ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 1373 – เตรียมตัวมุ่งหน้าสู่เมืองหลวงของมหาทวีป พิณ(กู่ฉิน) 5 สาย

 

ชิงสุ่ยตั้งหน้าตั้งตาฝึกฝนทักษะร้อยปักษาบูชาหงส์และใช้เวลาว่างในขณะพักเพื่อสร้างพิณ(กู่ฉิน) เมื่อทุกอย่างก่อรูปก่อร่าง ชิงสุ่ยยิ่งรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งเครื่องมือแต่ละอย่างของเขานั้นราวกับว่าถูกตั้งค่ามาเพื่อชิงสุ่ยโดยเฉพาะ มันเต็มไปด้วยความโบราณและอัดแน่นไปด้วยความสง่างาม

 

ชิงสุ่ยไม่รู้จักเกี่ยวกับพิณมากนักและไม่เคยใช้มันมาก่อนตอนที่เขามีชีวิตอยู่ในโลกก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามพิณ(กู่ฉิน)ก็ถูกแบ่งแยกออกเป็น 2 ชนิดคือชนิด 5 สายและ 7 สายซึ่งมีความยาว 1 เมตรและกว้าง 1 ฟุต

 

แม้ว่าพวกมันจะดูไม่ซับซ้อนแต่กลับเต็มไปด้วยความสวยงามและสง่างาม ถึงตัวชิงสุ่ยจะไม่ค่อยมีความสนใจทางด้านดนตรีก็ตามแต่ทันทีที่เขาเห็นพิณ(กู่ฉิน) มันกลับทำให้เขารู้สึกว่าเขาควรจะเล่นมันและควรจะพัฒนาความสามารถของเขาให้ดีขึ้นอีกด้วย

 

สำหรับสายพิณ(กู่ฉิน)ทำมาจากเส้นไหมของหนอนไหมหิมะซึ่งแน่นอนว่าแต่ละเส้นจะต้องถักทอจากเส้นไหมจำนวนมาก เขาได้เลี้ยงหนอนไหมหิมะไว้ไม่มากแต่มันก็เพียงพอสำหรับการที่เขาจะสร้างพิณโบราณ(กู่ฉิน) เขาทำทุกขั้นตอนอย่างระมัดระวังและละเอียดอ่อนเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดแม้แต่น้อย จนทำให้พิณ(กู่ฉิน)มีความแข็งแรงและยังคงมีน้ำหนักเบา

 

ชิงสุ่ยยังคงทำเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งเขาถูกขับออกจากดินแดนหยกยุพราชอมตะ แต่อย่างน้อยเขาก็ทำพิณ(กู่ฉิน) 5 สายสำเร็จและเคยชินกับทักษะร้อยปักษาบูชาหงส์ แต่มันก็น่าสงสารที่เขาก็ยังคงไม่อาจบรรลุในทักษะนั้นได้

 

ทักษะการจักรพรรดิของชิงสุ่ยเป็นทักษะที่เรียกได้ว่าเป็นมรดกและไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถถ่ายทอดให้กับผู้อื่นได้ ซึ่งแตกต่างจากทักษะร้อยปักษาบูชาหงส์ซึ่งเขาสามารถถ่ายทอดสู่ผู้อื่นได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับตัวของคนอื่นเช่นกันว่าจะสามารถรับมันได้หรือไม่ เพราะทักษะนี้เป็นประโยชน์ยิ่งและเป็นทักษะที่ใช้ในการควบคุมผู้อื่น

 

ถึงแม้ว่าตัวของชิงสุ่ยจะมีหลักฐานที่ยอดเยี่ยมแต่เขาก็ต้องใช้เวลากว่า 3 เดือนภายในดินแดนหยกยุพราชอมตะเพื่อเรียนรู้ แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จซึ่งเขาคาดคะเนไว้ว่าเขาจำเป็นต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 2 วัน ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับผู้อื่นแล้วอาจต้องใช้เวลามากกว่า 1 ปี

 

หลังจากถูกขับออกจากดินแดนห้วงมิติ ชิงสุ่ยก็เริ่มต้องการที่จะหาคนมาเพื่อทดสอบทักษะเพลงร่ำร้องจู่โจม ซึ่งคนที่เหมาะสมที่สุดก็คงจะเป็นอี่หวงกู่หวู่ เขานำพิณ(กู่ฉิน) 5 สายออกมาแล้วถ่ายทอดวิธีการฝึกฝนรวมถึงทักษะร้อยปักษาบูชาหงส์ให้กับเธอ

 

อี่หวงกู่หวู่ถึงกับงุนงงและรู้สึกแปลกใจ เธอไม่เข้าใจความคิดของชิงสุ่ยว่าทำไมถึงมอบพิณ(กู่ฉิน)ให้กับเธอ หรือว่าเขาต้องการให้เธอฝึกฝนการเล่นพิณ(กู่ฉิน)?

