ภาค 2 ไร้เทียมทานเย้ยยุทธจักร บทที่ 374 ไร้เทียมทาน

จอมศาสตราพลิกดารา

“คุกเข่า ขอขมา”

รอบกายหลี่มู่ตลบอบอวลไปด้วยไฟแท้แห่งเต๋า ตบไปหนึ่งฉาดที่หน้าของอิ้งซานเสวี่ยอิง เปลวไฟสีแดงแทรกเข้าไปในร่างกายเขา ราวกับกองทัพข้าศึกที่บุกเข้ามาและยากจะต้านทาน ก่อนอาละวาดทำลาย

ร่างของอิ้งซานเสวี่ยอิงสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง

ความรู้สึกที่โดนไฟแท้เต๋าแผดเผา ไม่เพียงมีผลกับกายเนื้อ แต่ยังตรงเข้าไปถึงจิตวิญญาณของคน ความเจ็บปวดเช่นนั้นเป็นดั่งโทษทัณฑ์ที่ไร้ใดเปรียบในโลกหล้านี้

“เจ้า…ข้าเป็นถึง…เทวะ เจ้า…ไม่ควรมาดูหมิ่นข้าเช่นนี้” อิ้งซานเสวี่ยอิงตัวสั่นเทา ชักกระตุก พลางพูดออกมาด้วยความโกรธ

“เทวะ?” หลี่มู่หัวเราะเย็นชา “เหอะๆ เจ้าในสายตาข้าเป็นแค่สุนัขยังไม่ได้เลย ไม่ ไม่ถูก ข้าพูดเช่นนี้ยังถือว่าลบหลู่สุนัขเสียด้วยซ้ำ”

“เจ้า…” อิ้งซานเสวี่ยอิงตัวสั่น

หลี่มู่หันกลับไปมองพวกองค์รัชทายาท เอ่ยขึ้นว่า “อะไรกัน? ต้องให้ข้าช่วยพวกเจ้าอีกหรือ? มานี่ คุกเข่าลง ขอขมาเสีย”

พวกองค์รัชทายาทหน้าถอดสี

“ข้าเป็นถึงรัชทายาทแห่งจักรวรรดิ คุกเข่าต่อจักรพรรดิและราชินีเท่านั้น ทำไมต้องคุกเขาต่อหน้าขุนนางสองคนด้วย” รัชทายาทถึงแม้ในใจจะหวาดกลัวเหลือคณา แต่ตอนนี้ยังแสดงออกถึงความหยิ่งในศักดิ์ศรีอยู่

สามีภรรยาหนิงจิ้งเป็นลูกชายและสะใภ้ของหนิงหรูซานขุนพลใหญ่แห่งเมืองฉางอัน ซึ่งเป็นขุนนางแห่งฉินตะวันตกอย่างแท้จริง คำพูดนี้ของเขาไม่ผิดอะไรเลย

หลี่มู่กล่าวต่อ “เจ้าก็รู้ว่าพวกเขาเป็นขุนนางของเจ้า? เจ้าจับตัวพวกเขามาเป็นตัวประกัน สังหารตามใจชอบ ข้าคิดว่าเจ้าเห็นพวกเขาเป็นโจรรุกรานฉินตะวันตกเสียอีก”

องค์รัชทายาทนิ่งเงียบไร้คำพูด

เพื่อที่จะบีบให้หลี่มู่ออกมา อิ้งซานเสวี่ยอิงไม่เลือกวิธีการจึงใช้อุบายโฉดเช่นนี้ ทว่าคนที่ดำเนินการก็เป็นเขาจริงๆ เป็นเขาที่สั่งให้คนไปจับตัวสามีภรรยาหนิงจิ้ง ไป๋เซวียน รวมถึงพวกของเหลยอินอินมา

“ข้าจะให้โอกาสสุดท้ายกับพวกเจ้า มาคุกเข่าเสีย” หลี่มู่เหยียบเท้าข้างหนึ่งบนหน้าอิ้งซานเสวี่ยอิง เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเคร่งขรึมเย็นชา

เหยียนหรูอวิ๋นแขนสั่น ตะโกนขึ้นว่า “องค์รัชทายาทจะอับอายมิได้ พวกเราบุกพร้อมกัน สังหารมัน มันทำศึกใหญ่กับอิ้งซานกงกงมาจนพลังลดแล้ว ตอนนี้จะต้องเหมือนลูกธนูแผ่วปลายเป็นแน่”

