เมื่อถูกฮวาหยุนเฟยยั่วยุต่อหน้าต่อตา จี้เทียนซิงที่เป็นรุ่นเยาว์เลือดร้อนย่อมต้องเกิดความคิดต่อสู้เป็นธรรมดา
ทุกคนในห้องโถงใหญ่ทั้งตกใจและประหลาดใจ พวกเขาจ้องมองไปที่ชายหนุ่มทั้งสองคนและกระสันจะชมการต่อสู้ครั้งนี้
จี้เทียนซิงยืนห่างจากฮวาหยุนเฟย 10 ก้าว มือขวากุมกระบี่มังกรโลหิต ส่วนฮวาหยุนเฟยชักกระบี่เหล็กดำขั้นล้ำลึกออกมาและคำรามใส่อีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเย็นชาแฝงจิตสังหาร จากนั้นมันก็ออกกระบวนท่าเข้าหาจี้เทียนซิง
“จี้เทียนซิง รับกระบวนท่า !”
กระบี่เหล็กดำขั้นล้ำลึกแฝงไปด้วยปราณกระบี่ของยอดยุทธ์เขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงทำให้เกิดรอยแตกที่อากาศ และเสือกแสงเข้าที่หน้าของจี้เทียนซิง
ชายหนุ่มตอบโต้โดยไร้ซึ่งการลังเล เขากระชับกระบี่มังกรโลหิตไว้แน่นรอจนกระทั่งกระบี่ของอีกฝ่ายใกล้จะถึงตัว
เขาไม่ได้ใช้พลังจากปราณกระบี่ทั้ง 12 สายในร่างที่ควบแน่นทิ้งไว้ แต่ใช้เพียงแค่พลังของระดับปรับแต่งกายขั้นที่ 9 เพื่อปะทุวิชาสิบยอดกระบี่ซึ่งเป็นวิชากระบี่ที่ดีที่สุดของเขา
เคร้ง !
กระบี่ทั้งสองเล่มชนกันและกระแทกเข้าหากัน ทันใดนั้นมันก็กลายเป็นเสียงแหลมแสบแก้วหูสะท้อนกึกก้องไปทั่วห้องโถงใหญ่
ในพริบตา จี้เทียนซิงลงมือใส่ฮวาหยุนเฟยไปถึง 3 กระบวนท่า
ชายหนุ่มทั้งสองใช้ท่าร่างอันยอดเยี่ยม กระพริบไปมาในห้องโถงราวกับพวกเขาเป็นกระต่ายที่ปราดเปรียว
กระบี่ทั้งสองเล่มต่างก็ปะทะกัน ฝ่ายหนึ่งราวกับมังกรทะยานเหนือมหาสมุทร อีกฝ่ายหนึ่งดั่งกระเรียนราวสยายปีก เสียงของการปะทะยังคงดังต่อเนื่องด้วยประกายแสงอันเยือกเย็น
เหล่ารุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์หลายคนในห้องโถงต่างก็มีสีหน้างุนงงเล็กน้อย และแสดงสีหน้าซับซ้อนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าจี้เทียนซิงที่เป็นดั่งชนชั้นขยะจะสามารถต่อสู้กับฮวาหยุนเฟยในเขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงขั้นที่ 2 ได้สูสีขนาดนี้
บางคนเริ่มกระซิบกระซิบกันด้วยความตกอกตกใจ
“นี่เกินกว่าสามกระบวนท่าแล้ว แต่จี้เทียนซิงกลับยังมิพ่ายแพ้ เป็นไปได้อย่างไร ?!”
“เป็นไปไม่ได้ ! หากมันมีความแข็งแกร่งในระดับปรับแต่งกายาขั้นที่ 9 เป็นไปไม่ได้ที่จะทานรับพลังฝีมือของฮวาหยุนเฟยไหว !”
“หรือว่าแท้จริงแล้วความแข็งแกร่งของจี้เทียนซิงฟื้นฟูกลับสู่เขตแดนต้นกำเนิด ?”
