ลูเซียนคิดอะไรขึ้นมาได้ เมื่อเห็นว่าสภาพแวดล้อมในป่าดำเริ่มคุ้นตาเขามากขึ้น เขาจำได้ว่าหลังจากที่พบว่าศพ ‘หมาป่าไฟ แล้วเขาก็ฝังอุปกรณ์เวทมนตร์สองชิ้นไว้ที่นั่น

ในช่วงสองสามเดือนหลังจากนั้น ลูเซียนก็ศึกษาทำความเข้าใจโครงสร้างภายในของอุปกรณ์เวทมนตร์ทั้งสองชิ้น ได้แก่ ‘กำไลเชือกอัคคี’ และกริชเหล็กสีดำที่เรียกว่า ‘กริชเหล็กกล้า’ และยังสามารถใช้อุปกรณ์ทั้งสองได้อย่างเหมาะสม

นั่นคือเหตุผลที่ลูเซียนรู้สึกมั่นใจเมื่อเขาบอกแผนการกับเจ้าหญิง แต่เรื่องที่เหนือความคาดหมายก็คือถึงแม้อารอนจะเป็นอัศวินระดับสองเท่านั้น เขามีความรอบคอบสูงจนน่าตกใจ และความระมัดระวังตัวของเขาทำให้ลูเซียนเสียเวลาอยู่นานกว่าจะสังหารเขาได้ นอกจากนี้ ลูเซียนไม่คิดว่านาตาซาจะเอาตัวรอดกลับมาภายในระยะเวลาสั้นๆ แบบนี้

แม้ลูเซียนไม่แน่ใจว่านาตาซาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดหรือแค่บางส่วน แต่เขาก็ได้ยินนาตาซาพูดคำว่า ‘ศาสตราจารย์’ ซ้ำอย่างชัดเจน

ก่อนหน้านี้ไม่นานก่อนที่ลูเซียนดึงกำไลข้อมือเส้นนั้นออกมา

นาตาซาเริ่มเป็นฝ่ายได้เปรียบในการต่อสู้มากขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายของท็อดจะแปลงเป็นเหล็กทั้งตัว เขารู้สึกถึงพลังอันทรงอานุภาพในการโจมตีของนาตาซาแต่ละครั้ง และเขารู้ดีว่ารัศมีพลังรอบตัวนางเปลี่ยนไป

การเคลื่อนที่ของเจ้าหญิงทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และนางทุ่มเทความมุ่งมั่นทั้งหมดในการต่อสู้ครั้งนี้ การโจมตีของนางรวดเร็วราวกับเม็ดฝนตกกระทบพื้นดิน แม้แต่นาตาซาเองก็ไม่รู้ตัวว่านางฟาดฟันดาบของนางไปกี่หน

นางไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยอีกต่อไป นางไม่รู้สึกอะไรเลย

ดวงตาของนางเปลี่ยนไปมาจากสีเทาเงินกลับมาเป็นสีม่วง ในที่สุดทั้งสองสีก็ผสมกัน ขณะนั้นเอง วิญญาณและร่างกายของนาตาซาก็ผนึกกำลังเข้าด้วยกัน

อยู่ๆ เจ้าหญิงก็ตะโกนออกมาสุดเสียง นางรีดเค้นพละกำลังทั้งหมดที่มี นางย่อตัวลงเล็กน้อยและกระโดดลอยตัวขึ้นจากพื้นด้วยกำลังสูงสุด

นางลอยตัวขึ้นไปสูง และขณะเดียวกันก็เงื้อดาบขึ้นด้วยสองมือ

ท็อดแหงนหน้าขึ้นมองและตัดสินใจว่าต้องตอบโต้กลับ เนื่องจากกลยุทธป่วนประสาทของเขาไม่ได้ผลอีกต่อไป

เขายกโล่สี่เหลี่ยมตรงหน้าขึ้น และบิดข้อมือเล็กน้อย เพื่อให้ดาบในมือพุ่งเข้าเสียบช่วงเอวของนาตาซาไม่พลาดเป้า

อย่างไรก็ตาม จังหวะที่ท็อดยกดาบ ร่างของนาตาซาก็พลันโปร่งแสง และด้วยพลังมหาศาลจากดาบของนางที่หนักหน่วงราวกับมาจากโลกอื่น ‘ดาบธันเดอร์’ ผ่าโล่ของเขาออกเป็นสองซีก

อันที่จริง ดาบของนางไม่ได้ผ่าเฉพาะโล่ของท็อดออกเป็นสองซีกเท่านั้น แต่รวมถึงร่างของเขาด้วย โล่เหล็กไม่สามารถป้องกันพลังมหาศาลของดาบเล่มนั้นได้อีกต่อไป

สีหน้าที่ดูตื่นตกใจก็พลันค้างเติ่งอยู่อย่างนั้น

“เปรี้ยง!”

