ตอนที่ 1050 ทำอย่างนั้นหมายความว่าอะไร

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

หลังจากจัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จสิ้น หลงเจี่ยอยู่ที่บ้าน กำลังเริ่มแต่งตัวด้วยชุดที่เป็นทางการ เธอกับลู่เช่อกำลังจะไปบ้านตระกูลลู่ และลู่เช่อเป็นเพียงที่พึ่งเดียวของเธอ

 

 

ทว่าต่อให้เธอจะมาจากครอบครัวที่ร่ำรวยและมีอำนาจหรือไม่แล้วมันจะสำคัญอะไรล่ะ

 

 

หากไร้ความรักจากสามีของเธอ ทุกอย่างล้วนไม่มีความหมาย

 

 

ดังนั้นเธอจึงต้องการเพียงแค่ลู่เช่อก็เพียงพอแล้ว

 

 

หลงเจี่ยอยู่ในชุดกระโปรงยาวสีเงินในขณะที่เธอยืนอยู่ต่อหน้ากระจก แม้ว่ารูปร่างของเธอจะไม่ได้สมบูรณ์แบบอย่างถังหนิง ท่าทางของเธอก็พอสูสีอย่างกับราชินีได้ หลังจากทำงานกับถังหนิงมานาน เธอเก็บเงินได้เล็กๆ น้อยๆ เธอจึงทุ่มทุนกับการปรากฏตัวเต็มที่

 

 

อย่างไรเสียหากเธอต้องการอยู่เคียงข้างถังหนิง เธอจำเป็นต้องดูดี!

 

 

หลังจากลูกสาวผล็อยหลับไป ลู่เช่อตรงเข้ามากอดหลงเจี่ยจากด้านหลัง เขาอยู่ในชุดสูทสีดำอย่างเคย ตั้งแต่เขาคอยติดตามโม่ถิง การใส่สูทเช่นนี้กลายเป็นสิ่งที่เป็นกิจวัตรของเขาไปแล้ว

 

 

“ลูกหลับแล้วเหรอคะ”

 

 

“ครับ หลังจากเราออกจากบ้าน คุณป้าชิวข้างบ้านจะมาดูแลเธอให้น่ะครับ ไม่ต้องเป็นห่วง” ลู่เช่อกระซิบข้างหูหลงเจี่ย

 

 

“ถ้าอย่างนั้น…ฉันพร้อมแล้ว เราไปกันเถอะค่ะ”

 

 

“เดี๋ยวก่อนครับ” เขาว่าขึ้นก่อนล้วงกล่องมาจากกระเป๋าเสื้อและเปิดต่อหน้าหลงเจี่ย แหวนเพชรวงงามวางอยู่ในกล่อง ทันทีที่หลงเจี่ยเห็นดังนั้นเธอถึงกับนิ่งค้างไป

 

 

“นี่คือ…”

 

 

“หลังจากเราแต่งงานกันมา ผมรู้สึกว่าไม่เคยซื้ออะไรให้คุณเลยน่ะครับ” ลู่เช่อหยิบแหวนออกมาก่อนค่อยๆ สวมลงบนนิ้วของเธอ “คืนนี้คุณอาจจะได้ยินเรื่องซุบซิบนินทาบ้าง แต่อย่ากลัวไปนะครับ ผมจะอยู่ตรงนี้กับคุณเอง…”

 

 

“ฉันเตรียมใจไปเจอกับคนตระกูลลู่แล้วล่ะค่ะ คุณคิดว่าฉันจะยอมแพ้ง่ายๆ เหรอคะ” หลงเจี่ยถาม เธอเข้าใจเรื่องวุ่นวายทั้งหมด ลู่เช่อเป็นคนที่เจ็บปวดมากที่สุด เขาเป็นคนกลางระหว่างภรรยากับแม่ของตัวเอง และยังถูกบังคับให้ต้องตัดสินใจทุกอย่าง เธอจะไม่ปวดใจแทนเขาได้อย่างไร

 

 

ลู่เช่อพยักหน้ารับและดึงมือของหลงเจี่ยให้คล้องแขนเขาไว้ จากนั้นจึงพาเธอตรงไปยังสมรภูมิรบ…

 

 

 

 

ด้วยหลงเจี่ยปรากฏตัวบนหน้าข่าวบันเทิงบ่อยๆ ในช่วงนี้ คุณนายลู่จึงรู้สึกอับอายต่อหน้าเพื่อนๆ และคนในครอบครัว

 

 