 

หรืออาจจะเป็นเพราะเธอยังคงฝึกฝนไม่มากพอ?

 

ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะคิดมากเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อเธอได้เห็นทักษะวิทยายุทธดวงตาของเธอก็ทอแสงเป็นประกายพร้อมกับยิ้มและกล่าวว่า “ข้าสามารถใช้มันฝึกฝนร่วมกับน้องสาวสู่ได้หรือไม่?”

 

“ย่อมได้อย่างแน่นอน แต่สำหรับทักษะร้อยปักษาบูชาหงส์ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสามารถฝึกฝนได้และมันยังจำเป็นต้องใช้ทักษะในการฝึกฝนค่อนข้างสูง และถ้าหากไม่ถึงเกณฑ์กำหนด ต่อให้พยายามเรียนรู้มันมากเท่าไหร่ทุกอย่างก็ไร้ประโยชน์”ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าว

 

“ข้ารู้ดีว่าทักษะที่น่าหลงใหลนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเรียนรู้ และข้าเองก็คิดว่ามันคงไม่ง่ายนักที่ข้าจะเรียนรู้เหมือนได้ เพียงแค่ข้าต้องการหาคนที่จะฝึกซ้อมกับข้าด้วยและคนที่คาดคิดไว้ก็คือน้องสาวสู่ อย่างน้อยที่สุดในอนาคตถ้าหากข้าได้เล่นพิณ(กู่ฉิน) น้องสาวสู่อาจจะกลายเป็นหญิงสาวผู้ร่ายรำที่แสนงดงาม” อี่หวงกู่หวู่ยิ้มและกล่าว

 

ชิงสุ่ยเกือบจะสำลักในขณะที่มองการแสดงออกทางสีหน้าของอี่หวงกู่หวู๋ จากนั้นเขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะ

 

ทันใดนั้น 3 วันก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว  ซึ่งในวันนี้เทียนฮี่ เรินโม่ก็เลยมาหาเขาหลังจากที่ไม่ได้เจอกันครั้งก่อน ทันทีที่เขาเห็นชิงสุ่ยเขาก็รู้ทันทีว่าตอนนี้เขาไม่อาจมองทะลุความสามารถของชิงสุ่ยได้แล้ว

 

“เจ้าสามารถทะลวงผ่านได้แล้วหรือ?”เทียนฮี่ เรินโม่ถามด้วยความตกตะลึง

 

“ดูเหมือนโชคของข้านั้นจะดีมากพอที่จะทำให้ข้าประสบความสำเร็จ”

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยค่อนข้างมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเทียนฮี่ เรินโม่ ทุกอย่างที่เทียนฮี่ เรินโม่นั้นล้วนแล้วแต่มาจากชิงสุ่ย ซึ่งแน่นอนว่าไม่ว่าชิงสุ่ยจะถามอะไรเขาเขาก็ต้องตอบด้วยความยินดีทันทีและอาจกล่าวได้ว่าชิงสุ่ยคือผู้มีพระคุณของเขา

 

“การที่ท่านมาหาข้าอย่างเร่งด่วนเช่นนี้ มีอะไรเกิดขึ้นงั้นหรือ?”ชิงสุ่ยเชิญเทียนฮี่ เรินโม่ให้นั่งลง

 

“ข้ารู้ว่าน้องชายกำลังจะมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงของมหาทวีป แต่ข้าไม่แน่ใจว่าเจ้าจะมุ่งหน้าไปเมื่อไหร่ ข้าหวังเพียงว่าข้าอยากจะไปที่นั่นพร้อมกับเจ้า”เทียนฮี่ เรินโม่กล่าวในสิ่งที่เขาคิด

 

ในช่วงนี้ทั้งสองคนค่อนข้างติดต่อกันบ่อยและชิงสุ่ยก็เคยกล่าวแล้วว่าเขากำลังจะมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงของมหาทวีป ในตอนนี้ชิงสุ่ยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลเทียนฮี่ เนื่องจากเขาได้รู้จักกับเทียนฮี่ เรินโม่รวมถึงผู้หลักผู้ใหญ่ในตระกูล

