ตอนที่ 295: รวบรวมป้าย
“คนผู้นั้นไม่กลัวพิษเลยหรือ? เขาต้องมียาแก้พิษที่แรงมากแน่หรือเขาอาจจะมีสมบัติที่ต้านทานพิษได้ ! “
“ดูซิว่าเขาอ่อนแอขนาดไหน เขาต้องถูกจู่โจมจากในเทือกเขามาแน่ ข้าเดาว่าเขาคงไม่แข็งแกร่งสักเท่าไหร่”
“ถ้าอย่างนั้น พวกเราก็ไปบังคับให้เขาให้สมบัติหรือยาของเขาแล้วพวกเราก็เข้าไปดูข้างในกันเองดีกว่า ด้วยจำนวนคนที่มากของพวกเรา พวกเราต้องได้ประโยชน์อะไรมาแน่แน่!”
ชายทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันในขณะที่ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ร่างเข้ามาปรากฏในสายตาอย่างรวดเร็ว เสื้อสีขาวของเขาฉีกขาดและมีเลือดแห้งสีแดงเกาะติดอยู่ บาดแผลที่มีของเหลวสีดำปกคลุมอยู่ถูกพบได้ทั่วร่างของเขา และทุกคนที่เห็นชายหนุ่มคนนี้ก็สามารถบอกได้ว่าอายุของเขานั้นไม่เกิน 20 ปีอย่างแน่นอน
ชายผู้นี้คือเจี้ยนเฉิน!
หลังจากที่หนีออกมาจากภูเขาพิษแล้ว เจี้ยนเฉินก็สูดหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าไป เขาถูกไล่ออกจากมดสังหารเทพและถูกกดดันให้อยู่ในสภาพที่น่าอนาถ แต่เขาก็โชคดีพอที่หนีมาได้
เขากำลังมองไปที่ชายยี่สิบคนที่ยืนอยู่ไกลออกไป เขาถูไปที่มือที่เปื้อนฝุ่นดำของเขาอย่างใจเย็น หลังจากนั้นเขาก็เอาผ้าจากแหวนมิติออกมาเพื่อเช็ดมัน
“นั่นมันแหวนมิติ ! ” เมื่อเห็นตอนที่เจี้ยนเฉินเอาผ้าออกมา คนคนหนึ่งก็ตะโกนออกมาอย่างตกใจในขณะที่เขาเห็นว่าผ้าถูกเอาออกมาจากที่ไหน
“เขามีแหวนมิติ ? ! ” ทุกคนในกลุ่มตาเบิกกว้างไปด้วยความตื่นเต้นและละโมบ พวกเขายิ้มออกมาอย่างมีความสุข
ทันใดนั้นเอง ชายวัยกลางคนก็ตะโกนไปที่เจี้ยนเฉิน “เจ้าหนู เจ้าเป็นใครกัน แล้วเจ้าวิ่งออกมาจากหมอกพิษแล้วมาที่นี่ได้อย่างไรกัน?”
เจี้ยนเฉินมองไปที่คนกลุ่มนี้อีกครั้ง พวกเขาส่วนใหญ่ดูมีอายุราว 30-40 ปี ในขณะที่ความแข็งแกร่งของพวกเขาอยู่ในระดับเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษถึงเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษขั้นสูง
“คำถามที่เจ้าถามมันแปลก ๆ นะ ถ้าข้าสามารถเข้าไปในที่นั่นได้ ข้าก็ต้องออกมาจากที่นั่นได้ซิ” เจี้ยนเฉินพูดออกไปอย่างไร้กังวลพร้อมทั้งยิ้มอย่างสุภาพไปที่คนกลุ่มนั้น
พวกเขาไม่เข้าใจถึงสายตาของเจี้ยนเฉินที่จ้องมาที่พวกเขา ชายคนหนึ่งจึงถามต่อ “ทำไมเจ้าถึงไม่กลัวพิษ เจ้าใช้อะไรเพื่อต้านมันกัน?”
