“นี่พวก!” หลันโมได้รับข้อความ ใบหน้าของเขาเจื่อนลงเมื่อได้อ่านข้อความจากนั้นเขาเรียกซัวเต๋าและเยซงเต๋าเพื่อรวมตัว
“ข้าเพิ่งได้รับข้อความว่าครอบครรัวใหญ่ฝั่งนั้นตัดสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณและช่องทางการค้าขายทรัพยากรแร่ของพันธมิตรวู่เว้ยของเรา!”
“นี่มันชักน่ากลัวขึ้นทุกทีๆ” ใบหน้าของเยซงเต๋าเปลี่ยนไปราวกับกำลังครุ่นคิด
“พวกเขารังแกเราได้ .. แต่พวกเขาทำอะไรร้านนี้ไม่ได้หรอก!” ซัวเต๋าพูดอย่างโกรธเคือง
“ท่านอาจารย์หลันท่านคิดว่าพวกเราควรทำอย่างไรกันดี!?”
“ข้ามีความเห็นว่า” หลันโมกล่าว “เราสามารถถ่วงเวลาและรักษาสถานการณ์นี้ได้ชั่วขณะ”
“ถ้าเช่นนั้น ..”
“เราจะทำไรกันดี” หลันโมเอ่ย “เราวางเดิมพันแล้ว หากเราส่งข้อความกลับไปตอนนี้เขาก็ขะคิดว่าพวกเขาอ่อนแอและกลัวพวกเขา พวกท่านคิดว่าพวกเขาจะดีกับเรามั้ย!?”
“มันจะดีหากเราลองเสี่ยง แต่เราต้องร่วมมือกัน!”
เยซงเต๋าและซัเต๋าไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี่นอกจากพยักหน้าและยิ้มให้กันอย่างขมขื่น พวกเขาสงสัยว่าพวกเขาจะทำอย่างไรกันต่อไปดี
…
“ดรูอิดเข้าใกล้คู่ต่อสู้ของเขาด้วยการเทเลพอร์ท เมื่อเข้าสู่สนามรบ“ ผู้บังคับบัญชาการอันเฉิงหายตัวในเวลาเดียวกันกับที่ดรูอิดเทเลพอร์ต
ทุกคนจ้องมองหน้าจออย่างตื่นเต้นราวกับเล่นเอง
“บุเช่ติดตามเขาด้วยการพกเทเลพอร์ตเข้าไปหลายอัน ในขณะที่อันเฉิงเองหายตัวได้เกือบตลอดเวลา!” เซียวหยูพึมพำ “เขากำลังแก้ไขอะไรบางอย่างเหมือนท่านอันเฉิงกำลังพบวิธีแก้ไขปัญหาในการใช้เวทย์มนตร์ของเขา”
“ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถเพิ่มความคล่องตัวแถมยังลดระยะร่ายเวทย์อีกด้วย”
ผู้คคนต่างคคลั่งไคล้ในตัวละครของอันหูเว้ยที่ปรากฏตัวอยู่บนหน้าจอยักษ์
“เขานี่ขั้นปรมาจารรย์!”
“เขาทำได้แน่ ..”
“เจ้าจับเค้าไม่ได้หร๊อก!” หลันโมและเยซงเต๋าจะโกนขึ้นระหว่างที่กำลังกัดขนมแท่งรสเผ็ด
“ในไม่ช้าบุเช่ก็จะใช้เทเลพอร์ตอีก แต่ถึงใช้ยังไงเขาก็ไม่ถึงสักที” ด้วยสายตาที่กำลังจ้องมองหน้าจออย่าตั้งใจ
ทันใดนั้นเซียวหยูก็ตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น “นั่น! คลื่นแห่งเงามืดครั้งนี้ท่านอันหูเว้ยไม่เห็นการเคลื่อนไหวของบุเช่ เขาจึงไม่สามารถเคลื่อนย้ายในเวลาพร้อมกันได้”
“ว้าว! เจ้าขนมแท่งรสเผ็ดนี่มันอร่อยและนุ่มนวลที่สุดในโลก!” หลันโมพูดขึ้นหลังจากที่ฟังคำวิจารย์ของเซียวหยูพร้อมเคี้ยวขนมไปด้วย “น่าแปลกใจที่เราไม่สามารถต่อสู้ได้แบบในเกมบ้าง”
“ใช่!” จุนหยางชีหยิบขนมแท่งรสเผ็ดขึ้นมา “มันสนุกกว่าการเข้าร่วมการประชุมอาณาจักรเสียอีก”
“เทเลพอร์ตถูกขัดจังหวะอีกครั้ง” เซียวหยูตบต้นขาตัวเอง “นักเวทย์กำลังเสียเปรียบ!”
