ว่างเปล่าเบื้องล่างเสาหิน ทั้งมิติและเวลาล้วนราวกับถูกพันธนาการไว้ทั้งสิ้น ควบแน่นกลายเป็นกลุ่มก้อนหนึ่ง ผนึกหัวหน้าค่ายชื่อหลิงไว้ก้นบึ้งอย่างแน่นหนา ทำได้เพียงดิ้นรนต้านทานเท่านั้น

‘ได้ยินว่าเจ้าเด็กนี่ขุดซากโบราณสถานขึ้นมาจากมหาทะเลทรายแดนตะวันตกบางส่วน หรือจะเป็นเสาหินต้นนี้?’ หัวหน้าค่ายชื่อหลิงนึกถึงคำเล่าลือน้อยนิดที่ได้ยินมาก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้ฉับพลัน ยิ่งรู้สึกเกลียดชังในใจอย่างอดไม่ได้ ‘ไอ้เด็กนอกคอกเจ้าเล่ห์!’

เขาเบิกตาโพลงพลางร้องตะโกนเสียงดัง ปราณดั้งเดิมในร่างขับเคลื่อน พลังอันแก่กล้าปะทุออกมา!

ร่างของหัวหน้าค่ายชื่อหลิงร่วงลงอยู่ในอากาศเพียงไม่ถึงหนึ่งหมี่ก็ตั้งหลักไว้ได้อีกครั้ง เท้าเหยียบย่างอากาศเปล่า ไม่ต่างไปจากการย่ำเหยียบบนพื้นดินที่แข็งแกร่งหนาแน่นที่สุด

หัวหน้าค่ายชื่อหลิงในชั่วขณะนี้ประหนึ่งยักษ์ค้ำยันสวรรค์ ประคองเสาหินที่ตกลงมาอย่างฉับไว ทำให้มันไม่อาจกดอัดเขาต่อไปได้อีก

หัวหน้าค่ายชื่อหลิงระบายลมและเริ่มส่งเสียง โจมตีอีกฝ่ามือหนึ่งไปทางด้านบน ระเบิดโครมไปบนเสาหิน พาให้ร่างกายเขาเริ่มลอยขึ้นอย่างแช่มช้าอีกครั้งอย่างคาดไม่ถึง!

ท่ามกลางเสียงหัวเราะหยัน หัวหน้าค่ายชื่อหลิงออกแรงแขนทั้งสอง ต้องการโยนเยี่ยนจ้าวเกอและเสาหินออกไปพร้อมกัน

ทว่าสีหน้าท่าทางเยี่ยนจ้าวเกอไม่แปรเปลี่ยน กลับจะอมยิ้มขึ้นมาเสียด้วยซ้ำ บัดนี้ชายหนุ่มยืนอยู่บนยอดเสาหิน ยกเท้าของตนข้างหนึ่งขึ้นไม่ช้าไม่เร็ว จากนั้นค่อยย่ำเท้าซ้ำๆ!

ริ้วลายสลักนูนบนพื้นผิวเสาหินส่องแสงสว่างขึ้นมาในทันใด ทั่วทั้งเสาหินประหนึ่งกลายเป็นลำแสงที่สาดประกายโชติช่วงออกมาต้นหนึ่ง

หัวหน้าค่ายชื่อหลิงที่อยู่เบื้องล่างพลันรู้สึกถึงแรงกดที่เพิ่มขึ้นมหาศาล ไม่เพียงน้ำหนักเสาหินที่เพิ่มมากขึ้น แม้แต่พลังปราบปรามพันธนาการอันพันลึกพันลือนั่น ก็เปลี่ยนเป็นแกร่งกล้าขึ้นมาฉับพลันเช่นกัน

เขาในยามนี้ ไม่ต้องเอ่ยว่าจะโยนเสาหินทิ้งไป กระทั่งยืนอยู่ในอากาศล้วนทำไม่ได้ ร่างกายถูกดันกดให้ร่วงลงด้านล่าง!

หัวหน้าค่ายชื่อหลิงมีความคิดต้องการจะปัดแรงกดให้หลุดพ้น จากนั้นตนก็เร่งความเร็วตกลงเพื่อสลัดเสาหินไป แล้วจึงเบี่ยงหลบไปด้านข้าง

เวลานี้เขาไม่มีเวลาจะเฝ้าป้องกันประตูลอยฟ้าแล้วเช่นกัน

ถึงกระนั้นเนื่องด้วยพลังปรามปราบพันธนาการเป็นเหตุ หัวหน้าค่ายชื่อหลิงจึงค้นพบด้วยความกลัดกลุ้ม ไม่เพียงโดยรอบทั้งสี่ด้านถูกพันธนาการหมดหนทางหลีกหนี กระทั่งอากาศเปล่าเบื้องล่างยังคล้ายกับแข็งตัวไปแล้วเช่นกัน

ทั้งตัวเขาราวกับถูกบรรจุอยู่ภายในภาชนะหนึ่งที่ไร้รูปร่าง มีปากทางเพียงด้านบนเท่านั้น

ทว่าตรงนั้นกลับมีฝาปิดอันหนักอึ้งทำให้เขายากจะเปิดออก พร้อมทั้งจมลงไปตลอดเวลา บีบอัดพื้นที่ว่างของเขาให้เล็กลงไปอีกขั้น