คนส่วนใหญ่เริ่มเกิดความไม่เข้าใจและในใจเต็มไปด้วยความสงสัย
แต่เหล่าอัจฉริยะ 10 อันดับแรกนั้นกลับยังมีสีหน้าผ่อนคลายและมีรอยยิ้ม
วีรบุรุษคู่ดำขาวต่างก็มองไปที่การต่อสู้ระหว่างจี้เทียนซิงและฮวาหยุนเฟยอย่างอวดดี ทั้งคู่แสดงท่าทีที่สูงส่ง
“หึ จี้เทียนซิงไม่ได้อยู่ในเขตแดนต้นกำเนิดแท้จริง มันมีพลังในระดับปรับแต่งกายาขั้นที่ 9 เท่านั้น เหตุผลที่ทำให้มันสามารถพัวพันกับฮวาหยุนเฟยได้โดยไม่แพ้ก็คืออีกฝ่ายยังไม่ได้ใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมด”
เหล่ารุ่นเยาว์มากพรสวรรค์ทั้งหลายที่ได้ยินคำอธิบายของวีรบุรุษคู่ดำขาวก็ตระหนักได้ในทันที
แน่นอนว่าฮวาหยุนเฟยล้มเหลวในการฉวยโอกาสเป็นฝ่ายได้เปรียบจากกระบวนท่าแรกๆ ด้วยความที่ถือดีว่ามีพลังเหนือกว่า แต่ไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ดั่งใจก็ทำให้เกิดโทสะครอบงำจนไม่อาจตั้งสมาธิและใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดออกมาได้
ใบหน้าของมันมืดครึ้มและเย็นชาราวกับน้ำแข็ง ร่างกายแผ่ซ่านกลิ่นอายอันเยือกเย็นออกมา ฝ่ามือของมันพลุกพล่านไปด้วยพลังต้นกำเนิดสีดำน้ำเงินและกระบี่เหล็กดำขั้นล้ำลึกของมันก็ฉาบเคลือบไปด้วยชั้นแสงสีฟ้า
มันโคจรพลังต้นกำเนิดไปจนถึงขีดสุดและทำให้วิชากระบี่รุนแรงและรวดเร็วขึ้นเป็นสองเท่า !
“ฮึ่ม !”
หลังจากกระบี่เหล็กดำขั้นล้ำลึกและกระบี่มังกรโลหิตปะทะกันอีก 3 ครั้ง จี้เทียนซิงก็เผยสีหน้าตกตะลึงและถอยหลังไปหลายก้าว
เมื่อเห็นฉากนี้เหล่ารุ่นเยาว์หลายคนในห้องโถงใหญ่ต่างก็ส่งเสียงเชียร์และปรบมือให้กับฮวาหยุนเฟย
ดูเหมือนว่าฮวาหยุนเฟยจะได้รับการสนับสนุนจากผู้คนรอบด้านเป็นอย่างมาก การแสดงออกของมันยิ่งดุดันน่ากลัวยิ่งขึ้น
มันไม่ปล่อยให้จี้เทียนซิงได้พักหายใจและฟาดฟันกระบี่ซ้ำออกไปอีกครั้งทันที
จี้เทียนซิงถูกล้อมไว้ด้วยเงากระบี่สีดำน้ำเงิน เงากระบี่แต่เล่มต่างก็พุ่งชี้ไปที่คิ้ว ลำคอและหน้าอกซึ่งเป็นจุดตายแทบทั้งสิ้น !
สถานการณ์ของเขานั้นอันตรายมากและอาจจะจบชีวิตได้หากประมาทแม้เพียงเล็กน้อย
แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่ลนลาน เขาตั้งสมาธิและเหวี่ยงกระบี่มังกรโลหิตออกไปอย่างเยือกเย็นเพื่อต่อต้านการโจมตีของฮวาหยุนเฟย
ด้วยวิชาสิบยอดกระบี่ เขาสามารถปิดกั้นการโจมตีถึงชีวิตของฮวาหยุนเฟยได้ครั้งแล้วครั้งเล่า
อย่างไรก็ตาม ปริมาณพลังต้นกำเนิดที่ฮวาหยุนเฟยปะทุออกมานั้นทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆและการโจมตีก็เกรี้ยวกราดมากขึ้น
ด้วยความแข็งแกร่งทางกายภาพที่ด้อยกว่าต่อให้ผสานกับวิชาสิบยอดกระบี่ จี้เทียนซิงย่อมมิอาจต้านทานการโจมตีของฮวาหยุนเฟยได้นานนัก เขาทำได้เพียงต้านรับและถอยร่นอย่างต่อเนื่อง
ความแข็งแกร่งภายในของเขาซึ่งก็คือปราณกระบี่ 12 สาย มันพร้อมที่จะถูกปล่อยออกไปได้ทุกเมื่อ แต่ชายหนุ่มก็ปฏิเสธความคิดที่จะใช้ปราณกระบี่อย่างดื้อรั้นและไม่ยินยอม
ในตอนนี้เขาไม่ต้องการเปิดเผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงและความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อหน้าทุกคนและหลิงหยุนเฟย
ผู้คนในห้องโถงใหญ่เริ่มรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆทุกครั้งที่กระบี่ของฮวาหยุนเฟยถูกจี้เทียนซิงปัดป้องเอาไว้ได้ ทุกคนร่ำร้องส่งเสียงออกมาด้วยความประหลาดใจและเผยให้เห็นถึงความคาดหวัง
โทสะของฮวาหยุนเฟยทวีคูณขึ้นเรื่อยๆและรู้สึกละอายใจตนเองไม่สามารถเอาชนะจี้เทียนซิงได้สักที
ในที่สุดความอดทนของมันก็หมดลงและใช้กระบวนท่าที่รุนแรงที่สุดออกมา
“จี้เทียนซิง ลงนรกไปซะ !”
