“เหลือเวลาไม่มากแล้ว!” เขาเช็ดเลือดที่มุมปาก
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกและจับจ้องท้องทะเลในความมืด เสียงถอนหายใจของเขากลืนหายไปกับเสียงคลื่น
ยามเช้ามาถึง วันใหม่กําลังเริ่มต้นอีกครั้ง
ในหมู่บ้านกลางเขา สองวันที่ผ่านมามีคนไข้น้อยลง ไม่มีใครมาตอนเที่ยง หวังเย้าจึงสามารถกลับไปกินข้าวกลางวันที่บ้านได้
“แบบนี้ดีเลย” จางซิวหยิงพูดในขณะที่เธอกําลังตักข้าวอยู่ “ถ้ามีคนมามากๆ ลูกคงไม่ได้กินข้าวกันพอดี แบบนั้นจะไหวได้ยังไง?”
“อดข้าวบ้างก็ไม่เป็นอะไรหรอกครับ” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม
“แบบนั้นก็ไม่ดีจ๊ะ” เธอยังคงเป็นแม่ที่รักลูกชายของเธอเสมอ
ในตอนที่พวกเขากําลังทานอาหารอยู่นั้น มือถือของหวังเย้าก็ดังขึ้น เป็นซูเสี่ยวซวีที่โทรมา
“ฮัลโหล เสี่ยวซวี” เขาพูด
“น้องเขย นี่ฉันเอง” เสียงของซูจือจึงดังมาจากปลายสาย
“มีอะไรเหรอครับ?” หวังเย้าถาม
“นายอยู่ที่ไหน? กลับบ้านแล้วเหรอ?” ซูจือฉิงถาม
“ใช่ ผมกําลังกินข้าวอยู่ที่บ้านครับ” หวังเย้าตอบ
“คุณลุงกับคุณป้าก็อยู่ด้วยเหรอ?” ซูจือฉิงถาม
“ใช่ครับ” หวังเย้าพูด
“ฝากสวัสดีพวกท่านด้วยนะ” ซูจือฉิงพูด
“ได้ครับ พี่มีเรื่องอะไรอีกไหมครับ?” หวังเย้าถาม
“อ๋อ ฉันมีเรื่องอยากถามนายเรื่องหนึ่งนะ” ซูจือจึงพูด
“ถามมาได้เลยครับ” หวังเย้าพูด
“เพื่อนร่วมรบคนหนึ่งของฉันได้รับบาดเจ็บหนัก” ซูจือฉิงพูด “นายช่วยรักษาเขาได้ไหม?”
“เขาอยู่ที่ไหนครับ?” หวังเย้าถาม
“เขายังร้อษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลทหาร” ซูจือจึงพูด “ถ้านายตกลง ฉันจะบอกให้เขาไปหานายที่หมู่บ้านกลางเขา”
“พี่พอจะส่งก๊อปปี้ข้อมูลเกี่ยวกับอาการของเขามาให้ก่อนได้ไหมครับ ผมจะได้เตรียมตัวให้พร้อม?” หวังเย้าถาม “ส่วนเรื่องเวลา พวกเขาสามารถมาเมื่อไหร่ก็ได้ ผมยังไม่มีแผนจะเดินทางไปที่ไหน และอยู่ที่คลินิกตลอด”
“ฉันจะบอกพวกเขาทันทีเลย” ซูจือจึงพูด “ถ้ารู้เวลาแน่นอนแล้ว ฉันจะโทรไปบอกนายนะ”
“พี่ชายของเสี่ยวซวีเหรอจ๊ะ?” จางซิวหยิงถาม
เธอได้ยินบทสนทนาระหว่างทั้งสอง รวมถึงได้ยินซูจือจึงเรียกเขาว่า “น้องเขย” ด้วย นั้นหมายความได้ว่า ตระกูลซูยอมรับในตัวลูกชายของเธอ และมันทําให้เธอยินดีมาก
“ใช่ครับ พอดีเพื่อนคนหนึ่งของเขาได้รับบาดเจ็บ” หวังเย้าพูด “เขาเลยอยากมารักษากับผมที่นี่นะครับ”
“รักษาทหารก่อน” หวังเฟิงฮวาพูด
“ครับ ผมก็คิดเหมือนกัน” หวังเย้าพูด
ถึงเขาจะให้การรักษาโดยเรียงตามลําดับก่อนหลัง แต่ก็มีข้อยกเว้นสําหรับบางราย เช่นคนที่ ป่วยหนัก, ผู้สูงอายุ, สุขภาพแย่, ผู้หญิงกับเด็ก, และเหล่าทหารที่น่านับถือ