เมื่อเขากระตุ้นเช่นนี้ ผู้แข็งแกร่งกลุ่มก้งเฟิ่งสิบกว่านายก็โคจรพลังปราณบุกเข้าไป ทั้งหมดเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นเหนือมนุษย์ พลังไม่ธรรมดา แสงจากกลวิชาและอาวุธต่างๆ ถาโถมเข้ามาตั้งแต่คนยังมาไม่ถึง

มุมปากหลี่มู่ยกขึ้นเป็นเส้นโค้ง “ไม่รู้จักกลัวตาย”

เขาใช้มือเป็นดาบ สะบัดไปครั้งหนึ่ง

คมดาบฟันเป็นเส้นโค้งออกไป

หนึ่งดาบทลายสรรพสิ่ง

ภายใต้คมดาบ แสงจากวิชาและอาวุธทั้งหมด…ทั้งหมดของทั้งหมดล้วนถูกดาบตัดจนไม่เหลือ และสิ่งที่ถูกตัดในเวลาเดียวกันยังมีผู้แข็งแกร่งกลุ่มก้งเฟิ่งด้านหลัง ร่างแข็งอยู่บนดาดฟ้าเรือ บนอากาศ ก่อนจะสลายกลายเป็นฝุ่นไปท่ามกลางเสียงเหมือนฟองสบู่แตกเป็นชุด

เหยียนหรูอวิ๋นและรัชทายาทตื่นตระหนกตกใจ

ผู้แข็งแกร่งจากสำนักใหญ่อื่นๆ ที่เหลืออยู่และกลุ่มก้งเฟิ่งของราชวงศ์หน้าเขียวคล้ำไปหมด

นี่เรียกธนูแผ่วปลายหรือ?

เมื่อครู่เจ้าเหยียนหรูอวิ๋นตะโกนขึ้นมา แล้วทำไมตัวเองไม่ยอมบุกด้วย?

หลี่มู่ยกแขนขึ้นช้าๆ ดาบมือทำท่าจะฟาดลงมาอีก “ในเมื่อไม่ยอมคุกเข่า ก็ตายเสียให้หมดแล้วกัน”

แสงดาบมาอีกสาย

ผู้แข็งแกร่งของฉินตะวันตกฝั่งตรงข้ามต้านทานสุดกำลัง แต่ยังคงบาดเจ็บล้มตายอย่างหนัก

“องค์รัชทายาทรีบหนีไปพ่ะย่ะค่ะ” เหยียนหรูอวิ๋นตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว กวัดแกว่งกระบี่ยาวพุ่งไปหาหลี่มู่ เขาเรียกอินทรีทองซึ่งตนชอบขี่มากที่สุดมารับตัวรัชทายาท หมายจะให้หนีไป

ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ เขาที่เป็นเพื่อนร่วมเรียนของรัชทายาทและผู้บังคับบัญชากองทหารรักษาวังกองหนึ่งยังแสดงถึงความมีศักดิ์ศรีให้เห็น ไม่ได้หนีไปเพราะรักตัวกลัวตาย

“คนนี้แหละที่สังหารสามีภรรยาหนิงจิ้ง…” ไป๋เซวียนเอ่ยขึ้นมา

หลี่มู่แววตาเย็นเฉียบทันที

จากนั้นจึงยกมือขึ้น พลังสูบอากาศที่น่ากลัวขุมหนึ่งรัดตัวเหยียนหรูอวิ๋นที่กำลังพุ่งเข้ามาไว้ พลังกึ่งโปร่งแสงบีบรัดคอหอยเขา เหยียนหรูอวิ๋นหน้าแดงเถือก สองมือกุมคอของตนเอง ดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง แต่กลับไม่อาจสลัดหลุดได้

หลี่มู่ค่อยๆ ลากเขากลับมา

“ข้า…” เหยียนหรูอวิ๋นตื่นตกใจ สิ่งแรกที่รู้สึกได้คือกลิ่นอายแห่งความตายอยู่ใกล้ตัวถึงเพียงนี้

“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ไปขอขมาพวกเขาสองคนที่ยมโลกเลยแล้วกัน” เปลวไฟลุกโชนขึ้นมาจากฝ่ามือของหลี่มู่ เพียงพริบตาก็กลืนร่างของเหยียนหรูอวิ๋นจนมิด