ในไม่ช้าเลือดของอันหูเว้ยก็หมดหลอด ..
“จบแล้ว!?”
“ใครคือคู่ต่อไป?”
“ข้าอยากดูอีก!”
“ผู้อาวุโสนาหลันกับฟูเจียงเหอคือม้ามืดที่แรงมาในอันดับสอง” เซียวหยูมองที่หนา้จอ “เอ่อ .. แล้วพวกเขาหายไปไหน?”
[นาหลันฮงวูชนะการแข่งขัน เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามขอถอนตัว] ข้อความปรระกาศลอยเด่นบนหน้าจอ
“อะไรวะ!?”
“เกิดอะไรรขึ้น!?”
“เพราะรู้ว่าตัวเองจะแพ้งั้นหรอ?”
โชคดีที่มันเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาหยุดชะงักเล็กน้อยไม่ได้ส่งผลกระทบต่อกระบวนการแข่งขันแต่อย่างใด .. ไม่มีทักษะใดถูกห้ามหรือมีปัญหาเกิดขึ้นในการแข่ง ฟางฉีพบว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยธรรมดา
แต่ละคนมีความคิดและความสามารถที่แตกต่างกันไป ฟางฉีไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนความจริงนี้เพราะท้ายที่สุดแล้วผู้คนสามารถจะนำคาถาทางจิตวิญญาณและเทคคนิคการต่อสู้ในเกมมาใช้ในโลกแห่งความจริงได้ แต่ .. มันก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถ
การแข่งขันในเกมมักมีกฏเกณฑ์และขุมพลังของแต่ละคนเสมอ .. ในโลกแห่งความจริงทุกคนสามารถแสดงออกมาได้อย่างไม่จำกัด
“นัดต่อไป หลันยันเจอกับซงฉิงเฟิง”
ทั้งสองคนมีความสามารถทั้งการต่อสู้ระยะประชิดแถมยังมีทักษะการต่อสู้ดีทั้งคู่ คู่นี้คงจะเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดไม่เบา เนื่องจากพวกเขาทั้งสองเป็นนักสู้ในระดับเดียวกันในโลกแห่งความจริง ซงฉิงเฟิงมีความเชี่ยวชาญในการใช้ดาบและการต่อสู้ระยะประชิดด้วยความเชี่ยวชาญ ในทางกลับกันพาลาดินของนาหลันเองก็ได้เปิดใช้งานโล่และเธอเองไม่ได้หวั่นเกรงการต่อสู้ระยะใกล้อยู่แล้ว!
บนหน้าจอใหญ่ในตอนนี้ผู้คนต่างเห็นประกาบของดาบที่แผ่ออกมา
แอสซาซินในชุดเกราะหนังสีดำกำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วราวกับผีในขณธเดียวกันเกราะของพาลาดินเองก็ทำหน้าที่ป้องกันการโจมตี มันทำหน้าที่ของมันได้ดีทีเดียว
“ศิษย์พี่เซียวท่านมีความเห็นอย่างไร!?”
“ข้าไม่รู้” เซียวหยูขมวดคิ้วตอบ
“ซงฉิงเฟิง .. ชนะ!”
“นัดต่อไป หวังใต้เจอกับหลี่เฮารัน!”
เจ้าอ้วนหวังใต้กำลังเป็นดาวเด่นในการแข่งขันครั้งนี้อย่างมาก เขาใช้สกิลลดการหยั่งรู้ของศัตรูจากนั้นก็ใช้สกิลลดิเครปพิไฟล์และโครงกระดูกต่อสู้อย่างต่อเนื่อง .. ในที่สุดเขาก็อยู่เหนือกว่า!
หลี่เฮารันเองเห็นภาพหลอนของวิญญาณและรอบตัวเขาล้อมรอบไปด้วยโครงกระดูกรุมเร้าจากทุกทิศทางในความมืด เขาเหมือนถูกบังคับจากทางไกล เมื่อเขาได้สติและกำลังจะร่ายเวทย์แต่มันก็ช้าไปคำสาปประดังเข้ามาหาเขาอีกครั้ง!