ผิวเหล็กของท็อดยังปกคลุมด้วยเหล็กเมื่อร่างของเขาร่วงลงพื้น ล้มลงกระแทกกับดาบของเขากลายเป็นเสียงโลหะปะทะกันดังสนั่น

นาตาซาถลาลงกระแทกพื้นอย่างรุนแรงและม้วนตัวฉากออกข้างอย่างรวดเร็ว หลังจากสูดหายใจกระหืดกระหอบสองสามครั้ง นางยืนขึ้นและเริ่มวิ่งกลับไปช่วยลูเซียน

ตอนที่นางมาถึง นาตาซาเข้ามาเห็นฉากที่ลูเซียนกำลังคุกเข่าบนพื้น ท่าทางอ่อนแรง และอัศวินดำกำลังเงื้อกริชแทงเข้าข้างหลังลูเซียน

จังหวะนั้นเองตอนที่นาตาซากำลังจะกระโดดออกไปช่วยลูเซียน นางเห็นลูเซียนร่ายคาถาเรียกโล่เวทมนตร์อีกครั้ง แล้วลูเซียนก็หยิบกำไลข้อมือสีแดงมาจากใต้ดิน

นางได้ยินเสียงอัศวินดำเรียกลูเซียนว่า… ‘ศาสตราจารย์’

นาตาซารู้สึกสับสนมึนงงในทันที

นางจำได้ว่า ‘ศาสนจักร’ เคยพูดถึงกำไลข้อมือสีแดงเข้มที่สูญหายในคดีที่เกี่ยวกับ ‘ศาสตราจารย์’

ยาวิเศษที่ช่วยให้ลูเซียนปลุก ‘พร’ ของเขา… การหายตัวไปของสาวกนอกรีตของ ‘ลัทธิอาร์เจนต์ ฮอร์น’ ที่ติดตามสอดแนมลูเซียน… ความสนใจเรื่องตำรับตำราโบราณของลูเซียน… ความทรงจำเป็นเลิศของเขา… และความจริงที่ว่าอยู่ๆ ลูเซียนก็โผล่มาจาก ‘มิติเวทมนตร์’ ในคืนนี้

‘ศาสตราจารย์…?!’

นาตาซาไม่อาจหาข้ออ้างอะไรมาโกหกตัวนางเองได้อีก

ลูเซียนเห็นได้ชัดว่ามีความรู้สึกหลากหลายอารมณ์อยู่ในตาสวยทรงเสน่ห์คู่นั้นของนาตาซา ซึ่งเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ความเจ็บปวด ความเศร้า และความโกรธ

ลูเซียนกำกำไลในมือแน่น เขาพร้อมจะร่ายคาถาเรียกใช้อาคมในทันที แม้จะรู้ดีกว่าการเผชิญหน้ากับอัศวินหลวงระดับห้า อาคมพวกนี้อาจไม่เป็นผล

ขณะเดียวกัน เสียงในความคิดของลูเซียนบอกเขาว่าเขายังอาจหาเรื่องโกหกเจ้าหญิงอีกครั้ง สร้างเรื่องที่บิดเบือนความจริงอีกสักเรื่อง

ตอนที่ลูเซียนกำลังจะเอ่ยปากพูดก่อน นาตาซาพูดกับเขาด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำและแผ่วเบา “จงไปที่อาณาจักรโฮล์ม”

“…?” ลูเซียนไม่เข้าใจความหาย เขาสังเกตว่าสีของดวงตานาตาซาเปลี่ยนไป แทนที่จะเป็นสีม่วงที่งดงามเหมือนฝันหรือสีเทาเงิน ตอนนี้ตาของนางดูเป็นสีเงินโทนม่วง ซึ่งเป็นสีที่ดูมีปริศนา แต่ก็บริสุทธิ์

“เจ้าควรไปที่โฮล์ม ศูนย์บัญชาการสภาเวทมนตร์อยู่ที่นั่น ถ้าเจ้าอยากเป็นนักเวทผู้ยิ่งใหญ่เหมือนที่ซิลเวียฝัน เจ้าควรไปที่นั่น” นาตาซาพูดซ้ำ แล้วก็หรี่ตาลงเล็กน้อยเชิดหน้าขึ้น “หรือข้าควรเรียกเจ้าว่า ‘ศาสตราจารย์’…ไม่มีใครแสดงละครเก่งเท่าเจ้า เจ้ารู้ตัวไหม?”