“อ๊าก…” เสียงร้องเหมือนหมูถูกเชือดของเหยียนหรูอวิ๋นดังขึ้น ไฟแท้เต๋าสีแดงพวยพุ่งออกจากปากจมูก ดวงตา และใบหู เผาไหม้ร่างกายและวิญญาณของเขา

ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเพียงผู้แข็งแกร่งขั้นเหนือมนุษย์ ไม่เหมือนอิ้งซานเสวี่ยอิงขั้นมหาเทวะที่สามารถฝึกฝนกฎแห่งเต๋าแฝงไว้ในร่างตน จะต้านทานไฟแท้เต๋าได้อย่างไร ท่ามกลางความเจ็บปวดเหลือคณนาและความสำนึกเสียใจ ฆาตกรที่สังหารหนิงจิ้ง ดาวเด่นแห่งกองทัพที่มีอนาคตไกลในจักรวรรดิผู้นี้สลายกลายเป็นฝุ่นผงปลิวลอยไปตามลม

เขาคงไม่คิดไม่ฝันว่าตนเองจะถูกสังหารเพียงเพราะการตายของลูกอนุขุนพลเล็กจ้อยคนหนึ่ง

เวลาเดียวกัน รัชทายาทที่ขี่อินทรีทองบินทะลุชั้นเมฆ เพิ่งจะถอนใจโล่งอก บนยอดเขาที่โผล่พ้นชั้นเมฆยอดหนึ่งก็มีวานรภูเขาขนทองสูงราวหนึ่งจั้งตัวหนึ่งกระโดดออกมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย แล้วควงกระบองยาวสีทองฟาดเข้าอย่างจังที่หัวของอินทรีทอง

รัชทายาทร้องตกใจ คำรามลั่น ก่อนชักกระบี่ยาวข้างเอว ฟาดฟัดคมกระบี่ออกไปสายหนึ่ง

เขาเป็นถึงผู้ที่ถูกเพาะบ่มมาอย่างดีจากราชวงศ์ฉินตะวันตก พลังฝึกวรยุทธ์ย่อมไม่อ่อนด้อย เป็นผู้แข็งแกร่งขั้นเหนือมนุษย์คนหนึ่งเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ภายใต้การถูกจู่โจมอย่างกะทันหัน ถึงแม้จะตกใจ แต่ก็สามารถโต้กลับได้รวดเร็วยิ่ง

ใครจะรู้ ร่างวานรขนทองตัวนั้นวูบไหวเปลี่ยนแปลง จากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสาม เพียงพริบตาก็กลายเป็นฝูงวานรแน่นเต็มท้องฟ้า พุ่งตรงเข้ามาดุจรังวานรทั้งรังโถมเข้าใส่

ท่ากระบี่ของรัชทายาทดุจสายฟ้า ฟันออกไปอย่างฉับไว

ไม่รู้ว่าฟันทำลายวานรไปกี่ตัว

แต่ขณะที่เขาถอนหายใจโล่งอก จู่ๆ กลางกระหม่อมก็ถูกฟาดอย่างแรงด้วยกระบอง ประกายไฟปลิวว่อนทันใด

รัชทายาทรู้สึกเพียงว่าเหมือนถูกค้อนทุบประตูเมืองตีเข้าใส่ ดาวลอยว่อนอยู่ตรงหน้า น้ำลายฟูมปาก ร่างเอนไหวอยู่กลางอากาศ ตาดำเหลือกขึ้น จากนั้นมือไม้อ่อนร่วงลงมาด้านล่าง…

วานรลับๆ ล่อๆ ตัวหนึ่งปรากฏตัวขึ้นด้านหลัง เหยียดยิ้มหัวเราะ ก่อนจะหิ้วองค์รัชทายาทที่สลบเหมือดกระโดดไปยังภูเขาฝั่งตรงข้าม ขึ้นๆ ลงๆ อีกไม่กี่ครั้งก็มาถึงเรือวาฬทะยานฟ้า

หลี่มู่พยักหน้าให้เจ้าวานร

ตอนแรกกระทั่งหลี่มู่ยังถูกเจ้านี่แอบเข้ามาฟาด เกือบจะเสร็จมันแล้ว นับประสาอะไรกับองค์ชายราชนิกุลที่มีฝีมือแต่ไม่มีประสบการณ์การรบอะไรเลย?