มันเป็นครั้งที่สองของผู้ชมที่ได้เห็นพลังอันยิ่งใหญ่ของวันนี้ ความสามารถในการติดตามอันทรงพลังของโครงกระดูกนั้นสุดยอดมากมันจำกัดวิสัยทัศน์ของคู่ต่อสู้อย่างเหลือเชื่อ!
แม้ว่าการเล่นสายเวทย์จะพบกับปัญหาการร่ายเวทย์ที่ใช้ระยะการคลูดาวน์นานแต่ด้วยความมั่นใจในตัวเอง ผู้คนมองว่าหวังใ้สามารถชนะการแข่งขันได้โดยไม่พบกับปัญหาเหล่านี้
“มันเป็นรูปแบบของเจ้าของร้าน” นาหลันหมิงสื่อออกความเห็นขณะกัดขนมแท่ง
การแข่งขัน Diablo และ CS ถูกจัดขึ้นในวันถัดๆ มาในวันต่อมากองกำลังขนาดใหญ่ได้แสดงพลังอันยิ่งใหญ่และกลยุทธ์อย่างชาญฉลาดในการแข่ง CS อย่างไรก็ตามทีมราชวงศ์หรือทีมบลูเฟรมเองไม่ได้ติดอันดับหนึ่งในแปด พวกเขาแพ้ให้กับทีมจากสำนักหลิงหยวน
ท้ายที่สุดสี่อันดับแรกตอนนี้คือทีมจากสำนักหลิงหยวน, ทีมหลิวหยุนนำโดยซูเทียนจิและทีมนักรบอิสระรวมถึงทีมของเหลียงชี
และ Diablo เองแม้ว่าแอสซาซินของซงฉิงเฟิงจะเอาชนะพาลาดินของหลันยันได้ แต่ก็เกือบพลาดไปอยู่ไม่น้อย แต่หากเทียบกับพาลาดินแล้วถือว่าสูสีกันกินกันไม่ขาดจริงๆ
หวังใต้เองพบว่าเป็นเรื่องยากที่จะจัดการกับกลลยุทธ์การเคลื่อนย้ายโดยระยะทางไกล แม้ว่าจะมีพลังอันยิ่งใหญ่ แต่หากต่อสู้ตัวต่อตัวเมื่อเทียบกับดรูอิดแล้ว นั้นทำให้เขาเสียเปรียบอย่างมาก
ดรูอิดสามารถเรียกหมาป่าเพื่อล้อมรอบฝ่ายตรงข้ามได้อย่างง่ายดาย ผลลัพท์ชัดเจน
ตอนนี้นาหลันฮงวูก็ไต่อันดับขึ้นไปอยู่ในอันดับหนึ่งตามที่ทุกคนคาดหวัง แต่พวกเขารู้วึกประหลาดใจไม่น้อยเมื่อเห็นบุเช่และหวังใต้อยู่ในอันดับรองลงมา
ซงฉิงเฟิงไม่สามารถทำอะไรได้นอกจายืนยิ้มอย่างขมขื่น เนื่องจากต้องยอมรับว่าคำสาปนั้นทรงพลังจริงๆ แม้ในการต่อสู้ระยะประชิดจะรุนแรงเพียงใด นอกจากนี้หวังใต้ยังเป็นนักรบธรรมดาเมื่อเทียบกับเขา
อีกด้านหนึ่งของทีม CS ก็สิ้นสุดลงแล้วเช่นกัน
ทีมหลิงหยวนที่นำโดยนาหลลันหมิงสื่ออยู่ในอันดับหนึ่งด้วยความแข็งแกร่งสำหรับความน่าประหลาดใจคือหลิงหยวนทีมสองพ่ายแพ้ให้แก่ซานชิที่นำทีมโดยเหลียงชีในรอบรองชนะเลิศ
สำหรับทีมหลิงหยวนนั้นชนะได้เพราะความแข็งแกร่งของแต่ละบุคคลในทีม ทุกคนต่างยอดเยี่ยมการพัฒนาของพวกเขาค่อยๆเป็นค่อยๆ ไป ในที่สุดเพื่อนร่วมทีมของเธอก็ช่วยกันคว้าชัยชนะมาในที่สุด
การแข่งขันสามสัปดาห์สิ้นสุดลง!
“เจ้านาย! ไหนของรางวัลละ!?” เจียงเสี่ยวหยูมองไปรอบๆ “เรายังไม่ได้มอบของรางวัลกันเลย!”