“กระหม่อมไม่เคยคิดร้ายกับพระองค์” ลูเซียนผ่อนคลายท่าทีลงมาบ้างเมื่อเห็นว่านาตาซาไม่ได้วางแผนสังหารเขา “กระหม่อมยอมรับผิดว่าโกหกพระองค์หลายครั้ง แต่กระหม่อมไม่มีทางเลือกอื่น”

“เจ้าไม่ได้เป็นคนเดียวหรอกนะที่โกหกข้ามาตลอด ข้าชินเสียแล้วล่ะ” มุมปากของนาตาซาเชิดขึ้นแบบเศร้าๆ “แต่ข้ารู้เพียงว่า ตอนที่เจ้าเล่น ‘บทเพลงแห่งเวทนา’…เราสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดและแรงกดดันที่เขาเผชิญ อย่างไรเสียอัลโต้ไม่ใช่ที่ที่เหมาะกับการศึกษาเวทมนตร์ได้”

“พระองค์ไม่เกลียดกระหม่อม… ในฐานะนักเวทหรือพะยะค่ะ?” ลูเซียนถาม แม้เขารู้ว่าในอดีต นาตาซาไม่ได้มีทัศนคติที่เป็นลบมากนัก เมื่อเทียบกับ ‘ศาสนจักร’ และขุนนางชนชั้นสูงอื่นๆ แต่หลังจากซิลเวียทรยศนาง ลูเซียนไม่มั่นใจว่าจุดยืนของเจ้าหญิงจะเปลี่ยนไปหรือไม่

นาตาซามองหน้าลูเซียนและตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ท่านแม่ของข้าก็เป็นนักเวทที่มีพรสวรรค์มากๆ และนางก็เป็นสตรีที่สวยและเพรียบพร้อมที่สุดคนหนึ่งในโลก สำหรับข้า คนที่เป็นนักเวทไม่ได้หมายความว่าเขาจะชั่วช้า ข้าไม่ตัดสินคนจากสถานะของเขาหรือนางหรอก แต่ข้าดูจากพฤติกรรมมากกว่า”

ว่าแล้วนางก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน “แน่นอน ข้าโกรธและเสียใจมากที่รู้ว่าเขาก็โกหกข้ามาตลอดเวลา แต่อย่างที่เจ้าพูด เจ้าไม่เคยคิดหาประโยชน์หรือคิดร้ายกับข้า กลับกัน เจ้าคอยช่วยเหลือข้าเสมอมา และเจ้าช่วยชีวิตข้าไว้ในคืนนี้ แบกข้าขึ้นหลังมาตลอดทาง”

“กระหม่อมคิดว่าพระองค์เป็นสหายของกระหม่อมมาตลอด แม้ว่าพระองค์จะเป็นเจ้าหญิงผู้ทรงเกียรติ แม้จะมีเรื่องโกหกระหว่างเรา” ลูเซียนเอ่ยปากอย่างจริงใจ

“ข้ารู้” นาตาซาพูดแล้วก็ส่ายหน้าเบาๆ “จริงๆ แล้ว ตอนที่ข้าได้ยินว่าเจ้าคือ ‘ศาสตราจารย์’ ที่ถูกหมายหัว ข้อมูลต่างๆ ก็ผุดขึ้นในหัวข้า… ข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าที่ข้าสงสัยมานาน แต่ปฏิเสธที่จะค้นหาความจริง แม้แต่ตอนที่บังเอิญเจอเจ้าก่อนหน้านี้ ตอนเราตกอยู่ในวงล้อม ข้าก็ค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าเจ้าเป็นนักเวท แต่ข้าก็ยังเชื่อว่าเจ้าจะอยู่ข้างข้าและสู้เพื่อข้า ข้าไม่เคยคิดว่าเจ้าคือ ‘ศาสตราจารย์’ ที่สังหารผู้พิทักษ์ราตรีไปมากมาย ข้าคิดว่าข้าไว้ใจเจ้ามากกว่าที่ข้ารู้เสียอีก”