เจี้ยนเฉินหัวเราะ “มันไม่สะดวกเท่าไรที่จะบอกพวกเจ้า”
เมื่อได้ยินดังนั้น ชายวัยกลางคนก็มองหน้ากันกับสหายของเขา จากนั้นเขาก็โบกมือ และคนทั้งกลุ่มก็เข้าไปล้อมเจี้ยนเฉิน
“เจ้าหนู ข้าไม่คิดจะทำร้ายเจ้า ส่งแหวนมิติมา แล้วบอกมาว่าเจ้าสามารถต้านทานพิษได้อย่างไร แล้วพวกเราจะปล่อยเจ้าไป” ชายคนนั้นสั่ง
“ใช่แล้ว พวกเราไม่ใช่คนที่ฆ่าฟันโดยไม่จำเป็น เมื่อเห็นว่าเจ้ายังหนุ่มขนาดนี้ เจ้ายังมีชีวิตอยู่อีกมากที่รอเจ้าอยู่ แค่ส่งแหวนมิติมาอย่างว่าง่าย แล้วบอกพวกเราว่าเจ้าทนพิษได้อย่างไร” ชายร่างผอมพูด
“เจ้าหนู ดูจากผิวของเจ้าที่ช่างบอบบาง เจ้าคงไม่คุ้นเคยกับความเจ็บปวดเท่าไรนัก เป็นเด็กดีแล้วบอกสิ่งที่พวกเราอยากรู้มา ไม่เช่นนั้นเจ้าจะไม่เหลือหน้าหล่อหล่อของเจ้าอีก ถ้าเป็นอย่างนั้น อย่ามาโทษข้าถ้าเจ้าหาผู้หญิงดีดีไม่ได้ล่ะ” ชายที่ดูดุร้ายอีกคนพูดออกมาด้วยเสียงอื้ออึง แม้ว่าเสียงของเขาจะดูตรงตรง แต่มันก็แฝงความเยาะเย้ยอยู่ในนั้นด้วย
เจี้ยนเฉินยิ้มให้คนกลุ่มนั้น “เห็นแก่พวกเจ้าที่ไม่ใช่คนที่เลวอะไร ข้าจะไม่ทำให้พวกเจ้าอับอาย ส่งป้ายของพวกเจ้ามา แล้วข้ารับรองว่าจะไม่ทำร้ายพวกเจ้า”
คำพูดเหล่านี้ทำให้ชายพวกนี้นิ่งอึ้งไป ทุกคนพากันหัวเราะขบขัน ในขณะที่หนึ่งในนั้นพูดออกมา “เด็กนี้ช่างโอหังนัก ทุกคนมาทำให้มันอับอายกันไปเลย ! “
“ให้ข้าจัดการเอง ! ” ชายตัวใหญ่อาสา ในขณธที่เขาเดินออกมาด้านหน้าแล้วยกหมัดขึ้นมาแล้วชกไปที่เจี้ยนเฉิน
เมื่อเห็นหมัดที่กำลังเข้ามา เจี้ยนเฉินก็ส่ายหน้าก่อนที่จะยกมือขวาของเขาขึ้นมาเพื่อรับหมัดเอาไว้ เขาออกแรงเพียงเล็กน้อย แล้วเสียงกระดูกแตกก็ดังขึ้นมาในขณะที่เจี้ยนเฉินบีบไปที่มือของชายผู้นั้น
“อ้าก ! ปล่อยนะ ! เจ้าทำให้ข้าเจ็บ ! ” ชายคนนั้นร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ในขณะที่เขาพยายามที่จะดึงหมัดออกมา
ภาพนี้ทำให้คนอื่น ๆ ตกใจในขณะที่ใบหน้าของพวกเขาก็เคร่งเครียดขึ้นเรื่อย ๆ
“พวกเราช่างตาบอดเสียจริงที่ไม่คิดว่าเจ้าหนูนี้จะมีความสามารถถึงเพียงนี้ พี่น้องข้า จัดการมัน ! ” ชายที่เหลืออยู่เอาอาวุธเซียนออกมาเพื่อที่จะโจมตี
เจี้ยนเฉินยื่นนิ้วออกมาสองนิ้วแล้วปราณกระบี่ที่มีแสงจาง ๆ ก็พุ่งออกมายาว 1 ฟุต ปราณกระบี่กระพริบอีกครั้งก่อนที่จะหายไปจากสายตา
ด้วยเวลาไม่ถึงเสี้ยววินาที เจี้ยนเฉินก็เคลื่อนที่ไปรอบ ๆ ชายแต่ละคน ทันทีที่เขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เสื้อของชายเหล่านั้นก็ขาดเป็นชิ้น ๆ ทันที ทันใดนั้นเอง เสื้อที่เคยเป็นระเบียบเรียบร้อยก็กองเป็นชิ้น ๆ ที่เท้าของพวกเขา โดยที่พวกเขาไม่มีรอยบาดแผลอะไรเลย
