ภาคที่ 4 ตอนที่ 96 ใครบางคนออกมาแล้ว (2)

มรรคาสู่สวรรค์

ในที่สุดครั้งนี้นางก็นึกออก

ในเมืองเจาเกอเมื่อในอดีต นางได้เคยให้คนในตระกูลไปยังห้องเอกสารของกรมชิงเทียนเพื่อวาดภาพเหมือนภาพหนึ่งออกมา

“ที่แท้เป็นเจ้านี่เอง”

นางมองดูดวงตาที่ดูชั่วร้ายของมารหนุ่มผู้นั้น ในใจครุ่นคิดว่าใช่หมิงหวังที่ไหนกัน ควรจะสลับกันถึงจะถูก

เมื่อคิดถึงเรื่องในอดีต นางจึงเงยหน้าขึ้นมามองกู้ชิง รู้สึกไม่พอใจ

กู้ชิงใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม คิดในใจว่าอาจารย์ทำอะไรผิดอีก?

แต่ไหนแต่ไรมาเขาเป็นคนระมัดระวัง น้อยครั้งที่จะทำผิดพลาด

ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว ในตอนที่อาจารย์อาใช้สายตาเช่นนี้มองเขา ความจริงแล้วนางกำลังมองอาจารย์อยู่

เจ้าล่าเยวี่ยมิได้อธิบาย ในใจครุ่นคิดว่าตอนนั้นน่าจะขุดรากถอนโคนไปเสีย แต่เจ้าก็ไม่ฟัง

ทันใดนั้นเอง

เสียงกระบี่ที่ดังกังวานเสียงหนึ่งก็ดังออกมาจากยอดเขาเทียนกวง สะท้อนไปทั่วทั้งยอดเขาทั้งเก้า

ลูกศิษย์ที่จะเข้าร่วมงานชุมนุมแสวงมรรคาของสำนักจงโจว ในตอนนี้ควรจะไปเข้าร่วมการทดสอบกระบี่ยังยอดเขาเทียนกวง

เจ้าล่าเยวี่ยเหยียบกระบี่มิคำนึง ทะยานออกไป

กู้ชิงและหยวนฉวี่ตามหลังไปติดๆ

บนยอดเขากลับสู่ความเงียบ

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง แมวขาวเดินออกมาจากในถ้ำ กระดิ่งที่อยู่ตรงคอส่งเสียงดังกรุ๊งกริ๊ง

จักจั่นเหมันต์เกาะอยู่บนหัวของมัน ดวงตาหมุนวน จ้องมองดูกระดิ่งอันนั้นอย่างอยากรู้อยากเห็น

แมวขาวเดินมายังริมผา ทอดมองไปยังยอดเขาปี้หู สายตาค่อนข้างคร่ำเคร่ง

การทดสอบกระบี่กำลังจะเริ่ม ข่ายพลังชิงซานเปลี่ยนแปลงพลัง พายุสายฟ้าบนยอดเขาปี้หูหายไป

ไม้วิญญาณอัศนีที่อยู่บนยอดเขาปี้หูท่อนนั้นใกล้จะสมบูรณ์แล้ว มันคิดว่าตนเองควรจะกลับไปเฝ้าถึงจะถูก

ปัญหาอยู่ที่ว่าไม้วิญญาณอัศนีอีกสี่ห้าท่อนที่เหลือยังอยู่บนยอดเขาซั่งเต๋อ มันควรจะทำอย่างไร?

จิ๋งจิ่วทำไมเจ้ายังไม่กลับมาอีก?

……

……

งานทดสอบกระบี่ของชิงซานในวันนี้ยังคงจัดขึ้นที่ป่ากระบี่ที่อยู่ด้านล่างยอดเขาเทียนกวง เพียงแต่เป็นเพราะวันนี้มีเงื่อนไขเรื่องสภาวะ ดังนั้นศิษย์ที่เข้าร่วมการทดสอบกระบี่จึงมีจำนวนน้อยกว่าเดิมมาก

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เมฆหมอกในวันนี้ดูหนาเป็นพิเศษ ผู้อาวุโสของยอดเขาซื่อเยวี่ยพยายามอยู่หลายครั้งก็ยังกำจัดได้ไม่หมด

หนานว่างรู้สึกหงุดหงิด บอกว่าแล้วมันเกี่ยวอะไรกับการประลอง กล่าวเร่งเร้าฉือเยี่ยนอยู่หลายครั้ง

วันนี้บนยอดเขาชิงหรงจัดงานเลี้ยงดอกไม้แดง นางจะรีบกลับไปดื่มสุรา

ฉือเยี่ยนมองดูเมฆหมอก รู้สึกคล้ายวันนี้จะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น คิ้วขมวดเล็กน้อย ก่อนจะยกมือส่งสัญญาณให้เริ่มงานทดสอบกระบี่ได้

กระบี่บินแหวกเมฆหมอก เกิดเป็นเส้นแสงสวยงามจำนวนนับไม่ถ้วน บนเสาหินถูกฟันจนเป็นรอย เศษหินร่วงหล่นลงไปเบื้องล่าง

