ภาค 3 บทที่ 87 ไม่เลิกราเด็ดขาด

Jun Jiu Ling หวนชะตารัก

บทที่ 87 ไม่เลิกราเด็ดขาด โดย Ink Stone_Romance

 

เมื่อเขาส่งสัญญาณ เหล่าทหารก็แห่มาข้างหน้าล้อมจูจั้นไว้ ขวางผู้คนตระกูลหวงที่วิ่งมา

ใต้เท้าเฒ่าหวงยิ่งโกรธเกรี้ยว

“ดี ดี พวกเจ้าปกป้องเขา” เขาตะโกนเอ่ย ยื่นมือชี้ด้านนี้ “ตี ตีให้แรงๆ ใครกล้าต่อต้าน คนนั้นเป็นผู้ร่วมสมคบคิดสังหารลูกชายข้า!”

พูดถึงความเหิมเกริมข้ารับใช้ตระกูลหวงอยู่ที่เมืองหลวงก็มีชื่อเช่นกัน

คราโน้นมีขุนนางคนหนึ่งหลบรถม้าของใต้เท้าหวงน้อยไม่ทันก็ถูกข้ารับใช้ตระกูลหวงชี้หน้าด่า ด่าจนขุนนางคนนั้นเป็นลมไป

เมื่อใต้เท้าเฒ่าหวงออกคำสั่งบรรดาข้ารับใช้ตระกูลหวงไม่ลังเลสักนิดยกกระบองพุ่งเข้าไปตีบรรดาทหารเหล่านี้

แม่ทัพย่อมไม่กล้าเอ่ยว่าโจมตีกลับ นี่หาใช่เผชิญหน้ากับองครักษ์เสื้อแพร

แม่ทัพทหารเผชิญหน้ากับขุนนางพลเรือน โดยเฉพาะใต้เท้าเฒ่าหวงขุนนางพลเรือนตำแหน่งเช่นนี้ ไม่กล้าลงมือจริงๆ

บรรดาทหารได้แต่ใช้อาวุธปัดป้อง แม่ทัพเองก็ถูกหวดเข้าหลายกระบอง โกรธจนหน้าเขาแดง

ข้าปกป้องจูจั้นที่ไหนเล่า เห็นอยู่ชัดๆ ว่าข้าปกป้องชีวิตสุนัขเฒ่าตัวนี้ของเจ้าอยู่ ทำคุณบูชาโทษจริงๆ

สถานการณ์ตกอยู่ในความโกลาหลมากยิ่งขึ้น

เสียงตะโกนเสียงด่าเสียงอุทานเจ็บปวดรวมถึงเสียงร่ำไห้ของสตรีในครอบครัวที่ได้ยินเสียงอออกมาล้อมศพของใต้เท้าน้อยหวง ทำถนนทั้งเส้นโกลาหลแล้ว

ท่ามกลางความวุ่นวายนี้ มีเพียงเหล่าองครักษ์เสื้อแพรยืนนิ่งสงบ ราวกับไม่เห็นสองฝ่ายที่สู้กันอุตลุดอยู่

นั่นก็เพราะลู่อวิ๋นฉีไม่ได้มองสองฝ่ายที่สู้กันอุตลุดอยู่ เขามองเพียงคุณหนูจวิน

“คนตายแล้วนะ ครั้งนี้ลำบากแล้ว” เขายืนอยู่หลังร่างคุณหนูจวินเอ่ย

เสียงของเขาทื่อมะลื่อ เพียงฟังเสียงไม่มองเจ้าตัว จะรู้สึกว่านี่เป็นคนที่ตรงไปตรงมาคนหนึ่งแสดงความกังวลและความสังเวชใจอย่างจริงใจ

ใช่แล้ว คนตายแล้ว ลำบากแล้วจริงๆ

คุณหนูจวินไม่สนใจลู่อวิ๋นฉี เพียงมองสองฝ่ายที่สู้กันอุตลุดอยู่ด้านนั้น เมื่อความตกตะลึงถดถอยไปก็มีเพียงสีหน้ากังวลเต็มใบหน้า

ม้าตื่นเป็นข้ออ้างที่ดีอันหนึ่ง

หากจูจั้นไม่ได้พุ่งออกมา

ปล่อยม้าตื่นต่อไป…

คุณหนูจวินมองไปยังอีกด้านหนึ่งของถนน

ด้านนั้นชาวบ้านที่ดูเรื่องสนุกออเต็มอยู่

หากม้าตื่นพุ่งเข้าไป คนบาดเจ็บล้มตายคาดว่าคงมากมาย

คนผู้นี้ช่างเป็นคนที่…ไม่รู้จะพูดถึงเขาอย่างไรดี

ต่อให้เพื่อไม่ให้คนบริสุทธิ์ได้รับบาดเจ็บ ให้คนอื่นมาทำเรื่องนี้ก็พอแล้ว ใยเขาต้องมาเอง?

เรื่องกะทันหันคิดขึ้นมาชั่วแล่นมีเพียงตนเองมั่นใจที่สุดหรือ?