ชายทั้งยี่สิบคนนิ่งอึ้ง พวกเขาจ้องเขม็งไปที่เสื้อที่เหลืออยู่จากการถูกฟันไปของพวกเขา พวกเขาทั้งหมดจ้องมองเจี้ยนเฉินด้วยความตกใจสุดขีด
“ทุก ๆ คน ทางที่ดี พวกเจ้ามอบป้ายของพวกเจ้ามาซะโดยดี” เจี้ยนเฉินยืนอยู่ใกล้ใกล้ด้วยรอยยิ้มที่ส่งไปให้กับทุกคน
“จะ เจ้า เจ้าเป็นเซียนปฐพีอย่างนั้นหรือ ? ! ” ชายพวกนั้นตะโกนออกมาด้วยความกลัว น้ำเสียงของพวกเขามีความเหลือเชื่ออย่างมากในขณะที่พวกเขายืนยันคำถาม
เมื่อได้ยินดังนั้น ชายคนอื่นก็ตาเบิกกว้างไปด้วยความหวาดผวา พวกเขาไม่เชื่อจริงจริงว่าเด็กหนุ่มอายุ 20 ปีที่อยู่ตรงหน้าเขาคนนี้จะเป็นจอมยุทธที่เป็นถึงเซียนปฐพี
“บ้าเอ้ย ช่างโชคร้ายอะไรอย่างนี้ เด็กหนุ่มที่พวกเราเจอคนแรกดันเป็นเซียนปฐพี สวรรค์ได้ทอดทิ้งพวกเราแล้ว” ชายคนนี้ถอนหายใจก่อนที่จะโยนเข็มขัดมิติของเขาไปให้เจี้ยนเฉิน “ป้ายอยู่ในนั้น ข้าเกรงว่าเจ้าจะคิดว่าพวกเรากำลังซ่อนอะไรบางอย่างอยู่ เช่นนั้นเจ้าก็ดูเอาเองเลยก็แล้วกัน”
หลังจากนั้น ชายคนอื่นอื่นก็โยนเข็มขัดมิติของพวกเขาไปด้วยความลังเลเล็กน้อย พวกเขาคอตกและหนักใจ พวกเขามองออกไปอย่างสิ้นหวัง และมีปฏิกิริยาตรงข้ามจากที่พวกเขาเป็นก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
หลังจากนั้น เจี้ยนเฉินก็เอาป้ายออกมาและเริ่มนับ มีป้ายทั้งหมดอยู่ 150 ป้าย
เจี้ยนเฉินไม่แตะของอย่างอื่นเลยแล้วส่งเข็มขัดมิติกลับและออกไปจากที่นั่น
ทั่วทั้งทุ่งเต็มไปด้วยร่องรอยของการต่อสู้ ร่างคนตายถูกพบได้ทุกที่ในขณะที่เจี้ยนเฉินเตร็ดเตร่ไป ในตอนผ่านมา เขาสามารถเอาป้ายมาได้อย่างง่ายดาย แต่ในตอนนี้การแข่งขันมาถึงตอนท้ายแล้ว ป้ายทั้งหมดคงอยู่ในมือของจอมยุทธไม่กี่กลุ่มที่เป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ คนที่เดินทางตัวคนเดียวหรือกลุ่มเล็ก ๆ คงจะเก็บป้ายทั้งหมดเอาไว้แล้ว
สองวันต่อมา ในขณะที่เจี้ยนเฉินเจอคนมาหลายคน แต่ผลกำไรก็ไม่ได้ดีเท่าไรนัก รวมรวมแล้วเขาได้มาเพิ่มเพียงไม่กี่ร้อยป้าย
เจี้ยนเฉินเดินไปที่บริเวณที่ห่างไกลออกมาแล้วเขาก็เห็นคนสองร้อยกว่าคนกำลังต่อสู้กันอยู่ การต่อสู้ดูรุนแรงมากและหลายคนก็ล้มตายจมกองเลือดอยู่บนพื้น
หลังจากที่ผ่านไปสักพัก การต่อสู้ก็เหลือชายเพียง 20 คนเท่านั้น พวกเขาทั้งหมดบาดเจ็บและร่างของพวกเขาก็เต็มไปด้วยเลือด
ทั้งยี่สิบคนอยู่กลุ่มเดียวกันและเริ่มทำแผลของพวกเขา และเริ่มเก็บป้ายที่อยู่ในสนามต่อสู้