 

“ข้าคิดว่าข้าจะออกเดินทางในเดือนหน้า ในเดือนนี้ถ้ามีบางอย่างที่ต้องทำและมันทำให้ข้าไปจากที่นี่ไม่ง่ายนัก”

 

ชิงสุ่ยไม่ได้วางแผนจะพาอี่หวงกู่หวู๋ไปกับเขาเพราะหอคอยจักรพรรดิยังจำเป็นต้องมีเธออยู่ อีกทั้งเขายังต้องกลับไปยังมหาทวีปธรรมไตรเพื่อบอกให้ตระกูลของเขาได้รับรู้ว่าในอนาคตการกลับมาของเขาอาจจะไม่เหมือนเดิม

 

“เอาล่ะ ไว้เดือนหน้าข้าจะมาหาเจ้าใหม่”เทียนฮี่ เรินโม่ เป็นคนพูดน้อยเขาจึงพูดเพียงแค่ไม่กี่ประโยคเท่านั้น

 

“ไว้เมื่อถึงเวลาเดี๋ยวข้าจะไปหาพี่ใหญ่เอง ท่านรออยู่ที่นั่นเลยเลย” ชิงสุ่ยกล่าวโดยตรง

 

“ยอดเยี่ยม ถ้าเช่นนั้นข้าจะรอเจ้าอยู่ที่บ้าน”

 

……………………………….

 

“ว่าแต่ชิงสุ่ย ทำไมเจ้าถึงไม่ย้ายหอคอยจักรพรรดิไปอยู่ในเมืองหลวงของมาทวีปแห่งนี้ล่ะ?”เมื่ออี่ห่วงกู่หวู๋ได้ฟังคำบอกเล่าจากชิงสุ่ยสีหน้าของเธอก็แปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

 

“ทำไมหรือ? หรือว่าเจ้าทนอยู่ห่างจากข้าไม่ได้”ชิงสุ่ยยิ้ม  เขาเองก็เคยคิดเรื่องเหล่านี้แล้ว หอคอยจักรพรรดิคือสิ่งที่สร้างชื่อเสียงให้กับเมืองอี่หวง ถ้าหากสถานที่แห่งนี้จะต้องถูกย้ายออกไปคนจำนวนมากก็ย่อมไม่ยอมรับเรื่องนี้อย่างแน่นอนและมันอาจจะทำให้เกิดคำพูดติฉินนินทามากมายตามมา

 

ชิงสุ่ยไม่ได้กลัวเรื่องเหล่านี้เลยมันก็เป็นเพียงแค่น้ำสกปรกที่กำลังไหลลงท่อระบายน้ำ แต่เพื่อเป็นการตัดปัญหาชิงสุ่ยจึงคิดที่จะสร้างสาขาขึ้นใหม่ในเมืองหลวงของมหาทวีป แต่มันก็เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าสาขาไหนควรจะเป็นสาขาหลัก

 

“ถูกต้อง ข้าไม่อาจทนอยู่ห่างจากเจ้าได้ เจ้าพอใจหรือยัง?”อี่หวงกู่หวู่กล่าวด้วยความโกรธ

 

“ข้าขอให้พี่ใหญ่และ เหยาชูบิงอยู่ที่นี่ส่วนข้าจะพาพี่สาวสู่ไปยังเมืองหลวงของมหาทวีปพร้อมกับพวกเราและจัดตั้งหอคอยจักรพรรดิขึ้นอีกสักทีแต่ไม่รู้ว่าที่ไหน”ชิงสุ่ยคิดบางสิ่งบางอย่างก่อนจะกล่าวออกมา

 

“จริงหรือ?”อี่หวงกูหวู่ไม่คิดว่าชิงสุ่ยจะเห็นด้วย

 

“ข้าเองก็อยากจะพูดเช่นนี้ แม้ว่าข้าจะคิดถึงเจ้าแต่ข้ารู้ดีว่าเจ้ามีสิ่งที่ต้องทำ มีอะไรที่ข้าพอจะช่วยอะไรบ้าง?”อี่ห่วงกู่หวู่ตกตะลึงในขณะที่เธอพูดอย่างรวดเร็ว

 

