“ทำไมล่ะเธอไม่ไปนิกายกับพี่เทียนเหรอ?” หยูรู่เลิกคิ้ว

“เสี่ยวฮัวตามพี่เทียนไปทุกที่” เธอพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

“เธอจะตามพี่ชายของฉันเข้าไปในนิกายได้ยังไงถ้าเธอไม่ใช่ศิษย์?” หยูรู่ถาม

“เสี่ยวฮัวสามารถติดตามพี่เทียนไปได้ในฐานะคนรับใช้เนื่องจากศิษย์ได้รับอนุญาตให้มีคนรับใช้ด้วย” เธอตอบ

“คะ…คนรับใช้งั้นหรอ…?” หยูรู่มองไปที่เธอด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ในขณะที่เสี่ยวฮัวเรียกตัวเองว่าเป็นคนรับใช้ หยูรู่ไม่ได้คิดถึงระบบ ‘คนรับใช้’ เลย เธอใช้คำพูดของเธอเหมือนฐานะคนรับใช้สาว ในครอบครัวหยูเลยพอเธอหยู่รู่มาลองคิดดู

“ยังไงซะตอนนี้พวกเราก็ไม่สามารถเข้าร่วมนิกายได้ทันทีพวกควรจะกลับไปทำเควสกันก่อนดีไหม?” หยวนถาม

“อืมม…หนูอยากเรียนรู้เทคนิคที่เราเพิ่งซื้อมา แต่หนูไม่อยากใช้เวลากับมันมากเกินไป…” หยูรู่ถอนหายใจออกมา

“ไม่เป็นไรขอให้เธอมั่นใจในตัวเองหยูรู่ เธอก็เป็นอัจฉริยะเหมือนกัน” หยวนพูดกับเธอพร้อมกับรอยยิ้มที่อ่อนโยนบนใบหน้าของเขา

“พี่ชาย…” หยูรู่ พยักหน้าครู่ต่อมา

“เสี่ยวฮัวคุณรู้สถานที่ดีๆที่เธอสามารถฝึกฝนอย่างเงียบๆได้หรือเปล่า หรือเราควรกลับไปที่ห้องของผู้ฝึกพลัง?” หยวนตัดสินใจถามเธอ

“ไม่ มีสถานที่ที่ดีกว่าสำหรับการเรียนรู้เทคนิค” เธอกล่าว

“เช่นเดียวกับสถานที่ที่มีการสร้างตัวช่วยเร่งความเร็วในการฝึกพลังของพี่ มันก็ยังมีสถานที่ที่ช่วยในการทำความเข้าใจได้เหมือนกัน แต่มันก็ไม่ได้ช่วยเพิ่มทักษะการเข้าใจของคนๆนั้นแต่มันเพียงแค่สร้างบรรยากาศที่ที่ทำสมาธิง่ายขึ้นเท่านั้น”

“ฟังดูเหมือนเป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการเรียนรู้เทคนิคเลย! ที่นี่เรียกว่าอะไรหรอ” หยูรู่พูดด้วยความตื่นเต้นในน้ำเสียงของเธอ

“เจดีย์แห่งความเงียบสงบ” เสี่ยวฮัวกล่าว

“เจดีย์แห่งความเงียบสงบฉันไม่คิดว่าจะมีอาคารชื่อนี้ในเมืองนี้นะ…” หยูรู่ กล่าว

“นั่นเป็นเพราะสถานที่นี้ไม่มีอยู่ในเมืองน้ำพุถ้าคุณต้องการไปสถานที่นั้นมีอยู่ในเมืองแห่งธรรมชาติซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 1,000 ไมล์”

“1,000 ไมล์!? เราต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะไปถึงที่นั่นเลยนะ!” หยูรู่ อุทาน

“จะใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงถ้าเราบินไปที่นั่น” เสี่ยวฮัวกล่าว

“บะ…บินงั้นหรอ…?” หยูรู่มองเธอด้วยดวงตาที่เบิกกว้างเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

เสี่ยวฮัวพยักหน้าด้วยสีหน้าสงบก่อนที่เธอจะลอยขึ้นไปในอากาศ

“ธะ…เธอกำลังบินอยู่จริงๆ!” หยูรู่ก็หันไปมองหยวนและถามเขาว่า “พี่รู้เรื่องนี้อยู่แล้วยังงั้นหรอ!”