ผู้ที่เข้าร่วมการทดสอบล้วนแต่เป็นศิษย์ยอดเขาเหลี่ยงว่าง

การประลองยังคงดุเดือดและยอดเยี่ยม แต่ไม่ถือว่าอันตรายอะไร โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับงานทดสอบกระบี่ที่จิ๋งจิ่วเข้าร่วมในตอนนั้นแล้ว ครั้งนี้ดูค่อนข้างสงบกว่ามาก

ลำแสงกระบี่สีน้ำเงินที่เหมือนน้ำทะเลหดหายไปในเมฆ

ไอหมอกค่อยๆ กระจายตัว กั้วหนานซานและโหยวซือลั่วเดินออกมา สบตายิ้มให้กัน

กั้วหนานซานเป็นศิษย์คนแรกของเจ้าสำนัก แล้วก็เป็นศิษย์อันดับหนึ่งของยอดเขาเหลี่ยงว่าง ความสามารถสภาวะแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ย่อมสมควรเป็นผู้ชนะในท้ายที่สุด

จากนั้น สายตาทุกคู่ต่างก็มองไปยังหน้าผาที่อยู่ด้านท้ายสุด

ตรงนั้นคือตำแหน่งของยอดเขาเสินม่อ

เจ้าล่าเยวี่ยขี่กระบี่มาถึง

……

……

หมอกหนาปกคลุมป่าหิน บดบังทัศนวิสัย

เจ้าล่าเยวี่ยและกั้วหนานซานยืนอยู่บนเสาหินสองแท่งที่ห่างกันสิบกว่าลี้

นี่เป็นระยะที่ไกลที่สุดของขั้นคเนจร

ไม่มีใครรู้สึกว่าเจ้าล่าเยวี่ยรังแกศิษย์รุ่นหลัง ไม่ว่าจะเป็นอายุหรือระยะเวลาในการบำเพ็ญเพียร นางล้วนแต่ไม่อาจเทียบกั้วหนานซานได้

เพียงแต่ในตอนนั้นนางสืบทอดกระบี่ของยอดเขาเสินม่อ กลายเป็นศิษย์หลานของนักพรตจิ่งหยาง ถึงได้กลายเป็นอาจารย์

แต่กั้วหนานซานไม่กล้าดูถูกสาวน้อยผู้นี้ แล้วก็ยิ่งไม่อยากแพ้

อัจฉริยะทั้งหมดของโลกในเวลานี้จะเข้าร่วมงานชุมนุมแสวงมรรคาของสำนักจงโจว ยันต์เซียนที่สามารถเพิ่มอายุขัยได้ย่อมต้องเป็นเหตุผลสำคัญ แต่เหตุผลที่สำคัญกว่านั้นก็คือหากได้รับยันต์เซียนมา ก็จะได้สัมผัสกับพลังที่เซียนทิ้งเอาไว้ให้ สามารถเข้าใจหลักสัจธรรมที่อยู่เหนือขึ้นไป สำหรับการบำเพ็ญเพียรแล้ว นี่ถือว่ามีความหมายอย่างมาก

หมอกหนาบดบังสายตา ทำได้เพียงใช้จิตจำแนกในการสัมผัสตำแหน่งของอีกฝ่าย หลายๆ คนมองว่านี่เป็นประโยชน์ต่อกั้วหนานซาน

ถึงพรสวรรค์ของเจ้าล่าเยวี่ยจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ระยะเวลาในการบำเพ็ญเพียรของนางยังมิอาจเทียบกั้วหนานซานได้ พื้นที่ที่จิตจำแนกสามารถครอบคลุมได้ย่อมต้องมีจำกัด

สายลมพัดพาไอหมอก นางหลับตา ผมเผ้ายุ่งเหยิง

ทันใดนั้น นางพลันลืมตาขึ้นมา มองไปยังส่วนลึกในไอหมอก

ลำแสงกระบี่สีแดงสายหนึ่งพลันปรากฏขึ้นมา ย้อมเมฆหมอกจนกลายเป็นสีแดงฉาน

กระบี่มิคำนึงพุ่งออกไป

“หืม?”

หนานว่างพลันเงยศีรษะขึ้นมา

สำหรับนางแล้ว การประลองของสภาวะขั้นคเนจรนั้นไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่ในตอนที่เจ้าล่าเยวี่ยปล่อยกระบี่ออกไป นางพลันพบถึงปัญหาบางอย่าง

สีของกระบี่มิคำนึงเปลี่ยนไป

……

……

หมอกกระจายตัว

กระบี่มิคำนึงหยุดอยู่นิ่งๆ ตรงหน้ากั้วหนานซาน

สายตากั้วหนานซานสับสน

เขายังหาตำแหน่งของเจ้าล่าเยวี่ยไม่เจอ แต่กระบี่ของนางกลับมาถึงแล้ว

กระบี่มิคำนึงสามารถมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาได้ ก็หมายความว่ามันสามารถทำเรื่องอื่นๆ ได้มากกว่านั้น

เก็บกระบี่ยากกว่าปล่อยกระบี่

กั้วหนานซานไม่ค่อยเข้าใจ เหตุใดนางถึงสามารถล่วงรู้ตำแหน่งของตนผ่านหมอกที่หนาทึบได้