“เจ้า…โฮ่ๆ…สังหารข้าเสียเลยสิ…” อิ้งซานเสวี่ยอิงร่างสั่นกระตุก ไฟแท้เต๋าแทรกซึมเข้าไปในกระดูกและแขนขาหมดแล้ว ความเจ็บปวดที่ยากจะบรรยายแผดเผาอวัยวะภายในทั้งห้าของเขาพร้อมกัน

หลี่มู่จับศีรษะของเขาขึ้นมา กดลงไปด้านหน้าร่างของสามีภรรยาหนิงจิ้ง กดลงแรงจนกระแทกทะลุพื้นดาดฟ้าเรือ…

ตึง!

“โขกศีรษะ ขอขมา!”

หลี่มู่กดศีรษะของอิ้งซานเสวี่ยอิงไว้ กระแทกลงไปบนดาดฟ้าเรือครั้งแล้วครั้งเล่า

“เจ้า…จะมา..ลบหลู่ข้าไม่ได้…” อิ้งซานเสวี่ยอิงหมดแรงจะดิ้นรน

หลี่มู่กล่าว “ถ้าหากลบหลู่เจ้าแล้วสามารถฟื้นชีวิตพวกเขากลับมาได้ ข้าจะทำให้เจ้าเข้าใจว่าอะไรคือการลบหลู่ที่แท้จริง ตอนนี้ที่ข้าทำก็แค่ให้เจ้าขอขมากับพฤติกรรมต่ำช้าของตนเท่านั้น”

เสียงยังไม่ทันขาด

บนฝ่ามือของหลี่มู่ ไฟแท้เต๋าปะทุขึ้นมา ห่อหุ้มร่างของอิ้งซานเสวี่ยอิงเอาไว้แล้วเผาไหม้หลอมเหลวอย่างบ้าคลั่ง

เมื่อรับรู้ถึงการมาเยือนของความตาย อิ้งซานเสวี่ยอิงพลันดิ้นรนสุดชีวิต เอ่ยว่า “ไม่ หลี่มู่ หยุดนะ เจ้าฟังข้าพูดก่อน ระหว่างพวกเรายังมีหนทางประนีประนอมอยู่บ้าง อย่าสังหารข้า…”

จู่ๆ เขาก็เกิดกลัวตายขึ้นมา

มีชีวิตอยู่มานานเท่าไร ก็ยิ่งอยากอยู่ต่อไปมากขึ้นเท่านั้น

สังหารคนมามากเพียงใด ก็ยิ่งเข้าใจความน่ากลัวของความตายมากเพียงนั้น

อายุที่แท้จริงของอิ้งซานเสวี่ยอิงคือพันกว่าปีแล้ว เขาสังหารคนก็เพื่อดูดกลืนแก่นเลือดมายืดอายุขัยของตนเอง ห้าร้อยกว่าปีที่ผ่านมา เขาอยู่ในสภาพกึ่งจำศีล อาศัยเลือดของคนรักษาชีวิตไว้ เขาเมินเฉยต่อทุกสิ่ง คิดแต่เพียงจะให้ตนเองมีชีวิตต่อไปให้ได้

หลังจากเผยความตะลึงเล็กน้อยบนใบหน้า หลี่มู่ก็หัวเราะเสียงเย็นอย่างอดไม่ได้ “เจ้าก็กลัวตายเหมือนกันหรือ?”

“มนุษย์ผู้ใดบ้างไม่กลัวตาย?” อิ้งซานเสวี่ยอิงที่พยายามดิ้นรน ตอนนี้กลับโยนศักดิ์ศรีแห่งขั้นเทวะทิ้งไปจนหมดสิ้น เอ่ยต่อว่า “ข้าเพิ่งจะมองเห็นความหวังของชีวิตนิรันดร์ มองเห็นความหวังที่จะก้าวออกไปยังทางช้างเผือก ข้าตายไม่ได้…”