“หืม? ใช่แล้ว” หยวนพยักหน้า

จากนั้นเขาก็พูดต่อว่า

“แต่เราจะพาเธอไปกับเรายังไงพี่ไม่คิดว่าเธอจะใช้ดาบบินได้ แม้เสี่ยวฮัวจะช่วยในการคุมก็ตาม”

“พี่เทียนอุ้มเธอได้” เสี่ยวฮัวพูด

“อืม…พี่คิดว่านั่นคงได้ผล…” หยวนพยักหน้า

จากนั้นเขาก็ดึงดาบบินและรอให้เสี่ยวฮัวสนับสนุนด้วยพลังวิญญาณของเธอ

“พี่จะอุ้มเธอไปนะหยูรู่” หยวนพูดขณะที่เขายกทั้งตัวของหยูรู่ขึ้นมาอย่างง่ายดาย

“พะ…พี่?!” ใบหน้าของหยูรู่แดงระเรื่อทันทีเมื่อหยวนอุ้มเธอแบบเจ้าหญิง

“อยู่นิ่งๆไว้หยูรู่!” หยวนพูดกับเธอขณะที่เขากระโดดขึ้นไปบนดาบบิน

‘นี่มันค่อนข้างอึดอัด ฉันควรจะจัดการกับท่านี้ก่อน…’ หยวนคิดกับตัวเองในขณะที่เขาปรับสมดุลและท่าทางของเขา

“พวกเราพร้อมจะไปหรือยังพี่เทียน” เสี่ยวฮัวถามเขา

“พร้อมแล้วละ แต่อย่าเร็วเกินไปนะ” หยวนพยักหน้า

ครู่ต่อมาเสี่ยวฮัวบินไปยังท้องฟ้าที่สดใสในขณะที่ควบคุมดาบบิน

“ดูนั้น!! ปรมาจารย์ละ!“

คนที่เดินอยู่บนถนนชี้ไปที่ร่างที่หายไปของพวกเขาด้วยความกลัวบนใบหน้าของพวกเขาและผู้เล่นก็ดูด้วยความงุนงง พวกเขาหวังว่าพวกเขาจะสามารถทำเช่นเดียวกันได้ในอนาคต

“อ้าาาาาาาาาา!!!”

หยูรู่กรีดร้องพร้อมกับหลับตาลงเมื่อจู่ๆพวกเขาก็เริ่มเคลื่อนไหวโดยไม่กล้าที่จะเปิดตาออกมา ในเวลาต่อมาแขนของเธอก็โอบรอบคอของหยวนอย่างแน่นหนา

“เธอโอเคไหม หยูรู่?” หยวนถามเธอด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา

“เธอจะไม่ตกลงไป เพราะงั้นเธอไม่ต้องกังวลหรอก”

หยูรู่ยังคงไม่ยอมลืมตาจนกระทั่งหลายนาทีต่อมาเมื่อเธอเริ่มชินกับความรู้สึกของการบินในอากาศ แต่แขนเรียวของเธอยังคงกอดคอของหยวนไว้แน่น

“ว้าว…”

หยูรู่มองไปที่ทิวทัศน์ที่ผ่านไป ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ

“เธอคิดว่าไงหยูรู่ โลกนี้สวยงามมากเลยใช่ไหม?” หยวนถามเธอครู่ต่อมา

“ใช่!” หยูรู่กล่าว

หลังจากมองดูทิวทัศน์ได้ไม่กี่นาทีหยูรู่ก็หันไปมองหยวนที่ยิ้มอย่างอ่อนโยนบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาขณะที่เขาอุ้มเธอเหมือนเจ้าชายบางคนและการจ้องมองของหยูรู่จะยังคงอยู่บนใบหน้าของเขา

“หืมมีอะไรเหรอ?” หยวนมองไปที่เธอและถามหลังจากที่ตระหนักว่าเธอจ้องมองเขาอย่างจริงจัง

“มะ…ไม่มีอะไรค่ะ!” หยูรู่รีบพูดด้วยน้ำเสียงที่ตกใจและรู้สึกว่าอัตราการเต้นของหัวใจของเธอพุ่งสูงขึ้นในภายหลัง

“ทะ…ที่จริงหนูอยากถามเกี่ยวกับเสี่ยวฮัว…เธอบินได้ยังไงเธออยู่ระดับไหนหรอ?”