“นี่มันของบ้าอะไรกันนี่? ของล้ำค่าที่พิลึกพิลั่นเช่นนี้ นึกไม่ถึงว่าจะถูกหลอมกลายสภาพโดยจอมยุทธ์ระดับปรมาจารย์คนหนึ่ง” หัวหน้าค่ายชื่อหลิงเดือดพล่านเป็นฟืนเป็นไฟ ร่างถูกเสาทางเดินวังเทพปราบปรามบีบให้ร่วงลงไปเป็นทางยาว

คลื่นเพลิงที่โหมซัดกระหน่ำไล่หลังโดยรอบ ชั่วขณะนี้ดับลงไปจำนวนมากเช่นกัน ทยอยกระจายถอยออกไปทั้งสี่ทิศ

แน่นอนว่าหัวหน้าค่ายชื่อหลิงไร้พลังจะขัดขวางอยู่หน้าประตูลอยฟ้าอีกต่อไป

ประตูแสงปรากฏเบื้องหน้าเยี่ยนจ้าวเกออีกหน

เยี่ยนจ้าวเกอไม่พูดพร่ำทำเพลง โยนอาหู่เข้าไปในประตูแสงก่อนทันที

ยามนี้หัวหน้าค่ายชื่อหลิงที่อยู่เบื้องล่างส่งเสียงร้องเดือดดาลออกมาครั้งหนึ่ง

บนร่างเขาพลันมีเสื้อคลุมแสงสีดำตัวหนึ่ง ทว่าเปล่งแสงสุกใสปรากฏขึ้นขึ้นมา เป็นอาวุธวิญญาณระดับล่างชิ้นหนึ่ง

อาวุธวิญญาณติดมือของหัวหน้าค่ายชื่อหลิง พังเสียหายลงในระหว่างหลบหนีช่วงหลายปีที่ผ่านมาตั้งนานแล้ว อาวุธวิญญาณระดับล่างในตอนนี้ เป็นอาวุธที่เขาช่วงชิงมาจากมือของคนอื่น

ยามใช้ไม่คล่องมือ หากแต่ก็ยังดีเสียกว่าไม่มี

ด้วยแรงหนุนจากพลังอาวุธวิญญาณ หัวหน้าค่ายชื่อหลิงหยุดร่างกายตนเองไม่ให้ตกลงไปได้อีกครั้ง ทั้งสองฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อต่อกันชั่วขณะหนึ่ง

หัวหน้าค่ายชื่อหลิงรู้สึกได้รางเลือนว่า พลังปรามปราบของเสาหินกำลังอ่อนแอลง

เยี่ยนจ้าวเกอขับเคลื่อนเสาทางเดินวังเทพ แต่ก็ไม่ได้ผลาญพลังจนหมดสิ้น กระนั้นอย่างไรเวลาที่ใช้เสาหินนี้ก็ยังมีจำกัด

ชายชราคว้าโอกาสเอาไว้ ดวงหน้าแดงก่ำฉับพลัน ขับเคลื่อนวิชาต้องห้ามกระตุ้นร่างกายตนเอง พลังยกระดับขึ้นอีกขั้น ยันเสาหินขึ้นได้อย่างเหลือเชื่อ!

ทว่าหายนะของมิติเวลาต่างแดนแห่งนี้ ได้มาถึงจุดหัวเลี้ยวหัวต่อสุดท้ายแล้วเช่นกัน

รอยแยกฟ้าดินฉีกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยตลอดเวลา การดำรงอยู่ของสรรพสิ่งในมิติ ถูกความว่างเปล่าอันมืดมนจำนวนมากกลืนกิน

ท่ามกลางความสงัดเงียบ ผืนฟ้าพลันแตกระแหง มิติทลายออกเป็นสองฟาก!

หัวหน้าค่ายชื่อหลิงร้อนใจอย่างยิ่ง ถึงเวลาที่การสลายสิ้นของมิติต่างแดนได้ย่างกรายใกล้ตรงหน้าแล้ว หากไม่ปลีกตัว ก็ต้องถูกฝังอยู่ที่นี่

ความน่าประหวั่นพรั่นพรึงของมิติที่พังทลาย ก็คือเขาหมดแรงต่อต้าน จะถูกทำให้มลายสูญในชั่วพริบตาเช่นกัน

ทันใดนั้น เหนือศีรษะเขาพลันเบาหวิว เสาหินหดเล็กอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนกลับมาเป็นรูปร่างกระบองสั้นอีกครา คืนสู่มือของเยี่ยนจ้าวเกอ

หัวหน้าค่ายชื่อหลิงเงยหน้าทอดมองไป เห็นชยหนุ่มยืนอยู่บนขอบประตูแสง ชูมือมาทางเขาทำท่าทางพิสดารท่าหนึ่ง

เยี่ยนจ้าวเกอยื่นมือขวาออกมา นิ้วหัวแม่มือตั้งขึ้น นิ้วชี้เหยียดออกชี้ทางหัวหน้าค่ายชื่อหลิง นิ้วอื่นทั้งสามรวบไว้ คล้ายท่าลั่นไกก็ไม่ปาน “เดรัจฉานเฒ่า ลาก่อน”

เศษชิ้นส่วนดวงตาราชันสายฟ้าอันน่าหวาดหวั่น ฉายแสงอสนีบาดฟาดกระหน่ำมาจากเหนือศีรษะของเยี่ยนจ้าวเกอ!

——————————-