“กระหม่อมฆ่าพวกเขา เพราะพวกนั้นจะฆ่ากระหม่อม” ลูเซียนสารภาพอย่างจริงใจ “กระหม่อมไม่เคยคิดฆ่าใคร ไม่เคย แต่อย่างที่กระหม่อมบอก กระหม่อมไม่มีทางเลือกอื่น”

ทั้งคู่ต่างนิ่งเงียบ

หลังจากผ่านไปสักพักใหญ่ นาตาซาถอนหายใจยาว

“เจ้ารู้ไหม?” นาตาซาเอ่ย “แม้ว่ามือของเจ้าจะเปื้อนเลือด ข้าก็ยังอยากเป็นสหายกับเจ้า”

ลูเซียนไม่รู้ว่าควรพูดตอบ

“ขอบใจที่เจ้าไม่เคยทำร้ายอัศวินข้าหลวงของข้า ไม่อย่างนั้น ข้าคงนับเจ้าเป็นสหายไม่ได้อีกต่อไป” นาตาซาเริ่มเดินเข้ามาหาลูเซียน “แต่เจ้าก็ไม่เคย ไม่เคยคิดร้ายกับข้า แล้วทำไมข้าก็ต้องสนใจพวกนั้น?”

นาตาซาส่งรอยยิ้มหวานหอม ราวกับว่านางไม่ขจัดความรู้สึกลบๆ ออกจากภาวะตกตะลึงแล้ว ตอนที่นางหยุดอยู่ตรงหน้าลูเซียน เจ้าหญิงเอ่ยปากถาม “ท่านศาสตราจารย์ นอกจากตัวตนของเจ้าแล้ว เจ้ามีเรื่องโกหกข้าอีกหรือไหม…? พูดมา… ประสบการณ์รักของเจ้า? ข้าคิดมาเสมอว่าเจ้าน่าจะโชกโชนไม่เบา”

“ไม่… กระหม่อมไม่เคยจริงๆ พะยะค่ะ” ลูเซียนหน้าแดงขึ้นมา

จากนั้น นาตาซาก็สืบเท้าถอยหลังก้าวสั้นๆ และเริ่มมองลูเซียนตั้งแต่หัวจรดเท้า “อันที่จริง เจ้าเป็นคนหน้าตาดีนะ เจ้าน่าจะงามมากทีเดียว ถ้าเจ้าเป็นผู้หญิง”

“อ่า?” ลูเซียนชักสับสน เขาไม่เคยตามการเปลี่ยนหัวข้อสนทนาของนาตาซาได้ทัน

“ข้าหมายถึง… เวทมนตร์เป็นสิ่งมหัศจรรย์และทรงพลัง แม้ว่าจะยาก แต่การเปลี่ยนเพศให้เจ้าอาจเป็นไปได้ ข้าเคยได้ยินว่าครั้งหนึ่ง ‘เจ้าแห่งเวทชั้นสูง’ สร้างสายคาดเอวที่ช่วยให้คนเปลี่ยนเพศได้ เผื่อบางทีเจ้าอยากจะลองดู?”

ลูเซียนกรอกตาและพูดด้วยน้ำเสียงขึงขัง “คงไม่มีทางพะยะค่ะ กระหม่อมเป็นผู้ชาย”

เมื่อเห็นว่าลูเซียนไม่ปลื้มกับมุกตลกของนาง มารยาทของนาตาซาก็ทำให้นางหยุดเรื่องนี้ไว้แค่นั้น ว่าแล้วนางก็พูดกับลูเซียนอย่างเคร่งเครียด “ข้ามีอะไรจะให้เจ้า”

นางถอดแหวนเก่าวงหนึ่งออกจากมือขวาและส่งให้ลูเซียน

“นี่คือ…” ลูเซียนรับแหวนมา

“เจ้าไม่รู้จักรางวัล ‘มงกุฎแห่งโฮล์ม’ หรือนี่?” นาตาซาเอ่ย “ดูเหมือนเจ้าไม่ได้รับการฝึกนักเวทแบบทางการตามคำสอนของที่ปรึกษาจากสภาเวทมนตร์สินะ ถ้าเจ้าเคยฝึก เจ้าต้องรู้จักแหวนวงนี้”