“เจ้ามันสมควรตาย” หลี่มู่พูดย้อนอย่างไร้เยื่อใย

อิ้งซานเสวี่ยอิงกล่าวต่อ “แค่เพราะมดปลวกไม่กี่คนนั่นน่ะหรือ? เอาเช่นนี้ดีกว่า หลี่มู่ พวกเรามาแลกเปลี่ยนกันถ้าเจ้าไว้ชีวิตข้า ข้าจะยอมถ่ายทอดความลับของเทพปีศาจนอกพิภพและแก่นแท้ของชีวิตนิรันดร์ให้กับเจ้า ด้วยพลังฝึกของเจ้าในตอนนี้ เจ้าจะอยู่ไปถึงหมื่นปีแน่นอน สามารถออกไปยังทางช้างเผือกได้…ข้ายังให้ท่านเซียนมอบความผาสุกแก่เจ้าได้ด้วย…”

“คำพูดไร้สาระเยอะจริง” หลี่มู่คว้าผมของอิ้งซานเสวี่ยอิง ดึงเขาขึ้นมา ให้มองร่างไร้วิญญาณของสามีภรรยาหนิงจิ้ง ให้มองร่างไร้วิญญาณของคนบริสุทธิ์จากตรอกไล่หมูที่เขาสั่งให้สังหารทิ้ง ให้มองไปยังศพแห้งกรังหลายหมื่นของกองทหารรักษาวังด้านล่าง “เห็นหรือยัง? คนเหล่านี้ไม่มีใครที่อยากตาย แต่เจ้าสังหารพวกเขา แล้วเจ้าไม่อยากตาย ทำไมข้าจึงต้องไว้ชีวิต? ความลับของชีวิตนิรันดร์ ข้ามี วิถีแห่งทางช้างเผือก ข้าก็เหยียบมันมาเอง ส่วนเจ้า…ตอนนี้ก็ไปซะ ไปขอขมาลาโทษ”

พูดจบ ไฟจักรพรรดิสีเหลืองส้มถูกกรอกลงไปในศีรษะของอิ้งซานเสวี่ยอิง

“อ๊าก เจ้าจะต้องเสียใจภายหลัง ท่านเซียนลงมาเยือนแล้ว แผ่นดินใหญ่นี้จะเป็นเหมือนสวนดอกไม้ของท่านเซียน…ใต้เท้า ล้างแค้นให้ข้าด้วย….อ๊ากๆ ข้าไม่ยอม ข้าไม่อยากตาย อ๊า….” เขากรีดร้องเสียงแหลมลากยาว

ท้ายที่สุด อิ้งซานเสวี่ยอิงถูกไฟจักรพรรดิแผดเผากฎแห่งเต๋าในร่างจนหมด และหลอมละลายวิญญาณกับพลังชั่วร้ายสีดำนั้นไปด้วย

เทพสังหาร ‘ดาบจักรพรรดิ’ ดับสูญลงไปเช่นนี้

หลี่มู่มองอย่างตกใจ วิญญาณของอิ้งซานเสวี่ยอิงเปลี่ยนรูปแล้ว ถูกพลังชั่วร้ายกัดกร่อนจนหมด กลายเป็นก้อนสีดำก้อนหนึ่ง จิตสำนึกหายสิ้น สามจิตเจ็ดวิญญาณของเขาราวกับเป็นกลุ่มสารอาหาร ด้านในมีคนตัวเล็กสีดำก่อตัวอยู่ ดูคล้ายกับตอนที่หวงเซิ่งอี้ตายวันนั้น แต่วิญญาณของหวงเซิ่งอี้ยังไม่ถูกกัดกร่อนจนน่ากลัวถึงเพียงนี้

คนตัวเล็กสีดำนั่นก็เหมือนรู้สึกได้ถึงความตายที่ใกล้เข้ามา ดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง เปล่งเสียงคำรามพลางตรงมาทางหลี่มู่ แต่สุดท้ายก็ถูกไฟจักรพรรดิสีส้มเหลืองดูดกลืน หลอมละลายกลายเป็นเถ้าธุลีไป

ก่อนที่คนตัวเล็กจะตาย เสียงกรีดร้องแหลมทำเอาคนหวาดผวา

ท้ายที่สุด ศึกใหญ่ก็ปิดฉากลง

อิ้งซานเสวี่ยอิงกลายเป็นฝุ่นดำกลุ่มหนึ่ง

หลี่มู่เดินออกไป ลากรัชทายาทที่กำลังสลบเหมือดเข้ามา ทำให้ตื่นก่อนเอ่ยว่า “ตาเจ้าแล้ว…”

……………………………………….….