หลังจากที่พวกเขาเก็บป้ายหมดแล้ว ชายที่ยังมีสภาพดีอยู่มองหน้ากันและกันแล้วพยักหน้า พวกเขาบินไปที่กลุ่มคนที่ได้รับบาดเจ็บและโจมตีไปที่พวกเขา
คนที่ได้รับบาดเจ็บที่ต่อสู้เคียงข้างกับพวกเขามาก็กระตุกไปก่อนที่จะล้มลงไปบนพื้นหลังจากที่ถูกโจมตี
“เจ้า เจ้าทำแบบนี้ได้อย่างไร…” คนหนึ่งที่ถูกแทงเข้าที่หัวใจมองไปที่ชายอีกคนอย่างไม่อยากจะเชื่อทันที
“เจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัสเกินไปแล้ว เจ้าคงจะอยู่ในโลกนี้ได้อีกไม่นานหรอก ข้าก็แค่ช่วยทำให้มันเร็วขึ้นเพื่อที่เจ้าจะไม่ต้องทุกข์ทนเท่านั้นเอง” หนึ่งในนั้นพูดออกมา
“เจ้า…เจ้าต้องได้รับกรรมจากสิ่งนี้!” ในขณะที่เขาพูดออกไป เขาก็ล้มลงตายบนพื้น
หลังจากนั้น คนที่เหลือรอดอยู่ก็เอาป้ายจากคนที่ตายแล้วออกจากที่นั่นไป
ในตอนที่กลุ่มชายเหล่านี้กำลังจะจากไป ชายหนุ่มในชุดขาวจู่ ๆ ก็ปรากฎขึ้นมาจากที่ไหนก็ไม่รู้และมาขวางทางของพวกเขาเอาไว้ คนผู้นี้คือเจี้ยนเฉิน
“พี่ชาย ทำไมพวกเจ้าช่างไร้ปราณีนัก เพื่อที่จะเอาป้ายแค่ไม่กี่ป้าย เจ้าถึงกับฆ่าสหายที่ร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพวกเจ้าได้” เจี้ยนเฉินพูดออกมาอย่างสงบด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีความรู้สึกในนั้น
“เจ้าเป็นใครกัน ! ” เมื่อได้เห็นเจี้ยนเฉินปรากฏตัวขึ้นมา ทุกคนก็ตื่นตัวทันทีก่อนที่จะเอาอาวุธเซียนของพวกเขาออกมา ในขณะที่พวกเขาจ้องมองเจี้ยนเฉินด้วยสายตาดุดัน
“คนที่จะฆ่าพวกเจ้า” เจี้ยนเฉินยกมือของเขาขึ้นทันทีในขณะที่ปรารณกระบี่ยาว 2 ฟุตก็พุ่งออกมาจากนิ้วของเขา ในพริบตา เขาก็บินไปที่ชายคนนั้นและฟันไปที่คอของเขา
บางคนในกลุ่มเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษและไม่สามารถจับการเคลื่อนไหวของเจี้ยนเฉินได้ทัน ในตอนที่พวกเขาถูกฟันที่คอ พวกเขาก็ได้แต่ล้มลงไปบนพื้นไปอย่างตกใจ
เจี้ยนเฉินเดินไปที่ศพ และเขาก็นับป้ายที่อยู่ในเข็มขัดมิติได้ทั้งหมดกว่า 200 ป้าย นี่มากกว่าที่เขาเก็บได้เมื่อวานเสียอีก
ทันใดนั้นเอง ดินรอบ ๆ เจี้ยนเฉินก็มาล้อมบดบังสายตาของเขาเอาไว้ ร่างหนึ่งที่มีพลังเซียนธาตุดินล้อมร่างอยู่ได้พุ่งเข้ามาพร้อมกับดาบเป็นประกายที่ฟันมาที่หัวของเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินแค่นเสียงเย็นชา จากนั้นเขาก็หลับตาเพื่อที่จะไม่ให้ฝุ่นเข้าตาของเขา กระบี่วายุโปรยปรากฎขึ้นในมือของเขาทันทีและแทงออกไป 1 ครั้ง
“ชิ้ง ! “
ดินกระจายออกไปทุกที่ กระบี่วายุโปรยของเจี้ยนเฉินปะทะกับดาบของศัตรูทำให้เกิดเสียงโลหะกระทบกันดังขึ้นมา