“กินข้าวกันก่อนเถอะ” แม่ของเขาพูด
“ได้ครับ” หวังเย้าพูด
ที่ปักกิ่ง ซูจือจิ้งอยู่ภายในห้องคนไข้
“เขาตกลงไหม?” ชายคนหนึ่งถาม
“ตกลง เขาขอดูข้อมูลของอาการก่อน” ซูจือฉิงพูด “นายไปหาเขาได้ทุกเมื่อ ความจริง ฉันขอให้เขาออกมารักษาข้างนอกก็ยังได้
“ไม่ต้องหรอก” เขาพูด “เขาอยู่ใกล้กับจังหวัดฉีพอดี มันไม่ได้ไกลมากสําหรับฉันอยู่แล้ว นายยังบอกฉันเองนี่ว่า เขาคลินิกของเขามีของครบกว่า ให้ฉันไปที่นั่นเองดีกว่า”
“งั้นนายก็รีบส่งก๊อปปี้ข้อมูลอาการของนายไปให้เขาให้เร็วที่สุดด้วยล่ะ” ซูจือฉิงพูด
ฉันจะให้คนจัดการทันทีเลย “เขาพูด”แล้วคลินิกของเขาปิดกี่โมงเหรอ? ฉันจะให้คนเอาไปส่งให้วันนี้เลย”
“บอกให้คนเอาไปส่งได้เลย” ซูจือฉิงพูด “ฉันจะโทรบอกเขาเอง”
ในหมู่บ้านกลางเขา พระอาทิตย์โรยตัวหายลับไปด้านหลังภูเขา ผ่านไปหนึ่งวัน
หวังเข้าไม่ได้รีบกลับ เขากําลังรอใครบางคนอยู่ ซูจือจึงบอกกับเขาว่า จะมีคนนําเอกสารข้อมูลคนไข้มาส่งให้ และขอให้เขารออยู่ก่อน
ประมาณ 6 โมงเย็น เขาได้ยินเสียงรถจากด้านนอก ไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เชิญเข้ามาได้เลยครับ!” หวังเย้าส่งเสียงบอกออกไป
ทหารที่เคาะประตูพูดกับตัวเอง เสียงดังชัดมาก! เขาผลักประตูและเดินเข้าไป การตกแต่ง สวนดูงดงามน่ามอง หืมมม สวนสวยจริงๆ
เมื่อเดินเข้าไปในห้อง เขาก็เห็นชายหนุ่มหน้าตาสะอาดสะอ้านคนหนึ่ง อายุอยู่ในช่วงยี่สิบกว่า และอาจจะเด็กกว่าเขาสองสามปี
“สวัสดีครับ คุณคือหมอหวังใช่รึเปล่า?” ทหารถาม
“ใช่ครับ ผมเอง” หวังเย้าพูด “มีเอกสารมาด้วยไหมครับ?”
“นี่ครับ อ่านดูได้เลย” ทหารส่งซองใส่เอกสารให้หวังเย้า
หวังเข้ารับซองเอกสารมาและเปิดดูข้อมูลด้านใน เป็นข้อมูลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บจาก กระสุนของทหารคนหนึ่ง ตัวกระสุนยิงทะลุเข้าที่ปอดของเขา จนทําให้ได้รับบาดเจ็บหนัก ปัญหาใหญ่ดูเหมือนจะเป็นที่ลูกกระสุนอาจมีการเคลือบพิษเอาไว้ด้วย และมันได้กระจายไปตามส่วนต่างๆในร่างกาย
“สามวัน?” หวังเข้าขมวดคิ้ว “เขาจะมาถึงเมื่อไหร่ครับ?”
“เขากําลังเดินทางออกมาจากโรงพยาบาล และจะมาถึงที่นี่พรุ่งนี้เช้าครับ” ทหารตอบ
“ถ้าอย่างนั้น ผมขอเก็บเอกสารพวกนี้เอาไว้ก่อนนะครับ” หวังเย้าพูด “คุณกลับได้เลยครับ”
“ครับ ขอบคุณมาก!” ทหารทําวันทยหัตถ์ให้เขา
“ด้วยความยินดีครับ” หวังเย้าลุกขึ้นยืนและเดินออกไปส่งเขา
เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว เขาก็โทรหาซูจือฉิงอีกครั้ง
“นายได้เอกสารรึยัง?” ซูจือจึงถาม
“ครับ ผมได้มาแล้ว” หวังเย้าพูด “ทหารคนนี้ได้รับภารกิจเดียวกับพี่รึเปล่าครับ?”