“ส่วนใหญ่กระหม่อมพึ่งพาตัวเอง… ตอนศึกษาเวทมนตร์ น่าเสียดายพะยะค่ะ” ลูเซียนตอบ

“อืม… อย่างที่บอกเจ้าไปท่านแม่เป็นนักเวทที่พรสวรรค์สูง แหวนวงนี้เป็นรางวัลที่นางได้รับจากการชนะ ‘มงกุฎแห่งโฮล์ม’ ตอนยี่สิบต้นๆ… น่าจะยี่สิบสาม” นาตาซาอธิบาย

หากพูดตรงๆ ลูเซียนรู้สึกว่าแหวนวงนี้เป็นเพียงแหวนที่ธรรมดามากซึ่งเหมือนแหวนเหล็กทั่วไปที่ใส่สำหรับการฝึกธนู

“ข้ารู้… มันดูธรรมดามากใช่ไหมล่ะ?” นาตาซามองแหวน เสียงของนางฟังดูนุ่มนวลขึ้น แล้วก็มีรอยยิ้มอ่อนโยนออกมา “แหวนวงนี้เป็นอุปกรณ์เวทมนตร์ระดับเจ็ดที่ทรงพลังมากในสมัยนั้น แต่ตอนนี้มันเสียหายและคงซ่อมไม่ได้แล้ว มันเคยถูกเรียกว่า ‘แหวนที่ดีที่สุดในทวีป’”

ลูเซียนหมุนแหวนดูรอบๆ เขาสังเกตว่ามีตัวหนังสือเล็กๆ สลักว่า ‘โม’ บนผิวของแหวน และมีตัวหนังสือสลักอยู่ภายในวงแหวนว่า ‘ปี 781 มงกุฎแห่งโฮล์ม แด่ เมอเรดิธ ฮอฟเฟนเบิร์ก’

‘รางวัล “มงกุฎแห่งโฮล์ม” เป็นรางวัลที่ก่อตั้งร่วมกันระหว่าง “สถาบันเวทมนตร์แห่งราชสำนักโฮล์ม” และองค์กรที่ชื่อว่า “เจตจำนงแห่งธาตุ” จากสภาเวทมนตร์ วัตถุประสงค์ของการก่อตั้งรางวัล “มงกุฎแห่งโฮล์ม” คือการยกย่องความทุ่มเทของนักเวทผู้ยิ่งใหญ่ทั้งชายและหญิงให้กับ “สำนักธาตุ”’

“มารดาของพระองค์ชนะรางวัลตอนอายุยี่สิบสามหรือพะยะค่ะ? นั่น… นั่นมันยอดเยี่ยมมาก” ลูเซียนถูตัวแหวนอย่างเบามือด้วยความเคารพ

“นางเป็นอัจฉริยะ!” นาตาซาเอ่ยปากด้วยความภาคภูมิใจ “นางได้รับรางวัลจากการค้นพบธาตุโลหะที่เบากว่าน้ำด้วยการเหนี่ยวนำของแม่เหล็กไฟฟ้าให้กับสาขาการศึกษาธาตุ นางตั้งชื่อธาตุโลหะว่า ‘โม’ และแหวนวงนี้ก็ได้ชื่อว่า ‘โม’”

“กระหม่อมไม่เคยรู้มาก่อนว่าพระองค์มีความรู้เรื่องโลกเวทมนตร์ลึกซึ้งถึงเพียงนี้” ลูเซียนเอ่ย “พระองค์ไม่เคยพูดถึงมาก่อน”

“เราอยู่ในอัลโต้ และข้าเป็นเจ้าหญิง ข้าคงไม่พูดถึงเรื่องนี้หรอก อีกอย่างนะ เรื่องที่ข้าเล่าไปก็ไม่ได้ลึกซึ้งอะไรเลย พอเจ้าไปถึงโฮล์ม เจ้าจะได้เห็นโลกที่แตกต่างไปสิ้นเชิง” นาตาซาพูด “ตั้งแต่ก่อตั้งรางวัลนี้ขึ้นมา ในระยะเวลาสองร้อยเจ็ดสิบปีที่ผ่านมา มีนักเวทชายและหญิงเพียงสี่คนเท่านั้นที่มีคุณสมบัติครบถ้วนจนได้รับรางวัล ข้าขอมอบแหวนวงนี้ให้กับเจ้าเป็นที่ระลึก และเป็นเครื่องพิสูจน์ตัวตนของเจ้าเมื่อไปถึงสภา”

……………………………………….