คุณหนูจวินในใจถอนหายใจ

เขาตอนนี้เป็นหนามในดวงเนตรฮ่องเต้ ปวดหัวที่หาข้ออ้างมากล่าวโทษไม่ได้

“ใต้เท้าน้อยหวงวันนี้เพิ่งทูลฮ่องเต้ว่ามีฎีกากล่าวโทษเฉิงกั๋วกงมากมาย”

เสียงของลู่อวิ๋นฉีลอยมาจากด้านหลังอีก

“ฝ่าบาทให้ใต้เท้าน้อยหวงถวายวันพรุ่งนี้ ครั้งนี้คงทำไม่ง่ายแล้ว”

ถึงกับยังมีเรื่องนี้!

มือที่ทิ้งลงของคุณหนูจวินพลันกำแน่น

ถ้าอย่างนั้นนี่ก็ลำบากมากจริงๆ แล้ว

เสียงกีบเท้าเร่งรีบบนถนนดังขึ้น สองฝั่งถนนขุนนางมากกว่าเดิมพุ่งมา เสียงตะโกนรีบร้อน แส้ม้าในมือไม่เกรงใจสะบัดขับไล่ คนบนถนนกระจายสี่ด้านหลีกทาง

นอกจากทหาร ยังมีขุนนางหลายคน

“หยุดให้หมด! รีบแยกพวกเขา!” พวกคนที่มาตะโกนเสียงดัง “ฝ่าบาทมีคำสั่ง เรื่องนี้ให้สอบเข้ม กุมตัวคนทั้งหมดไป”

ได้ยินคำพูดนี้ ลู่อวิ๋นฉีก็ยกมือ

“ทำงานเถอะ” เขาเอ่ย

บรรดาองครักษ์เสื้อแพรที่ดูเรื่องสนุกอยู่ด้านข้างพริบตาชักดาบปักวสันต์ออกมา

“ทั้งหมดหยุด ใครขัดขืนนับว่าขัดคำสั่ง สังหารไม่เว้น” พวกเขาตวาดพร้อมเพรียง ชี้ตรงไปยังคนที่สู้ตะลุมบอนกันอยู่

พวกเขาสีหน้าทะมึน แววตาดุร้าย มองสองฝ่ายด้านหน้า ไม่ว่าขุนนางพลเรือนหรือแม่ทัพทหารล้วนไม่มีอารมณ์สักนิด ทำเพียงสะบัดดาบฟันสังหาร

มีทหารมากกว่าเดิมมาถึง บวกกับองครักษ์เสื้อแพรเข้ามายุ่ง ความโกลาหลบนถนนฟื้นคืนความสงบ

บรรดาชาวบ้านล้วนถูกขับไล่ จูจั้น พวกทหารกับผู้คนตระกูลหวงก็ล้วนถูกแยกเช่นกัน

การสู้ตะลุมบอนเมื่อครู่สองฝ่ายล้วนมีคนบาดเจ็บ โดยรวมแล้วพวกทหารเสียเปรียบ หลายคนถูกฟันบาดเจ็บเลือดย้อมเสื้อแดงฉาน

“พวกเจ้าเป็นหมาบ้าจริงๆ! ตาบอดจริงๆ!” จูจั้นถูกทหารสี่ห้าคนกดไว้ ยังอ้าปากด่าเสียงดัง “ข้าหวังดีช่วยคนกลับตกสู่จุดจบเช่นนี้!”

“จูจั้นเจ้าไม่ต้องเสแสร้งแกล้งโง่ มุกนี้ใช้กับข้าไม่ได้ผล” ใต้เท้าเฒ่าหวงที่ถูกคนสี่ห้าคนประคองปกป้องอยู่ หอบหายใจเอ่ย “ข้าจะให้พวกเจ้าพ่อลูกลงสุสานไปด้วย!”

“เจ้าลองดูสิ เจ้าลองดูสิ เจ้าตาแก่หนังเหนียว!” จูจั้นร้องด่า พร้อมกันนั้นก็โผเข้ามาข้างหน้า ทหารหลายคนกอดไว้แน่น ทั้งที่เป็นเช่นนี้ก็ยังถูกลากไปข้างหน้าหลายก้าวถึงหยุดลง

แม่ทัพทหารที่เร่งมากับเหล่าขันทีกลัวจนเหงื่อเต็มศีรษะ บรรดาทหารเคร่งเครียดอีกครั้งแยกย้ายล้อมพวกเขาไว้

“มีคำพูดอะไรเข้าเฝ้าฝ่าบาทค่อยพูด” แม่ทัพตวาด

“ข้าก็ต้องการเข้าเฝ้าฝ่าบาท” ใต้เท้าเฒ่าหวงเอ่ย สีหน้าโศกเศร้าเสียใจ มองศพลูกชายบนพื้น “ยกขึ้นมา ให้ฝ่าบาททอดพระเนตร”

ถึงกับยกศพเข้าวังเฝ้าเจ้าแผ่นดิน?