“หื้อ…ราชา…วิญญาน?” หยวนตอบด้วยน้ำเสียงแปลก ๆ

“ราชาวิญญาณงั้นหรอ ราชาวิญญานคือระดับการฝึกพลังอะไรหรอ?” หยูรู่เลิกคิ้วด้วยท่าทางงงงวย

“พี่คิดว่ามันน่าจะอยู่สูงกว่าระดับวิญญานฝึกหัดห้าระดับนะ?”

“ดะ…เดี๋ยวก่อน! ห้าระดับใหญ่ที่อยู่เหนือหนูงั้นหรอ! นั้นมันห่างมากเลยนะ! และพี่มีใครบางคนที่ทรงพลัง เช่นเธอติดตามพี่มาตลอดเวลาเลยหรอ! พี่สามารถทำอะไรก็ได้ในเกมนี้ถ้าพี่อยู่กับเธอ!” หยูรู่จ้องมองเขาด้วยสายตาที่ตกใจและคำถามอื่นๆก็ปรากฏขึ้นในหัวของเธอ

ทำไมคนที่มีอำนาจพอๆกับเสี่ยวฮัวกำลังติดตามเขาอยู่? เสี่ยวฮัวคือใครกันแน่?

หยูรู่หรี่ตาของเธอมองไปที่หยวน ด้วยสายตาที่สงสัยและเธอถามเขาว่า “พี่ชาย…ฉันตั้งใจจะถามคำถามนี้กับพี่มาระยะหนึ่งแล้ว แต่ชื่อในเกมของพี่ชื่ออะไรงั้นหรอ?”

“…”

ร่างกายของหยวนแข็งทื่อทันทีที่ได้ยินคำถามของเธอ หลังและมือของเขามีเหงื่อออกอย่างรวดเร็ว

‘ฮ่าฮ่า…ทำไมฉันถึงเลือก ‘หยวน ‘เป็นชื่อฉันได้ล่ะเนี่ย? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเธอรู้เกี่ยวกับ ‘สิ่งนั้น’ เพราะสิ่งนี้? ฉันไม่อยากเสียเธอไป…’ หยวนถอนหายใจ

“พี่ชายพี่สบายดีไหม ทำไมพี่ไม่พูดอะไรเลยมันเป็นแค่ชื่อในเกมของพี่เองนะ พี่ไม่จำเป็นต้องเป็นต้องเก็บเป็นความลับนี่…” หยูรู่พูดกับเขาครู่ต่อมาความสงสัยของเธอเพิ่มมากขึ้น

“…”

‘ฉันโกหกเธอได้ แต่เธอจะรู้ความจริงในไม่ช้าก็เร็วเกี่ยวกับชื่อของฉันและ ‘สิ่งนั้น’ และฉันไม่สามารถแบกรับความผิดที่โกหกเธอ…ฉันโกหกไม่ได้เพราะทุกสิ่งที่เธอทำเธอเสียสละเพื่อฉันไปมากมายแล้ว…’

หลังจากเห็นสีหน้างงงวยบนใบหน้าของหยวนหยูร่อก็พูดว่า

“ไม่เป็นไรพี่ ถึงแม้ว่าหนูจะไม่รู้เหตุผล แต่พี่ไม่ต้องบอกฉันก็ได้ถ้าพี่ไม่ต้องการ หนูสามารถรอจนกว่าพี่จะพร้อมที่จะบอกกับหนู”

“ไม่เป็นไร” จู่ๆหยวนก็พูดขึ้น

“พี่จะบอกเธอ”

“แน่ใจนะพี่ พี่ไม่ต้องฝืนก็ได้…”

“ถึงแม้จะมีเหตุผลบางอย่างที่พี่ไม่อยากพูด แต่เธอก็เป็นน้องสาวที่มีค่าของพี่ และพี่ก็ไม่สามารถปฏิเสธและโกหกเธอได้” หยวนพูดพร้อมกับใบหน้าที่ขมขื่น