ฮวาหยุนเฟยคำรามด้วยจิตสังหารท่วมท้นและฟาดฟันเงากระบี่ออกไป 9 สายในทันที
ชายหนุ่มไม่กล้าประมาทวิชากระบี่นี้ เขาพยายามหลบเลี่ยงแต่กลับช้าไปเสี้ยววินาทีจนโดนเงากระบี่สีน้ำเงินเล่มหนึ่งแทงเข้าที่น่องซ้าย เลือดไหลออกมาหยดลงบนพื้นหินอ่อนจนกลายเป็นสีแดงส่องประกายภายใต้แสงไฟ
ร่างกายของจี้เทียนซิงชะงักและความคล่องตัวลดลงเล็กน้อย
ฮวาหยุนเฟยเผยสีหน้าแห่งความปีติยินดี เขาไล่ล่าไม่ลดละและแทงเงากระบี่สีน้ำเงินออกไป
“ตายซะ !”
คราวนี้เงากระบี่แสงสีฟ้าทั้งเก้าเล่มล้อมรอบร่างของจี้เทียนซิงเอาไว้ เขาไร้ทางหนีอีกต่อไป
“สุดท้ายก็ต้องใช้มันหรือนี่……”
เมื่อได้เห็นว่าตนเองกำลังจะถูกแทงด้วยเงากระบี่ ดวงตาของจี้เทียนซิงก็ส่องประกายเย็นเยียบ เขายังคงลังเลเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจ
เขาไม่ต้องการใช้ปราณกระบี่ในร่างเพียงแค่ป้องกันเงากระบี่ของฮวาหยุนเฟย แต่ยังจะใช้มันเพื่อสังหารอีกฝ่าย !
ถึงแม้ว่าเขาจะต้องเปิดเผยความแข็งแกร่งและไพ่ตายในที่สาธารณะ แต่เวลานี้เขาไม่สนใจแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่จี้เทียนซิงเกิดความคิดและกำลังจะกระตุ้นปราณกระบี่ ทันใดนั้นเองก็มีแสงสีทองอร่ามของคลื่นกระบี่ฟาดฟันลงมาจากชั้นสองของห้องโถงใหญ่
มันเป็นคลื่นพลังกระบี่ขนาดใหญ่กว่า 2 เมตรและกว้างเท่ากับฝ่ามือ มันแฝงไว้ด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัวและทำลายเงากระบี่ทั้ง 9 ของฮวาหยุนเฟยได้ทันที
“ปง !”
ท่ามกลางเสียงดังสนั่น เงากระบี่ทั้ง 9 ก็พังทลายลงในเวลาเดียวกันและเหือดหายไปทันที
เท่านั้นยังไม่พอ คลื่นกระบี่ขนาดใหญ่เจาะทะลุพื้นหินอ่อนจนเกิดรอยปริแตกขนาดใหญ่
ฮวาหยุนเฟยได้รับผลกระทบจากพลังอันน่าสะพรึงกลัวไปด้วย เขากระอักเลือดคำโตออกมาทันที
ฉากที่เกิดขึ้นในฉับพลันครั้งนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึงและโง่งมอย่างสมบูรณ์
แม้แต่จี้เทียนซิงก็ไม่คิดว่าจะมียอดฝีมือยื่นมือเข้าช่วยเขาในเวลาวิกฤตเช่นนี้ !
ชายหนุ่มมองขึ้นไปที่ชั้นสองของห้องโถงโดยไม่รู้ตัว ดวงตาของเขาตกลงที่ห้องๆหนึ่งที่ถูกกั้นไว้ด้วยม่าน
ในขณะเดียวกันก็มีเสียงแหลมสดใสและอ่อนหวานของอิสตรีดังขึ้นจากภายในห้อง “แลกเปลี่ยนชี้แนะกระบวนท่า ไฉนถึงได้มุ่งหมายเอาชีวิตกันเล่า ?”
เมื่อได้ยินเสียงอันไพเราะและคุ้นเคยนี้ ร่างกายของจี้เทียนซิงก็สั่นสะท้าน ดวงตาของเขาทอประกายและมีรอยยิ้ม
“เป็นฝีมือนาง!”