“ใช่ ศัตรูก็น่าจะคนเดียวกัน” ซูจือจึงพูด “มีทหารหกนายที่ต้องเสียชีวิตในระหว่างภารกิจ หนึ่งในพวกเขาได้รับบาดเจ็บหนัก ซึ่งก็คือคนที่นายจะต้องรักษาให้เขา พวกเขาได้ยินมาว่า นายเป็นคนรักษาอาการติดพิษให้พวกเรา พวกเขาเลยอยากขอให้นายช่วย”
“อ่อ” หวังเย้าพูด
“ได้โปรดช่วยเขาด้วย” ซูจือฉิงพูดด้วยน้ําเสียงเคร่งเครียด
“ขอแค่ยังมีลมหายใจ ผมก็สามารถช่วยเขาได้ครับ” หวังเย้าพูด
“ขอบคุณ” ซูจือฉิงพูด
หลังซูจอฉิงวางสาย เขาก็หันหน้าไปหาชายในวัยสามสิบที่อยู่ในชุดทหาร ซึ่งยืนอยู่ข้างๆเขา “นายได้ยินแล้วใช่ไหม?”
“อืม ขอบคุณ” เขาพูด
“ฉันเต็มใจ” ซูจือฉิงพูด “รีบพาเขาไปที่คลินิกได้แล้ว”
ชายในชุดทหารเดินจากไป
ซูจือจึงคิด ขอแค่ยังมีลมหายใจ เขาก็สามารถช่วยได้ จึๆ อวดดีจริงๆ แต่ฉันชอบ!
ที่คลินิก หวังเย้าหยิบมือถือขึ้นมา แล้วโพสลงในหน้าเวยป๋อของเขา
[พรุ่งนี้ผมมีธุระ คลินิกไม่เปิดและไม่รับคนไข้ครับ]
เขาปิดคลินิกหนึ่งวัน เพื่อทหารที่กําลังเดินทางมาโดยเฉพาะ
บนเนินเขาหนานชานในคืนนั้น แสงไฟยังคงส่องสว่าง ฟื้นกําลังลุกไหม้เสียงดัง
หวังเย้ากําลังต้มยา เขากําลังทํายาล้างพิษและซุปเป่ยหยวน เขาจะใช้ยาพวกนี้กับทหารที่จะมาในวันพรุ่งนี้
เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าและคิด ฉันกลัวว่า พรุ่งนี้ฝนจะตกลงมา
เช้าวันต่อมา ท้องฟ้ามืดครึม อากาศเริ่มอบอ้าวและอึดอัด แต่อากาศในหมู่บ้านดีกว่าเล็กน้อย
เวลาประมาณ 9 โมงเช้า รถจี๊ปทหารและรถพยาบาลได้ขับเข้ามาให้หมู่บ้าน
“ทําไมถึงได้มีรถทหารขับเข้ามาในหมู่บ้าน?” ชาวบ้านคนหนึ่งพูด
“หรือพวกเขาจะมาหาหวังเย้า?” ชาวบ้านอีกคนพูด
ภายใต้สายตามากมายจากชาวบ้าน รถทั้งสองคันก็หยุดลงที่ด้านนอกคลินิก
“จริงด้วย!” ชาวบ้านอุทาน
ทหารสองนายลงมาจากรถจี๊ปและเดินเข้าไปในคลินิก
“สวัสดีครับ หมอหวัง ผมชื่อ เฉิงห่ายตง” ทหารนายหนึ่งพูด
“สวัสดีครับ คนไข้อยู่ที่ไหนครับ?” หวังเย้าถาม
“ข้างนอกครับ” เฉิงห่ายตงตอบ “คุณพร้อมรึยังครับ?”
“พร้อมครับ พาเขามาได้เลย” หวังเย้าพูด
หลังจากนั้นไม่นาน คนไข้ก็ถูกพาตัวเข้ามา ตามมาด้วยเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์อีกสองคน ถุงน้ําเกลือถูกห้อยไว้ด้านบน เจ้าหน้าที่ทั้งสองมองหวังเข้าด้วยสายตาระแวงสงสัย
หลังจากที่ได้ยินว่า ทหารที่มีอาการหนักคนหนึ่งจะถูกส่งไปอีกโรงพยาบาลหนึ่ง พวกเขาต่าง ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจนี้ เพราะสภาพของทหารนายนี้ย่ําแย่มาก การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยอาการวิกฤตมีโอกาสเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นมากมาย แต่ทางเบื้องบนก็ยังคงดึงดัน พวกเขาได้รับคําสั่งจากหัวหน้าของโรงพยาบาลให้พวกเขาคอยให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
พวกเขาคิดว่า ทหารนายนี้จะถูกส่งไปโรงพยาบาลใหญ่ในปักกิ่งหรือเซี่ยงไฮ้ แต่กลับคาดไม่ ถึงว่าจะต้องเดินทางมาที่หมู่บ้านเล็กๆกลางเขาและรักษากับหมออายุน้อยแบบนี้
พวกเขาจึงอดคิดไม่ได้ว่า หรือนี่จะเป็นการล้อเล่นอยู่? คนพวกนี้กาลังคิดอะไรกันอยู่? หรือสมองของพวกเขาจะทํางานผิดปกติ?