หลังจากหายใจเข้าลึกๆหยวนก็พูดด้วยเสียงที่สั่นเทาเล็กน้อย

“ในโลกนี้พี่ตั้งชื่อให้ตัวเองว่า ‘หยวน’… “

“หยวน…?” หยูรู่มองเขาด้วยดวงตาที่เบิกกว้างและเต็มไปด้วยความประหลาดใจ แต่เธอไม่ตกใจในความเป็นจริงเธอรู้สึกโล่งใจอยู่บ้าง

หลังจากจ้องมองหยวนอยู่ครู่หนึ่งหยูรู่ก็หันไปมองเสี่ยวฮัวที่จ้องมองกลับมาที่เธอด้วยสายตานิ่งเฉย

จากนั้นหยูรู่ก็หลับตาลงและหายใจเข้าลึกๆก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบอย่างน่าประหลาดใจ

“หนูเข้าใจแล้ว…ดังนั้นพี่จึงเป็นผู้เล่นหยวนตลอดเวลามานี้”

“พี่ขอโทษที่พี่พยายามซ่อนมันจากเธอหยูรู่เพียงแค่มีคนมากมายที่โกรธพี่ และพยายามตามล่าพี่ด้วยเหตุผลบางอย่าง และพี่ไม่อยากให้เธอคิดว่าพี่เป็นคนร้ายหรือคนที่คนอื่นเกลียด…”

หยูรู่ส่ายหัวและใช้มือลูบแก้มของเขา

“อย่าโง่สิพี่ชาย หนูไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับพี่ แม้ว่าคนทั้งโลกจะต่อต้านพี่ แต่หนูก็ไม่มีวันเกลียดพี่ ยังไงพี่ก็ยังคงเป็นพี่ชายที่มีค่าของหนู ที่อยู่เคียงข้างหนูเสมอเมื่อหนูต้องการใครสักคน … “

จากนั้นเธอก็พูดต่อว่า

“และหนูคิดว่าหนูรู้เหตุผลว่าทำไมคนจำนวนมากถึงพยายามตามล่าพี่ ดังนั้นพี่ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนั้น”

“จริงเหรอทำไมละ?” หยวนถามเธอ

“มันเป็นเรื่องง่ายๆพี่ชาย พวกเขาอิจฉาพี่ก็แค่นั้น เขาอิจฉาในความสามารถของพี่ไม่ว่าจะเป็นโลกแห่งความจริงหรือในวิดีโอเกมก็จะมีคนอิจฉาความสามารถของพี่อยู่เสมอ ดังนั้นพี่ไม่ควรให้ความสนใจกับพวกเขามากเกินไป”

“เป็นตามที่คิดไว้จริงๆ พี่ไม่เพียงแต่ทำให้โลกตกตะลึงด้วยพรสวรรค์ของพี่ในโลกแห่งความเป็นจริง แต่พี่ยังทำให้เกิดความวุ่นวายในโลกนี้ โลกแห่งการเล่นเกม ไม่ว่าพี่จะไปที่ไหนไม่ว่าพี่จะรู้ตัวหรือเปล่า แต่พี่มักจะเป็นที่สนใจเสมอ”

“ฮ่าฮ่า…เธอพูดเกินจริงไปแล้วหยูรู่…”

“ไม่ว่าหนูจะพูดเกินจริงไปหรือเปล่า มันก็เป็นความจริงที่ว่าพี่กลายเป็นศูนย์กลางความสนใจของคนทั่วโลกอีกครั้ง แม้ว่าโลกอาจจะไม่สนใจชื่อ ‘หยูเทียน’ อีกต่อไปหลังจากที่พี่หายไปจากโลกแห่งความบันเทิง แต่ทุกคนตอนนี้ให้ความสำคัญและความสนใจกับชื่อ ‘หยวน’ และเฝ้าดูทุกย่างก้าวของพี่ ดังนั้นอย่าทำให้พวกเขาผิดหวังพี่ชาย แน่นอนหนูก็จะคอยดูพี่ด้วย” หยูรู่กล่าวกับเขาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าที่สวยงามของเธอ

“อื้ม” หยวนพยักหน้ก