สีหน้าเหล่าแม่ทัพกังวลสบตากันทีหนึ่ง

บรรดาขุนนางด้านข้างกระแอมเบาๆ ทีหนึ่ง สีหน้าโศกเศร้าเสียใจเข้าไปพยุงใต้เท้าเฒ่าหวง

“ฝ่าบาทก็ทรงต้องการพบท่าน” พวกเขาเอ่ยแล้วก็มองไปทางศพของใต้เท้าน้อยหวง เสียงหดหู่เศร้าเสียใจ “แล้วก็ใต้เท้าน้อยหวงด้วย”

ฝ่าบาทยังต้องการทอดพระเนตรศพของใต้เท้าน้อยหวงอีก เห็นได้ว่าต้องให้ความเป็นธรรมแน่

ผู้คนตระกูลหวงเปล่งเสียงร่ำไห้อีกครั้งทันที ตะโกนว่าไม่ยุติธรรมพลาง ตะโกนว่าฝ่าบาททรงพระปรีชาพลาง

“ข้าถูกใส่ร้าย! ข้าถูกใส่ร้าย!” เสียงโวยวายของจูจั้นก็สอดแทรกอยู่ในนั้นด้วย

แม่ทัพกับบรรดาขันทีเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก ไม่อาจให้พวกเขาทะเลาะกันที่นี่ต่อได้แล้ว ดังนั้นรีบพาคนสำคัญทั้งหมดไปยังพระราชวัง ไล่คนอื่นไป

ใต้เท้าเฒ่าหวง จูจั้นย่อมต้องไปพระราชวัง ทหารของกรมทหารม้าห้าเมืองยังมีข้ารับใช้ตระกูลหวงที่มีส่วนร่วมในการตีกันเมื่อครู่ก็ต้องพาไปด้วย

คนร้ายคนนั้นตายแล้วย่อมไม่มีวิธีพาไปแล้ว ได้แต่ขนใส่รถส่งไปยังกรมอาญา

ส่วนคุณหนูจวิน

“คุณหนูจวินทำไมมาที่นี่ได้?” ขันทีคนหนึ่งเอ่ยถามท่าทางสงสัย

“ข้าไปส่งยาให้บ้านใต้เท้าอู่บนถนนฝั่งนั้น” คุณหนูจวินเอ่ย ยื่นมือชี้ทิศทางหนึ่ง “ได้ยินว่าด้านนี้เกิดเรื่องจึงเร่งรีบมา”

พูดพลางหลุบตา

“เสียดายนัก ข้าไม่ทันได้ช่วยรักษาผู้บาดเจ็บ”

เช่นนี้เอง ถ้าอย่างนั้นก็บังเอิญผ่านมา นอกจากนี้ยังมาไม่ทันช่วยรักษาใต้เท้าน้อยหวง ถ้าอย่างนั้นก็เหมือนคนข้างทางที่มุงดู

ขันทีมองไปทางลู่อวิ๋นฉี

ลู่อวิ๋นฉีมองก็ไม่มองพวกเขาด้านนี้ พลิกกายขึ้นมาคุมตัวจูจั้นและทหารกลุ่มหนึ่งเดินหน้าไปแล้ว

ในเมื่อลู่อวิ๋นฉีไม่มีความเห็น ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่มีปัญหา ขันทีพยักหน้าให้คุณหนูจวิน

“น่าเสียดายเหลือเกินจริงๆ” เขาเอ่ย ประสานมือขอตัว เร่งรีบไล่ตามกลุ่มคนไป

คุณหนูจวินก็จากไปพร้อมกับฝูงชนที่ถูกขับไล่ เดินมาถึงหัวถนนหันกลับไปมองทีหนึ่ง

คนด้านนี้แทบไม่มีแล้ว ม้าสีดำที่ตายก็ถูกลากไป ราวกับพริบตาเดียวบนถนนฟื้นคืนสู่ความสงบ มีเพียงรอยเลือดบนพื้นและที่สาดพรมบนรองเท้ายังคงเตือนว่าที่นี่เพิ่งเกิดเรื่องขึ้น

ใต้เท้าถังที่อ่อนยวบทรุดอยู่ที่พื้นมาตลอดเพราะประกาศฐานะชัดเจนจึงไม่ได้ถูกขับไล่อย่างนั้นเหมือนชาวบ้านธรรมดา ทั้งยังมีทหารคนหนึ่งเข้ามาพยุงเขา

แต่ใต้เท้าถังยังเหมือนก้าวเดินไม่ไหว สีหน้าอึ้งงันมองรอยเลือดบนพื้น

รอยเลือดนี้เละเทะ แบ่งไม่ออกว่าของใต้เท้าน้อยหวงหรือว่าม้าตื่นตัวนั้น

แต่ไม่ว่าม้าหรือใต้เท้าน้อยหวงล้วนตายแล้ว

ตายแล้วจริงๆ

ต่อให้หมอเทวดาที่ปลุกตายกลับเป็นเดินมาถึงตรงหน้าก็ยังคงตายแล้ว

ก็ตายไปเช่นนี้

ตายในมือของหลานสาวว่านต้าชุน นี่คือกรรมตามสนอง สวรรค์เคยละเว้นใครใช่หรือไม่?

ใต้เท้าถังแข้งขาอ่อนนั่งลงกับพื้นอีกครั้ง

……………………………………….