อย่างไรก็ตามเธอแสร้งทำเป็นครอบครัวที่ปรองดองกัน และไม่เคยนึกดูถูกชาติกำเนิดและหน้าที่การงานของหลงเจี่ย ถึงอย่างไรลูกชายของเธอเองก็อยู่ในวงการเดียวกัน เธอจึงทำเป็นยอมรับอีกฝ่ายแม้ว่าจะไม่เข้าใจหลงเจี่ยแต่อย่างใด หากแต่ตอนนี้ทั้งเพื่อนและคนในตระกูลต่างแอบพูดถึงหลงเจี่ย อคติที่มีจึงยิ่งทำให้เธอทนฟังไม่ได้…

 

 

โชคดีที่เธอยังมี หลานชาย คอยปลอบใจ

 

 

เห็นได้ชัดว่าเธอไม่อาจบอกใครได้ว่าเด็กคนนี้เกิดมาได้ยังไง เธอจึงเพียงบอกกับเพื่อนๆ และคนในครอบครัวว่าคนรักเก่าของลู่เช่อเป็นคนคลอดเด็กคนนี้มา

 

 

แต่ว่าคนเหล่านั้นก็ไม่ได้โง่ใช่ไหมล่ะ

 

 

หลงเจี่ยกับลู่เช่อแต่งงานกันมานานละเด็กคนนี้ก็มีอายุเพียงหนึ่งร้อยวัน จากคำพูดของคุณนายลู่ เธอกำลังบอกว่าลูกชายของตัวเองเป็นชายมักมากที่มีชู้ไม่ใช่หรือ

 

 

แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้พูดมันต่อหน้าคุณนายลู่ แต่แน่นอนว่าพวกเขาต้องเอาไปเยาะเย้ยลับหลังเธอ

 

 

มันเป็นสิ่งที่ทำให้คุณพ่อลู่ไม่พอใจ เขาจึงลากตัวคุณนายลู่มาในห้องห้องหนึ่ง “ผมไม่เคยเห็นแม่อย่างคุณมาก่อนเลย ลูกชายของเราเป็นคนดีและซื่อสัตย์ ภาพลักษณ์ของเขาเสื่อมเสียขนาดนั้นได้ยังไงกัน

 

 

“ผมบอกมานานแล้วว่าลู่เช่อกับเสี่ยวมั่นจะมีลูกคนที่สองหรือเปล่า หรือจะเป็นลูกชายหรือไม่มันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร คุณก็ยังเอาแต่ยึดติดอยู่นั่นแหละ ตอนนี้เด็กเกิดมาแล้ว คุณกลับตัดสินใจจัดงานครบรอบหนึ่งร้อยวันแทนที่จะเก็บเงียบอย่างที่คนอื่นเขาคงจะทำกัน ยังขายหน้าไม่พอหรือยังไง”

 

 

“ฮึ่ย!” คุณนายลู่ฮึดฮัดก่อนสวนกลับ “ตอนที่ฉันบอกลูกชายของเราให้มีลูกชาย คุณก็ไม่เข้าข้างฉันเลย พอฉันบอกให้เขาเลิกกับผู้หญิงคนนั้นซะ คุณก็ไม่เข้าข้างฉันอีก ตอนนี้พอเด็กเกิดมาแล้วและฉันก็แค่ต้องการให้หลานชายได้รับการยอมรับบ้าง คุณก็ยังไม่เข้าข้างฉันอยู่ดี ตกลงคุณเป็นสามีของใครกัน”

 

 

คุณพ่อลู่ได้ยินดังนั้นก็ถึงกับกุมขมับ “คุณนี่มันคุยไม่รู้เรื่องจริงๆ!”

 

 

“ไหนๆ เราก็มีหลานชายแล้ว ฉันก็ต้องทำให้เป็นเรื่องเป็นราวแล้วอยู่แล้ว จะปล่อยให้คนพูดถึงเขาลับหลังโดยที่เขาต้องหลบๆ ซ่อนๆ เหมือนกับหนูไม่ได้หรอกนะ เขาต้องถูกยอมรับอย่างเป็นกิจจะลักษณะสิ ฉันเลยไม่มีทางเลือกนอกจากบอกไปว่าลู่เช่อถูกบังคับให้เลิกกับแฟนเก่าเพราะนังนั่นเข้ามาเป็นมือที่สาม”

 

 

คุณพ่อลู่ถึงกับอึ้ง…

 

 

เขาไม่เข้าใจว่าครอบครัวของเขากลายมาเป็นแบบนี้ได้อย่างไรกัน

 