“ข้าคิดแผนเหล่านี้มาโดยตลอด และข้าก็คิดถึงเจ้ามากเช่นกันซึ่งถ้าหากเจ้าได้อยู่ข้างกายข้าตลอดเวลามันก็คงทำได้ข้ารู้สึกสบายใจ และด้วยความสามารถของเจ้า เจ้าจะสามารถหยุดยั้งคนจำนวนมากได้และมันจะช่วยเหลือค่าได้ดียิ่งขึ้น”ชิงสุ่ยยิ้มขณะกล่าว เขาจำเป็นต้องสร้างรากฐานให้กับครอบครัวของเขาเพื่อให้พวกเขาสามารถมีชีวิตที่ดีและมั่นคงได้เมื่อมายังที่แห่งนี้

 

มันเป็นเรื่องดีที่อี่หวงกูหวู่ได้ไปยังเมืองหลวงของมหาทวีปด้วยเช่นกัน และด้วยพลังของ ธงสวรรค์ปัญจธาตุที่มีประโยชน์มากมายมันจะทำให้เขาสามารถเดินทางกลับไปมาได้อย่างสะดวก

 

เมื่อตัดสินใจแล้ว ชิงสุ่ยก็นำเรื่องต่างๆไปคุยกับหมอปีศาจและคนอื่นๆ

 

และด้วยความสามารถของตระกูลปู้หยางย่อมต้องไม่มีใครกล้าเข้ามาที่นี่เพื่อสร้างปัญหา ชิงสุ่ยจึงได้พูดคุยกับตระกูลปู้หยางเพื่อมอบหมายให้พวกเขาช่วยดูแลหอคอยจักรพรรดิตราบเท่าที่พวกเขาทําได้

 

ในตอนนี้ เหยาชูบิงแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ในอดีตเขาเคยเป็นคนหยิ่งทะนงแม้ว่าจะไม่ใช่ลูกที่เกิดจากภรรยาหลวงก็ตาม แต่หลังจากที่เขาได้เข้าร่วมจากหอคอยจักรพรรดิ ความหยิ่งทะนงที่เคยมีทั้งหมดมันกลายเป็นเรื่องไร้สาระ ความสามารถของเขายังห่างไกลจากคนที่แข็งแกร่งอีกมากโข แล้วนี่มันจะทำให้เขากล้าแสดงความยินทนงและภาคภูมิใจในตัวเองได้อย่างไร?

 

เขาถือได้ว่าเป็นคนที่ฉลาด เขาพยายามเรียนรู้สิ่งต่างๆมากมายจากตัวของชิงสุ่ยซึ่งมันทำให้เขากลายเป็นคนที่ดีขึ้นและได้ใช้ประโยชน์เพื่อผู้อื่น

 

“ว่าแต่เจ้ากำลังจะมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงของมหาทวีปเพื่อจัดตั้งสาขาเช่นนั้นหรือ?”หมอปีศาจถามด้วยความประหลาดใจ

 

“มันคงเป็นเช่นนั้นแต่หอคอยจักรพรรดิที่แห่งนี้มันยังมีจำนวนหมอไม่มากพอ และด้วยความสามารถของท่านที่แห่งนี้จะยังคงยืนหยัดได้ เหล่าสมาชิกในตระกูลอี่หวงจะคอยช่วยเหลือท่าน และถ้าจะกลับมาที่นี่บ่อยๆ”ชิงสุ่ยคิดและกล่าว

 

“เห้อออ ข้ารู้ดีว่าวันนี้มันต้องมาถึง แต่ข้าไม่ได้คิดว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วเช่นนี้ ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ใด เจ้าก็จะเป็นคนที่สำคัญกับพวกเราตลอดไป”หมอปีศาจรู้ดีว่าชิงสุ่ยกำลังจะมุ่งสู่เมืองหลวงของมหาทวีป และนั่นก็หมายความว่าเวลาที่พวกเขาจะได้พบกันจะยิ่งน้อยลงไปอีก

 

“อย่ากล่าวเช่นนั้นเลย เมื่อใดที่เราเจอผู้ที่เหมาะสมในสถานที่ที่เหมาะสม ข้าจะนำคนเหล่านั้นมาที่นี่และพาท่านไปยังที่แห่งใหม่เพื่อพัฒนาฝีมือของท่านต่อไป”

 

“ข้ารู้อย่าได้กังวลเลย!!”

 

………………….