หากเปลี่ยนเป็นสำนักอื่น อย่างเช่นยอดฝีมือของสำนักจงโจวหรือว่าต้าเจ๋อ ในเวลานี้บางทีพวกเขาอาจจะใช้อาวุธวิเศษมาคุ้มครองร่างกาย ป้องกันกระบี่บินเอาไว้ จากนั้นค่อยหาโอกาสโจมตีกลับ

แต่ชิงซานไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ สิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญคือมีแต่ไปไม่มีกลับ

ผู้ชนะในการประลองครั้งนี้ย่อมต้องเป็นเจ้าล่าเยวี่ย

บริเวณรอบด้านนิ่งเงียบไปเป็นเวลานาน จากนั้นมีเสียงอุทานตกใจดังขึ้นมา

ศิษย์พี่กั้วหนานซานแพ้แล้ว

นี่ช่างเป็นเรื่องที่ยากจะจินตนาการได้จริงๆ

สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่าเจ้าล่าเยวี่ยที่ทำเรื่องนี้ได้ยังอายุน้อย ระยะเวลาในการบำเพ็ญเพียรก็มิได้นาน

สิ่งที่ทำให้คนรู้สึกทอดถอนใจมากที่สุดก็คือเมื่อคิดถึงว่าคนที่เอาชนะกั้วหนานซานได้คือเจ้าล่าเยวี่ย ผู้คนก็พากันเกิดความรู้สึกว่าสมควรเป็นเช่นนั้นขึ้นมาอีกครั้ง

ที่สำนักชิงซาน ชื่อเจ้าล่าเยวี่ยนั้นหมายถึงอัจฉริยะ

เจ้าแห่งยอดเขาที่อายุน้อยที่สุด สภาวะขั้นคเนจรที่อายุน้อยที่สุด…ผลงานในการบำเพ็ญเพียรที่ยากจะจินตนาการได้จำนวนนับไม่ถ้วนล้วนแต่นางเป็นผู้สร้าง

ถัดจากปรมาจารย์อาจิ่งหยาง ก็ยากจะหาใครที่มาเทียบกับเจ้าล่าเยวี่ยได้อีก

ในตอนที่จิ๋งจิ่วกลับมาจากที่ราบหิมะ ชื่อเสียงบารมีเป็นที่กล่าวขาน แต่เมื่อสภาวะของเขาหยุดนิ่ง หายตัวไปเป็นเวลาหลายปี สถานการณ์เช่นนั้นก็หายไป

เมื่อเห็นเจ้าล่าเยวี่ยเดินออกมาจากในหมอก ไม่รู้ว่ามีคนมากน้อยเท่าไรกำลังอุทานชื่นชมด้วยความเคารพและความยำเกรง นี่สิถึงจะเป็นอัจฉริยะที่แท้จริงของสำนักชิงซาน

แล้วก็ไม่รู้ว่ามีคนมากน้อยเท่าไรที่คิดถึงศิษย์อัจฉริยะที่เก็บตัวอยู่บนยอดเขาด้านหลังผู้นั้น

มีเพียงเขาเท่านั้นที่พอจะสามารถสยบเจ้าล่าเยวี่ยได้

นี่เป็นความคิดของใครหลายๆ คน

……

……

เมฆหมอกพลันกระจายตัว แสงอาทิตย์สาดลงมา ส่องยอดเขาเทียนกวงจนสว่างเจิดจ้า

บนยอดเขาพลันมีสายรุ้งปรากฏขึ้นมาสายหนึ่ง

ด้านล่างสายรุ้งมีคนผู้หนึ่ง

นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

หนานว่างค่อยๆ เลิกคิ้วขึ้นมา รู้สึกว่าวันนี้สนุกเสียแล้วสิ

ฉือเยี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย พบว่าวันนี้จะเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ ด้วย

ผู้อาวุโสของยอดเขาเทียนกวงอย่างไป๋หรูจิ้งและมั่วฉือพากันลุกขึ้น สีหน้าดูตื่นเต้น

ข่าวกระจายไปเร็วเสียยิ่งกว่าหมอก

ศิษย์ชิงซานทุกคนต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออก มองไปยังปลายยอดเขา

ไป๋หรูจิ้งมองไปยังปลายยอดเขา พลางกล่าวอย่างทอดถอนใจ “ในตอนที่เข้าไปก็เป็นแบบนี้ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย ใจแห่งเต๋ามั่นคง ไม่มีใครเทียบได้จริงๆ ด้วย”

คนที่อยู่บนปลายยอดเขาผู้นั้นคือจัวหรูซุ่ย

เขาคือศิษย์คนสุดท้ายของเจ้าสำนัก ได้ฉายาว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะในรอบร้อยปี

จากศาลาไป๋เฮ่อมายังริมธารสี่เจี้ยน ก่อนจะกราบเจ้าสำนักเป็นอาจารย์ จากนั้นก็เริ่มเก็บตัวบำเพ็ญเพียร

เก็บตัวมายี่สิบกว่าปี

ในที่สุดวันนี้เขาก็ออกมา

…………………………………………………………..