หวังเข้าตรวจดูบาดแผลจากกระสุนบนตัวเขาอย่างระมัดระวัง บริเวณบาดแผลมีการอักเสบและเริ่มเน่า ร่างกายและใบหน้าของเขาดําคล้ํา และเขากําลังหายใจแผ่วเบา
“มันร้ายแรงมาก” หวังเย้าพูด
“ก็ใช่น่ะสิ” นางพยาบาลคนหนึ่งพูดด้วยท่าทางไม่พอใจ
“เสียวลี!” เฉิงห่ายตงมองนางพยาบาลด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ไม่ต้องห่วงครับ” หวังเย้ายิ้มและโบกมือ “มาจัดการกับพิษกันก่อน”
เขาหยิบเอายาแก้พิษที่เตรียมไว้และเอาให้ทหารนายนี้ ต่อมา เขาก็สํารวจดูบาดแผลอย่างละเอียด เขาเงยหน้าขึ้นมองคนที่อยู่ภายในห้องและพูดว่า “พวกคุณทุกคน ช่วยออกไปข้างนอกด้วยครับ”
“ห้ะ?!” คนที่อยู่ภายในห้อง โดยเฉพาะแพทย์และพยาบาลที่มาด้วยต่างตกตะลึง
“ออกไปครับ ผมจะใช้การรักษาแบบพิเศษกับเขา” หวังเข้าพูด
ทุกคนต่างหันไปมองเฉิงห่ายตง “ออกไป” เขาพูดแล้วเดินนําออกไป เขาหันหน้ากลับไปพูดว่า “หมอหวัง ได้โปรดช่วยเขาด้วย
เขาเสี่ยงกับการเดินทางในครั้งนี้มาก และหัวหน้าของเขาก็เช่นกัน ถ้าหากเกิดอะไรขึ้น มันคงกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา
“ไม่ต้องห่วงครับ” หวังเย้ายิ้ม เขามั่นใจและยังใจเย็นได้อยู่
ทุกคนพากันเดินออกจากห้อง ถึงแม้แพทย์และพยาบาลจะแสดงท่าที่ไม่ยินยอมแค่ไหนก็ตาม พวกเขาพากันเดินออกไปที่สวนด้านนอก
เมื่อเดินออกมาแล้ว นางพยาบาลก็อดพูดขึ้นมาไม่ได้ว่า “หัวหน้าเฉิง คุณไม่กังวลเลยเหรอคะ? เขายังเด็กอยู่เลย! แล้วเขาจะไปมีทักษะวิเศษวิโสอะไรได้? นี่มันเรื่องตลกชัดๆ!”
“ซูจือจิ้งกับเพิ่งหรูชวงได้รับการช่วยเหลือจากเขา” คําพูดง่ายๆของเฉิงห่ายตงทําให้นางพยาบาลเงียบไป
“พวกเขาไม่ได้เจ็บหนักขนาดนี้นี่คะ” นางพยาบาลพูด “แต่ทหารนายนี้ถูกยิงเข้าที่ปอด แล้วมีความเป็นไปได้สูงว่ากระสุนจะมีพิษด้วย”
“เงียบ” เฉิงห่ายตงแสดงท่าทางเพื่อบอกให้ทุกคนเงียบ
นางพยาบาลยังคงแสดงสีหน้าไม่พอใจ
ด้านในคลินิก ในมือของหวังเย้ามีกล่องขนาดเล็กอยู่ใบหนึ่ง หลังจากเปิดออก ด้านในก็คือ ผึ้งที่ดําสนิทพร้อมกลิ่นหอมลอยออกมา ขี้ผึ้งตัวนชื่อสามารถรักษาบาดแผลได้ทุกชนิด
เขาใช้นิ้วควักขี้ผึ้งออกมาเล็กน้อย และทาลงไปบริเวณบาดแผลของทหารที่ได้รับบาดเจ็บ ตัวยาซึมเข้าสู่ผิวหนังรวดเร็วจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แล้วมันก็จางหายไปในพริบตาเดียว
หวังเย้าพลิกมือไปมา เขานวดและกดไปตามร่างกายของทหารนายนี้ ภายในเวลาไม่นาน เขาได้ทําการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดตามจุดต่างๆของร่างกายไปแล้วหลายจุด