 

ทันทีที่หยวน สู่ รู้ว่าชิงสุ่ยจะพาอี่หวงกู่หวู๋และเธอไปยังเมืองหลวงของมหาทวีปด้วย เธอยิ่งมีความสุข และยิ่งอี่หวงกู่หวู๋ได้เห็นท่าทางของเธอ มันยิ่งเป็นที่ประจักษ์ว่าผู้หญิงคนนี้กำลังตกหลุมรักชิงสุ่ยอย่างแน่นอน

 

หญิงสาวทั้งสองมีความสุขมากยิ่งขึ้นเมื่อได้ฝึกฝนทักษะหงส์เพลิงร่ำร้องจู่โจมพร้อมกัน

 

หยวนสู่ไม่เพียงแต่จะมีพรสวรรค์ทางด้านการปรุงยาแต่เธอยังมีพรสวรรค์ทางด้านดนตรีด้วยและดูเหมือนจะเหนือกว่าอี่หวงกู่หวู๋อยู่เล็กน้อย

 

ภายในเวลาอันรวดเร็วหญิงสาวทั้งสองก็สามารถเข้าใจพวกมันได้ดี

 

…………

 

ในชั่วพริบตาเวลากว่า 20 วันก็ผ่านไป และมันก็เป็นเวลาที่เขาใกล้ที่จะกลับบ้านอีกครั้ง ภายในระยะเวลา 20 วันนี้ ชิงสุ่ยได้ทำการฝึกฝนทักษะร้อยปักษาบูชาหงส์ และคุ้นเคยกับมันอย่างรวดเร็ว

 

ในเวลาเพียงไม่ถึงสองชั่วโมง ชิงสุ่ยก็เดินทางกลับไปถึงตระกูลชิง

 

ตอนที่เขาเดินเข้ามา เขาได้เห็น ชิงซุนและชิงหมิงกำลังฝึกสอน รากฐานของแต่ละคนที่อยู่ในตระกูลชิงต่างก็อยู่ในระดับสมบูรณ์ ทักษะฝีเท้าของชิงซุนนั้นมีแนวโน้มพัฒนาสูงขึ้นจนก้าวไปถึงระดับทักษะก้าวขจัดวิญญาณ ในขณะที่ชิงหมิงนั้นกำลังก้าวขึ้นสู่ระดับก้าวไร้วิญญาณ และเมื่อทั้งคู่ใช้ทักษะย่างก้าว 9 เทวามันให้ความรู้สึกว่าแต่ละคนนั้นช่างแตกต่างกัน

 

หมัดอสูรสันโดษ!!!

 

หมัดวานรปฤษฎางค์!!!

 

ชิงสุ่ยกำลังใช้ทักษะมันอสูรสันโดษในขณะที่ชิงซุนกำลังปลดปล่อยเพลงหมัดวานรปฤษฎางค์ การต่อสู้ของทั้งสองกำลังเป็นไปอย่างดุเดือด และดูเหมือนว่าชิงหมิงจะแข็งแกร่งกว่าอยู่เล็กน้อย มันทำให้ชิงสุ่ยที่ยืนดูอยู่ถึงกับเผยรอยยิ้ม

 

แต่ลูกชายคนโตก็ไม่ใช่คนที่จะสามารถจัดการได้โดยง่าย ชิงซุนยังคงยืนสงบนิ่งและไม่สั่นคลอนราวกับภูเขาที่ตั้งตระหง่าน ทุกครั้งที่เขาต้องเผชิญกับพลังอำนาจของชิงหมิง เขาสามารถปัดป้องและขจัดมันได้อย่างถูกต้อง รัศมีคลื่นพลังการเคลื่อนไหวและเพลงใหม่ที่ถูกปลดปล่อยออกมานั้นคล้ายคลึงกับระดับพลังธรรมชาติ

 

นี่ถือว่าเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมสำหรับเขาที่สามารถเข้าถึงมันได้ตั้งแต่วัยเยาว์ แม้ว่าชิงหมิงจะยังไม่อาจเอาชนะชิงซุนได้แต่ชิงซุนเองก็ไม่อาจทำอะไรชิงหมิงได้

 

มีเพียงสิ่งเดียวก็คือกลิ่นอายของชิงซุนที่นานวันยิ่งดูมั่นคงมากขึ้นเมื่อเทียบกับชิงหมิงและดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อย

 

ทํานายนั้นเราเด็กน้อยคนอื่นๆก็สังเกตเห็นชิงสุ่ย และคนที่สังเกตเห็นเป็นคนแรกนั่นก็คือชิง อวี้ เธอร่ำร้องเรียกชื่อพ่อของเธออย่างมีความสุขขณะที่วิ่งไปหา ซึ่งมันทำให้ชิงซุนและชิงหมิงหยุดการต่อสู้ลงเช่นกันทันทีที่ได้ยินเสียง