 

“อยากทำอะไรก็ตามใจเลย ผมจะไม่ยุ่งอีกแล้ว”

 

 

พูดจบเขาก็ก้าวปึงปังออกไป ทิ้งคุณนายลู่ที่ยิ้มเย้ยไว้ด้านหลัง “ทำอย่างนั้นหมายความว่าอะไรกัน เห็นๆ กันอยู่ว่าคุณเองก็มีความสุขที่ได้มีหลานชาย”

 

 

จากนั้นคุณนายลู่จึงจัดเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเองเล็กน้อยก่อนตามคุณพ่อลู่ออกมาจากห้องไปสมทบกับแขกเหรื่ออีกครั้ง…

 

 

ลู่เช่อนึกไม่ถึงว่าแม่ของตัวเองจะทำลายภาพลักษณ์ของเขาขนาดนี้ แม้ว่าท่าทีของเขาจะไม่ได้สะทกสะท้าน แต่หลงเจี่ยเข้าใจดีว่าการถูกคนในครอบครัวทำร้ายมันเจ็บปวดเพียงไหน

 

 

ในคืนนั้นบ้านตระกูลลู่ถูกตกแต่งอย่างหรูหรา แม้ว่าจะไม่ได้เชิญคนนอกและมีเพียงคนในตระกูลลู่ที่เข้าร่วมเท่านั้น ก็ยังเป็นตระกูลใหญ่ที่มีคนถึงสามสิบถึงสี่สิบคน ด้วยพวกเขาต่างต้องการชมการแสดง ทุกคนจึงค่อนข้างจับตามอง เมื่อได้มารวมตัวกันในที่เดียวแล้วมันคงเป็นฉากที่รุนแรงไม่น้อย

 

 

คุณพ่อลู่เป็นสมาชิกที่อาวุโสเป็นอันดับสามของตระกูล นอกจากเขาแล้วยังมีพี่ชายคนโตอีกสองคน แต่ลู่เช่อไม่ค่อยได้พูดถึงลุงเหล่านี้ ด้วยไม่ค่อยได้ติดต่อกันและเขาเองก็ไม่ชอบญาติที่เย่อหยิ่งพวกนี้ เขาจึงไม่เคยให้หลงเจี่ยได้เจอกับพวกเขา อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้ว่าโลกใบนี้นั้นทำให้หลงเจี่ยต้องลำบากอีกมาก

 

 

เพราะคุณนายลู่ไม่ได้วาดภาพที่สวยงามของเธอต่อหน้าเหล่าญาติขี้สงสัยพวกนี้…

 

 

ประกอบกับเรื่องที่หลงเจี่ยทำงานในวงการบันเทิง และมักปรากฏตัวบนหน้าข่าวอยู่บ่อยครั้ง ตระกูลลู่จึงยิ่งไม่ประทับใจในตัวเธอกว่าเดิม…

 

 

ทุกคนคิดว่าการที่ลู่เช่อคงเสียสติไปแล้วที่แต่งงานกับผู้หญิงเช่นนี้…

 

 

ทว่าในขณะที่ทุกอย่างดำเนินต่อไป ลู่เช่อกับหลงเจี่ยกำลังเดินทางมาถึง…

 

 

“ญาติของคุณทุกคนกำลังจะไปรวมตัวกันที่นั่น แต่ฉันยังไม่เคยเจอพวกเขาอย่างเป็นทางการสักครั้ง ถึงเราจะแต่งงานกันอย่างถูกต้องตามกฎหมายมานานแล้วก็เถอะ”

 

 

ทั้งคู่แต่งงานกันอย่างเงียบๆ และไม่แม้แต่จัดพิธีใหญ่โตด้วยซ้ำ จากนั้นก็ลำบากกับการมีลูกมานาน ก่อนที่ในที่สุดจะให้กำเนิดลูกสาวออกมา!

 

 

แม้แต่ลู่เช่อยังไม่รู้ว่าชนวนของคุณนายลู่กับคุณพ่อลู่ได้ถูกจุดขึ้นตั้งแต่ครั้งที่เขาประกาศแต่งงานแล้ว!

 

 

พวกเขาไม่คิดจะแนะนำลูกสะใภ้ให้กับมิตรสหายและคนในครอบครัวแม้แต่น้อย

 

 

หลังจากที่เธอคลอดลูกสาวมาคุณนายลู่จึงยิ่งเกลียดขี้หน้าเธอมากขึ้น!